บทที่ 97 ตำนานของเจ้าแห่งแมงดา (ต้น)
ท้ายที่สุดเมื่อกระบี่ทั้งหมดถูกหลอมละลายไป เย่เฉินเหลียง ก็ถูกทิ้งให้พุ่งเข้าหา เพ่ยเหมียนหมาน โดยลำพัง
เย่เฉินเหลียง ทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว เขาโมโหที่กระบี่ของ หยวนเหวินตง ไร้ประโยชน์สุดๆขนาดนี้และเขาหวาดกลัวจนตัวสั่นเพราะตอนนี้เขาไม่สามารถหยุดตัวเองได้แล้ว เขาพุ่งมาอย่างเต็มแรงมันไม่มีทางที่เขาจะเบนทิศทางได้ทัน หากเปลวไฟสีดำสามารถละลายโลหะได้ง่ายขนาดนั้น ร่างกายของเขาที่มีแต่เลือดกับเนื้อจะต้านทานมันได้ยังไง?
แต่แล้วก่อนที่ เย่เฉียนเหลียง จะพุ่งเข้าหากองเพลิงเหมือนดั่งแมลงเม่า จู่ ๆ ชายวัยกลางคนหัวล้านตรงกลางศีรษะก็ปรากฏตัวขึ้นขั้นกลางระหว่างทั้งสองคน จากนั้นชายวัยกลางคนเหยียดมือจับศีรษะของ เย่เฉินเหลียง เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเขาในทันที
“อยู่แค่ระดับ 3 แต่กลับเอาหัวพุ่งเข้าไปหาผู้บ่มเพาะระดับ 5 นี่เจ้าไร้สมองหรือว่าอยากตายกันแน่?” ชายวัยกลางคนตวาดใส่ด้วยสีหน้าที่โกรธจัด หลังจากนั้นเขาหันไปหา เพ่ยเหมียนหมาน “เจ้าด้วย! ทำไมเจ้าถึงต้องโหดร้ายกับเพื่อนร่วมสถาบันแบบนี้?”
เพ่ยเหมียนหมาน ดับเปลวไฟสีดำของนางก่อนที่จะพูดว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยทั้งหมดที่ข้าทำคือยืนอยู่กับที่ หากเขาตายมันก็เป็นความผิดของเขาเองที่จู่ ๆ ก็พุ่งเข้ามาหาข้า”
หลังจากพูดจบ เพ่ยเหมียนหมาน เดินจากไปทันที ไม่สนใจว่าอาจารย์คุมกฎผู้เจ้าระเบียบจะพูดอะไรต่อ
ในเวลาเดียวกัน ซูอัน รู้สึกประหลาดใจเช่นกันกับความแข็งแกร่งของนาง โชคดีที่เมื่อคืนวาน เพ่ยเหมียนหมาน ไม่ได้ใช้พลังธาตุของนาง ไม่เช่นนั้นร่างของเขาคงจะสลายหายไปเหมือนกระบี่พวกนั้น
ไม่ว่าเส้นใยสุขสันต์ จะวิเศษขนาดไหน มันไม่มีทางที่มันจะปกป้องชีวิตของเขา หากเขาถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปเหมือนกับกระบี่พวกนั้น
อาจารย์คุมกฎ ลู่เต๋อ มองดู เพ่ยเหมียนหมาน จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำและต่อมาเขาก็หันกลับมามอง เย่เฉินเหลียง ซึ่งยังคงมีท่าทีวิตกจากเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่ “เจ้าใช่ไหมที่เป็นตัวการก่อความวุ่นวายในครั้งนี้?”
วิญญาณของ เย่เฉินเหลียง แทบหลุดออกจากร่างเมื่อเห็นว่า ลู่เต๋อ จ้องจะเล่นงานเขา เขารีบชี้ไปที่ ซูอัน ทันทีและพูดขึ้นอย่างเร่งร้อน “ข้าเปล่านะท่านอาจารย์ ไม่ใช่ข้า! เขาต่างหากที่เป็นคนสร้างปัญหา!”
ลู่เต๋อ หันไปหา ซูอัน และถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าเป็นคนสร้างเรื่องงั้นเหรอ?”
ซูอัน ยักไหล่และตอบกลับด้วยสีหน้าใสซื่อ “อาจารย์ ข้ายืนอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนเลย พวกเขาคือคนที่พยายามยั่วยุให้ข้าตอบรับการท้าประลองอยู่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ท่านสามารถถามนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนี้เอาก็ได้”
บรรดาผู้คนที่มุงดูต่างยืนยันคำพูดของ ซูอัน อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไม่ชอบขี้หน้า ซูอัน เพราะความไร้ยางอายที่เขาชอบพึ่งพาผู้หญิง แต่หลังจากที่พวกเขาเห็นว่าความสามารถแมงดาของ ซูอัน นั้นเหนือล้ำจริง ๆ เขาถึงขนาดผูกสัมพันธ์กับสุดยอดสาวงามได้ 4 คนจากใน 10 อันดับแรก ความรู้สึกของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นความเคารพและความชื่นชม หากพวกเขาสามารถเรียนรู้หลักการของการเป็นแมงดาได้สักอย่างหรือสองอย่างจากซูอัน ชีวิตนี้ของพวกเขาคงนับว่าไม่เสียชาติเกิด!
อย่างไรก็ตาม ซูอัน ไม่มีวันนึกฝันได้แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้เวลาจะผ่านไปอีกทศวรรษต่อมา ตำนานของ ‘เจ้าแห่งแมงดา’ ก็จะยังคงถูกเล่าขานสืบต่อกันไปโดยนักศึกษาทุกรุ่น มีแม้กระทั่งกลุ่มคนที่นับถือเขามากจนคิดว่าการเรียกชื่อตรง ๆเป็นการดูหมิ่น พวกเขาจึงตั้งชื่อเรียกแทนตัวของซูอันให้ใหม่ว่า ‘ท่านยอดชาย!’เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ
เมื่อเห็นว่าบรรดานักศึกษาทั้งหลายต่างยืนยันคำพูดของ ซูอัน ไปในทางเดียวกันหมดสีหน้าหน้าของ ลู่เต๋อ ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาหันกลับมาที่ เย่เฉินเหลียง และฟาดเข้าให้ด้วยไม้บรรทัดอันเก่งอย่างไร้ความปราณี “ดี! ดีมาก! อันที่จริงข้าได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าได้ตั้งกลุ่มอิทธิพลในสถาบันเพื่อรังแกคนที่อ่อนแอกว่า! เอาล่ะวันนี้ข้าจะใช้ ‘คุณธรรม’ของข้าในการละลายพฤติกรรมชั่วของเจ้าให้หมดไปเอง!”
เป็นที่รู้กันทั่วสถาบันว่าไม้บรรทัดที่อยู่ในมือของ ลู่เต๋อ นั้นสามารถสร้างเจ็บปวดได้มากกว่า ‘แส้คร่ำครวญ’ ซะอีก เย่เฉินเหลียง กรีดร้องไม่ต่างกับหมูถูกเชือดในแต่ละครั้งที่เขาโดนฟาดและในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งยวด หยวนเหวินตง ก็สู้กับ เพ่ยเหมียนหมาน ด้วยเหมือนกันทำไมเจ้าถึงตีแต่ข้าคนเดียว!
อย่างไรก็ตาม เย่เฉินเหลียง รู้ดีว่าเขาไม่ควรจะพูดความคับข้องใจของเขาออกมาเพราะถึงแม้ว่า หยวนเหวินตง ภายนอกจะดูเหมือนสุภาพบุรุษ แต่ภายในนั้นคือจอมวายร้ายที่ไม่ควรจะไปล่วงเกินเด็ดขาด
หลังจากจัดการกับ เย่เฉินเหลียง แล้ว ลู่เต๋อ ก็หันไปมอง หงซิงอิง ซึ่งยังคงนอนขดเป็นกุ้งอยู่บนพื้น “เช่นเดียวกันสำหรับเจ้า นี่เป็นเพียงวันแรกของเจ้าในที่สถาบัน แต่เจ้ากลับสร้างปัญหาแล้วแบบนี้เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าสอนบทเรียนให้เจ้าเพราะเจ้ามาจากตระกูลฉู่งั้นเหรอ? ในเมื่อเจ้าไม่เคารพกฎของสถาบันนัก วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้กฎของสถาบันฝังเข้าไปในกระดูกของเจ้าจนแม้แต่ตายก็ยังลบไม่ออกเลยทีเดียว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หงซิงอิง แทบอยากจะร้องไห้หาพ่อ
ในตอนแรกข้าก็เป็นคนที่เจ็บหนักสุดแล้วทำไมตอนนี้ข้ากลับต้องมาเจ็บซ้ำเพิ่มด้วย!?
นี่เป็นวันแรกของการเข้ามาในสถาบันดังนั้น หงซิงอิง จึงยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เกี่ยวกับกลุ่มอิทธิพลในสถาบัน ดังนั้นเขาจึงชี้นิ้วไปที่หยวนเหวินตง และพูดว่า “ท่านอาจารย์ ทำไมท่านไม่ลงโทษเขาด้วยล่ะ เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่สร้างความวุ่นวายเหมือนกัน!”
หยวนเหวินตง หันมาจ้อง หงซิงอิง ด้วยสายตาเย็นชาทันที
ในทางกลับกัน ลู่เต๋อ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เขาคือผู้ที่บ่มเพาะได้ถึงระดับ 5 แต่แล้วเจ้าล่ะ? ข้าบอกกับเจ้าตรง ๆ แบบนี้ก็แล้วกันนักศึกษาคนใดที่สามารถบ่มเพาะไปถึงระดับ 5 ได้ล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้าของอาณาจักร ดังนั้นตราบใดที่ไม่ทำสิ่งใดเกินเลยเกินไป สถาบันจะเพิกเฉยต่อสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาทำ”
ซูอัน ถอนหายใจด้วยความปลง ดูเหมือนว่าไม่ว่าอยู่โลกไหนความแข็งแกร่งล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ ดูไม่แปลกใจกับคำประกาศของ ลู่เต๋อ แม้แต่น้อยเพราะพวกเขารู้เกี่ยวกับ ‘กฎที่ไม่ได้ถูกเขียน’ เหล่านี้มาก่อนแล้ว
หลังจากลู่เต๋อพูดจบเขาก็ลาก เย่เฉินเหลียง และ หงซิงอิง จากไป ปล่อยให้บรรดาผู้คนสวดภาวนาให้กับความทรมานที่คนทั้งคู่กำลังจะได้รับ
เว่ยสั่ว กอดต้นขาของ ซูอัน พลางกลืนน้ำลายดักเอื้อกและพูดว่า “ลูกพี่ เมื่อครู่ข้าเป็นห่วงท่านจับใจเลยที่จู่ ๆ ก็พูดสวนไอ้อาจารย์จอมโหดนั่นไปแบบนั้น คนส่วนใหญ่ที่ต่อล้อต่อเถียงกับไอ้หัวล้านนั่นมักจะจบไม่สวยสักราย!”
ซูอัน หัวเราะ “ลู่เต๋อ ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลนักหรอก หากเรามีเหตุผลเพียงพอเขาก็ไม่ทำอะไรเราทั้งนั้น”
“เจ้าคงเป็นคนเดียวที่กล้าให้เหตุผลกับเขา” เซี่ยซิว หัวเราะเสียงดังพลางเดินมาหา ซูอัน “ก่อนหน้านี้ข้ามั่นใจมากว่าข้าไม่เป็นรองใครแน่นอนในทักษะการพิชิตดอกไม้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้หากเทียบกับท่าน ทักษะของข้าคงนับได้ว่าตื้นเขินยิ่งนัก ข้าไม่เคยนึกเลยจริงๆว่าท่านจะสามารถเอาชนะใจสาวงามได้ถึงสี่คนจากสิบสุดยอดสาวงามได้แบบนี้ หากมีโอกาสเมื่อไหร่มันคงจะเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับข้าที่พี่ซูจะสละเวลานั่งลงแลกเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องนี้ให้กับข้าบ้าง”
“น้องเซี่ย เจ้าก็ชมข้าเกินไป มันไม่ใช่ว่าเจ้ามีสุดยอดสาวงามอยู่คนหนึ่งอยู่ข้างกายเจ้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ซูอัน หัวเราะ