บทที่ 113 ตาบอดด้านมาตรฐานความงาม

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 113 ตาบอดด้านมาตรฐานความงาม
สายตาสองคู่ประสานกัน เฟิ่งชิงหัวมือข้างหนึ่งพับไว้ด้านหน้าลำตัว ส่วนอีกข้างโอบรัดแขนอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มไว้

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มเพิ่งอาบน้ำเสร็จ บนร่างกายยังมีกลิ่นของต้นสนและไม้ไผ่ฟุ้งกระจายออกมา

ล้อเก้าอี้รถเข็นเคลื่อนไป ตรงไปที่ด้านหลังหน้าของฉากกลั้น

เสียง “พับ” ดังขึ้น จ้านเป่ยเซียวจับเฟิ่งชิงหัวโยนลงไปในอ่างอาบน้ำ

อ่างอาบน้ำมีขนาดใหญ่ เฟิ่งชิงหัวจมลงไปในน้ำ และโผล่หัวออกมาอย่างรวดเร็ว ความเย้ายวนใจเมื่อครู่นี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย นางชี้ไปที่จ้านเป่ยเซียวด้วยความโกรธ “เจ้า!”

เฟิ่งชิงหัวในเวลานี้เปีบกปอนไปทั่วร่าง ภายใต้ชุดสีขาวเผยให้เห็นสีชมพูแดงลาง ๆ หน้ากากได้จมลงไปในน้ำก่อนแล้ว ใบหน้าที่เปียกโชกด้วยน้ำอุ่นนั้นดูงดงามและบอบบาง ริมฝีปากบางและดวงตากลมโตก็ยิ่งเสริมให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น

จ้านเป่ยเซียวไม่สนใจความโกรธของนาง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อาบให้สะอาด แช่น้ำให้นานหน่อย ล้างกลิ่นคาว”

พูดจบ ชายหนุ่มก็ถอยออกมา เหลือแค่เพียงเฟิ่งชิงหัวผู้เดียวที่แช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ บนใบหน้าแสดงถึงความโมโหจนหน้าเขียว นิ้วที่เหยียดอยู่กลางอากาศถูกกำเข้ามาทีละนิด โค้งงอเข้ามา จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นกปั้นทุบลงไปบนผิวน้ำอย่างรุนแรง น้ำที่สาดกระเซ็นออกมา เปียกปอนบนพื้นเล็กน้อย

แช่ก็แช่!

เฟิ่งชิงหัวนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างเกรี้ยวกราด มองให้กลีบกุหลาบที่ลอยอยู่เหนือน้ำให้กลายเป็นจ้านเป่ยเซียว แล้วฉีกมันเป็นชิ้น ๆ

ในตอนนี้นางรู้แล้วว่าเหตุใดผู้ชายคนนี้ถึงเป็นบ้าขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะกลิ่นเลือดบนตัวของนางไปกระตุ้นผู้ที่สูงส่งและและเป็นโรครักสะอาดอยู่มาตลอด ดังนั้นเขาฉีกเสื้อผ้าของและโยนนางลงไปในอ่างแทน

แต่แค่พูดตรง ๆ ไม่ได้หรืออย่างไร?

ช่างน่าเสียดายกับปากที่สวยงามถึงเพียงนั้นเสียจริง

ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคนประเภทที่อารมณ์ร้ายทั้งยังเรื่องมากเช่นนี้ จะมีใครรับได้กัน ใช้ชีวิตอยู่กับเขาไม่ต่างกับถูกจำคุก โชคยังดีที่ตนไม่ได้ชอบเขา ไม่เช่นนั้นมันคงจะเป็นบทละครน้ำเน่าแห่งโลกมนุษย์ทีเดียว

ในขณะที่เฟิ่งชิงหัวบ่นเรื่องจ้านเป่ยเซียวอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจก็คิดเกี่ยวกับคดีไปด้วย เวลาหนึ่งชั่วยามก็ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งอุณหภูมิของน้ำเย็นลงจึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา มองดูที่นิ้วมือต่างก็ย่นไปจนหมดเสียแล้ว

เฟิ่งชิงหัวกำลังเตรียมที่จะยืนขึ้น จึงได้ค้นพบปัญหาที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง เมื่อครู่ที่นางถูกโยนเข้ามานั้น ดูเหมือนว่า… จะไม่มี… เสื้อผ้าที่สามารถเปลี่ยนได้

เฟิ่งชิงหัวชำเลืองมองเสื้อผ้าเปียกของนางเมื่อตอนที่ถูกโยนลงบนมา จากนั้นก็มองไปยังบานพับ

ลองเอ่ยปากเรียกเสียงเบา “ท่านอ๋อง? ท่านหลับหรือยัง?”

นางฟังด้วยความสงบ แต่กลับไม่มีคำตอบกลับใด ๆ

เฟิ่งชิงหัวลองเรียกเสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อย “ท่านอ๋อง? หลับหรือไม่หลับก็ส่งเสียงสักนิดสิ”

“จ้านเป่ยเซียว ตายแล้วหรือ ถ้ายังไม่ตายก็ช่วยเอาเสื้อผ้ามาให้ข้าด้วย”

ในที่สุดเฟิ่งชิงหัวก็หมดหวังแล้ว ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำด้วยจิตใจที่ยอมรับในชะตากรรม เตรียมจะโน้มตัวลงไปหยิบเสื้อผ้าเปียกปอนของตนที่กองยู่บนพื้น

อ่างค่อนข้างสูง เฟิ่งชิงหัวทำได้เพียงแค่โน้มตัวไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต เมื่อคว้าเสื้อผ้าไว้ได้ในมือก็แทบจะยืนไม่อยู่ ในตอนที่นางจับขอบอ่างเอ่ไว้เพื่อจะยืนตัวตรง เขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่หางตา

วินาทีต่อมา เฟิ่งชิงหัวก็กรีดร้องขึ้นมา มุดกลับหัวลงไปในน้ำโดยเหลือเพียงแค่ศีรษะที่โพล่ขึ้นมา สายตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งไปยังคนที่ยืนเงียบอยู่ข้างฉากกั้นอย่างดุร้าย

จ้านเป่ยเซียวยืนอยู่ตรงนั้น มือข้างหนึ่งจับฉากกั้นเพื่อพยุงร่างกาย มืออีกข้างหนึ่งถืออาภรณ์เครื่องแต่งกายไว้ชุดหนึ่ง สีหน้าของเขามืดมน ดวงตาดำสนิทไร้แวว

เฟิ่งชิงหัวพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใบ้รึไร? เข้ามาไม่ส่งเสียงสักคำ! ”

จ้านเป่ยเซียวกดเสียงต่ำ “ไม่ใช่ว่าเจ้าให้ข้าช่วยเอาเครื่องแต่งกายมาให้หรอกหรือ?”

เฟิ่งชิงหัวพูดไม่ออฏ

“ไม่เอาแล้ว?” จ้านเป่ยเซียวเอ่ยถาม

“เอา”

“มาเอาเอง” จ้านเป่ยเซียวเอ่ยบอก แล้วจึงเลื่อนเสื้อผ้าไปข้างหน้า

เฟิ่งชิงหัวยกมือขึ้น ดึงเสื้อผ้าออกมาจากมือของเขาด้วยความรวดเร็ว แขนขาวเรียวนั้น ผ่องใสเป็นพิเศษ

โดยไม่รอให้เฟิ่งชิงหัวเอ่ยปาก ชายหนุ่มก็หมุนตัวกลับไป ฝีเท้าเดินห่างออกไปอย่างช้า ๆ

รอจนเฟิ่งชิงหัวเปลี่ยนชุดออกมาแล้ว จ้านเป่ยเซียวกำลังเอนตัวอ่านพระไตรปิฎกอยู่บนเตียง ท่าทางราวกับชื่นชอบเป็นอย่างมาก ดูตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ ไม่แม้แต่จะมองมาที่เฟิ่งชิงหัว

เฟิ่งชิงหัวได้เตรียมจิตเตรียมใจมาอย่างดีแล้ว เห็นแล้วก็เห็นไป แค่เห็นแต่ก็แตะต้องไม่ได้ นางก็ไม่ได้เสียหายมากมายอะไร

ในตอนที่เห็นว่าจ้านเป่ยเซียวแสดงสีหน้าเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฟิ่งชิงหัวก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง