ตอนที่ 62 เจ้าอ่านหนังสือลามกหรือ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 62 เจ้าอ่านหนังสือลามกหรือ ?

หลินเว่ยเว่ยแบกไม้สนลำหนาเท่าถังน้ำมาจากภูเขาด้านหลัง ปู่เถียนตบลำต้นอย่างดีใจพลางหัวเราะแล้วกล่าวว่า ซ่อมรถลากเสร็จ ไม้ที่เหลือข้าจะทำโต๊ะให้เจ้าอีกหนึ่งตัว !

ปีนี้พืชพันธุ์ธัญญาหารได้ผลผลิตไม่มากนัก เขากับภรรยาได้ทานข้าวเช้าที่บ้านตระกูลหลิน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจทานข้าวบ้านผู้อื่นโดยเสียเปล่าได้ เขาเห็นว่าที่ลานบ้านตระกูลหลินมีโต๊ะหินเพียงตัวเดียว และเมื่อมีไม้เหลือมากพอ เขาจึงอยากทำโต๊ะให้บ้านอีกฝ่ายเก็บไว้ใช้ตอนฤดูหนาว !

วันนี้หลินเว่ยเว่ยยังขลุกตัวอยู่กับกลุ่มหญิงสาวและเด็กในหมู่บ้านเช่นเคย นางออกไปล่าสัตว์บริเวณใกล้กับที่เก็บผักป่า ตอนนี้นางมีเสบียงตุนไว้เพียงพอทั้งผักป่าและเนื้อสัตว์ เมื่อในมือมีอาหารแล้วในใจก็ย่อมไม่ร้อนรน ตอนนี้เนื้อสัตว์ในมิติน้ำพุวิญญาณมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้ใจที่กระวนกระวายเนื่องจากภัยแล้งของหลินเว่ยเว่ยสงบขึ้น

ทุกครั้งที่ลงมาจากบนเขา หลินเว่ยเว่ยมักอ้อมไปแถวป่าที่บัณฑิตหนุ่มอ่านตำรา ป่าที่นั่นทั้งสงบและร่มรื่น น้อยมากที่จะมีคนมารบกวนซึ่งที่นั่นถือว่าเป็นสถานที่ไม่เลวในการอ่านตำรา

เจียงโม่หานมีเจตนาที่จะทดสอบนาง เมื่อเห็นว่านางเข้ามาใกล้ สายตาของเขาก็จับจ้องไปยังตำราส่วนปากก็อ่านออกเสียงดัง ๆ ว่า ฤดูใบไม้ผลิกว่าสิบปีของราชวงศ์หยวน มหาภัยแล้งทางภาคเหนือผู้คนอดอยากนับสิบลี้ ประชาชนที่ปลอมตัวเป็นทหารก่อกบฏ ปล้น ฆ่าและเผาทำลายบ้านเมือง ณ ภูเขาอันซิ่ง…

หลินเว่ยเว่ยเดินผ่านจากบริเวณด้านข้างไปโดยไม่เหลียวมอง บนหลังของนางยังแบกกระบุงไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยผักป่า พลั่วในมือโบกสะบัดร่ายรำไปมาอย่างอารมณ์ดี

เจียงโม่หานคอยลอบสังเกตอีกฝ่าย หากว่านางกลับชาติมาเกิดเหมือนตน นางย่อมรู้เรื่องภัยแล้งและการก่อกบฏสามปีของภาคเหนือ ตอนนี้ภัยแล้งและการก่อกบฏยังมาไม่ถึง หากเป็นผู้ที่กลับชาติมาเกิดจริง พอได้ฟังเรื่องพวกนี้ก็ต้องมีการตอบสนองบ้าง

ฝีเท้าของหลินเว่ยเว่ยหยุดลง ในใจของเจียงโม่หานจึงเต้นรัว ‘นางโดนเขาเดาออกจริงหรือ ? ’

หลินเว่ยเว่ยถอยกลับมาแล้วขยิบตาให้เขา บัณฑิตน้อย เจ้าอ่านตำราอันใด ?

เจียงโม่หานมองนางด้วยแววตาสับสนแล้วกล่าวอย่างเก็บอาการว่า ตำรานักปราชญ์ !

คิดจะหลอกข้าหรือ ? บ้านข้าก็มีคนที่เรียนหนังสือนะ ! น้องชายข้าก็เรียน เขาเอาแต่พูดสำนวนกลอนพลางส่ายศีรษะไปมาเหมือนเด็กน้อย เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องปิดบังแล้ว ข้ารู้และเข้าใจได้…ผู้ชายน่ะ บางครั้งที่ดูหนังสืออย่างว่าก็จะผ่อนคลาย ดีต่อร่างกายใช่หรือไม่ ! หลินเว่ยเว่ยแสดงท่าทีว่ารู้อยู่แก่ใจ

หนังสืออย่างว่า ? หนังสืออันใด ? ในหัวของเจียงโม่หานเกิดคำถาม

หลินเว่ยเว่ยขยับเข้ามาพลางใช้ไหล่ชนเขาเบา ๆ นางเหล่ตามองเขาแล้วกล่าวว่า ก็เช่นนั้นไงเล่า…ที่ผู้ชายชอบอ่านกันน่ะ หนังสือที่ครบถ้วนไปด้วยข้อความและรูปภาพที่เรียกว่าหนังสือลามก…

เจียงโม่หานถูกนางทำเช่นนี้ใส่บ่อย ๆ จนชินชาไปหมด แต่การทดสอบของเขาครั้งนี้ดูเหมือนจบลงด้วยความล้มเหลวอีกครั้งเพราะนางซ่อนมันไว้ลึกมากหรือเพราะว่าสิ่งที่นางซ่อนไว้ไม่เหมือนกับที่เขาคิด ? แต่…

เจ้าไปได้ยินคำว่าหนังสือลามกมาจากที่ใด ? แล้วยังรู้อีกว่ามันมีเนื้อหาและรูปภาพที่สมบูรณ์ เจ้าเคยดูหรือ ? เจียงโม่หานไม่ได้สังเกตว่าตนกำลังกล่าวด้วยน้ำเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ไม่เคย ที่บ้านข้าจะมีหนังสือเช่นนั้นได้อย่างไร ? หลินเว่ยเว่ยปฏิเสธ เมื่อชาติก่อนอย่าว่าแต่หนังสือลามกเลย แม้แต่หนังลามกนางก็แอบดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นมาก่อน แต่นางไม่มีทางยอมรับต่อหน้าบัณฑิตหนุ่มอย่างแน่นอน

เจียงโม่หานกัดฟันลุกขึ้นพลางเพ่งมองนางแล้วกล่าวว่า ดีแล้วที่ไม่มี !

ไอหยา ไม่มีหรอก ! ไม่มีจริง ๆ วางใจเถิด ข้าไม่ฟ้องแม่เจ้าเรื่องที่เจ้าอ่านหนังสือเช่นนั้นหรอก ข้าไม่ใช่คนที่ไร้ความซื่อสัตย์ต่อสหายมากเพียงนั้น ! หลินเว่ยเว่ยตีหน้าซื่อพลางรับประกัน

เจียงโม่หานเอาตำราในมือเคาะหน้าผากนาง หลินเว่ยเว่ยเห็นตัวอักษรตัวใหญ่บนหน้าปกเขียนว่า ‘คัมภีร์หลุนอวี่1’…เฮอะเฮอะ ดูเหมือนว่านางจะคิดมากไป แต่ในคัมภีร์หลุนอวี่มีประโยคที่เขาเพิ่งอ่านออกมาด้วยหรือ ? ราชวงศ์หยวน…ในประวัติศาสตร์มีชื่อนี้ด้วยหรือ ? ไอหยา เหตุใดข้าไม่สนใจเรียนประวัติศาสตร์ตั้งแต่แรก ?

แต่เดาว่าเรียนไปก็ไร้ประโยชน์เพราะนี่คงเป็นยุคโบราณกว่านั้น ซึ่งแตกต่างจากประวัติศาสตร์ที่นางเรียนไปไกลโข แต่ก็เป็น ‘คัมภีร์หลุนอวี่’ เหมือนกัน

มีมิตรจากแดนไกลมาหา ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรอกหรือ… หลินเว่ยเว่ยพลิกดูหนึ่งหน้า แม้ว่าเป็นตัวอักษรจีนแบบดั้งเดิมก็ยังดูออกว่า ‘คัมภีร์หลุนอวี่’ เล่มนี้เหมือนเล่มที่นางเคยอ่านในชาติก่อนไม่มีผิด

เจ้ารู้หนังสือด้วยหรือ ? เจียงโม่หานหันกลับมาจ้องนางอย่างมีเลศนัย

ก็ข้าฉลาดอย่างไรเล่า ! ตอนเด็กอ่านแค่รอบเดียวข้าก็รู้แล้ว ! หลินเว่ยเว่ยเชิดริมฝีปากขึ้นอย่างภูมิใจ แต่เจ้าถึงขั้นเข้าร่วมการสอบระดับเยวี่ยนซื่อแล้วยังอ่าน ‘คัมภีร์หลุนอวี่’ อยู่อีกหรือ !

อ่านตำราร้อยรอบจึงจะเข้าใจความหมายของมัน ! คัมภีร์หลุนอวี่เนื้อหากว้างขวางลึกซึ้งครอบจักรวาล อย่าว่าแต่การสอบขุนนางระดับซิ่วไฉเลย ต่อให้เป็นการสอบบัณฑิตขั้นสูงก็ไม่อาจเลินเล่อได้ เจียงโม่หานละสายตากลับมา แต่ในใจยังมีคำถามในตัวของนาง ทว่าข้อสงสัยเรื่องที่ว่านางกลับชาติมาเกิดได้เบาบางลงมาก

หลินเว่ยเว่ยเดินตามหลังบัณฑิตหนุ่มลงจากเขาอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นนางใช้นิ้วมือจิ้มไปที่เอวด้านหลังของเขาพลางกล่าวว่า บัณฑิตน้อย ดูสิ นั่นคือพวกที่ชื่นชอบเจ้า !

บนเส้นทางที่เดินขึ้นลงเขาในทุกวัน มักมีเด็กสาวน้อยใหญ่กลุ่มหนึ่งทำท่าทางว่ากำลังยุ่งแต่แอบมองเขาอยู่ไม่ไกลเป็นระยะ

เจียงโม่หานเดินผ่านไปโดยไม่เหลียวมองแต่ได้ยินเด็กสาวกลุ่มนั้นถกเถียงกันว่า ลูกสาวคนรองของตระกูลหลินช่างหน้าไม่อายเสียจริง นางมายุ่มย่ามกับบัณฑิตเจียงอีกแล้ว !

ใช่ ! พวกเจ้าเห็นหรือไม่ว่านางเพิ่งจิ้มเอวบัณฑิตเจียง !

คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า บัณฑิตเจียงจะเห็นหัวนางโง่นั่นได้เช่นไร ?

จริงด้วย จริงด้วย ! แม้ว่านางหน้าหนาก็ควรสำเหนียกตนบ้าง หากเป็นผู้อื่นก็คงรู้ว่าควรถอยแต่แรก !

พอได้ยินคำว่า ‘คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า’ เจียงโม่หานก็อดนึกถึงคำวิจารณ์ที่เกี่ยวกับเด็กอ้วนคนนี้ที่ว่า ‘คางคกมีปณิธานและความฝัน’ นางเองก็มีความทะเยอทะยานที่จะกินเนื้อห่านฟ้าด้วยหรือ ?

แค่ก แค่ก ! เหตุใด เขาจึงนึกถึงสิ่งนี้ขึ้นมา ? นางจะเป็นคางคกหรือไม่ อยากหรือไม่อยากกินเนื้อห่านฟ้าแล้วเกี่ยวอันใดกับเขาด้วยเล่า ? จริงสิ ไม่เกี่ยวอันใดสักนิด จริง จริง ! !

ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยจึงเดินเข้ามาใกล้เขาอีกสองสามก้าว นางทำทีเดินเคียงไหล่เจียงโม่หานแล้วหันมาเล่นหูเล่นตาใส่เขาหลายครั้ง ‘ราวกับลิงขี้เล่นซุกซน’

เจียงโม่หานถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า พวกนางด่าเจ้าถึงเพียงนั้น เจ้าไม่โกรธหรือ ?

โกรธเช่นนั้นหรือ ? พวกนางก็แค่อิจฉาข้า ! แสดงว่าข้ามีคุณสมบัติเหมาะสมให้น่าภูมิใจ ฮ่าฮ่า ! ข้าไม่โกรธหรอก ข้าจะเข้าใกล้เจ้าอีกหน่อยเพื่อให้พวกนางอิจฉาตาร้อนตายไปเลย…อย่าขยับนะ !

สายตาของหลินเว่ยเว่ยหยุดลงตรงแก้มของเขาแล้วยื่นมือไปที่เส้นผมบนแก้มนั้น นางช่วยหยิบใบไม้ออกมาหนึ่งใบ ทว่าหากมองจากระยะไกลจะดูเหมือนว่านางกำลังลูบแก้มของเจียงโม่หาน เพื่อยั่วยุให้เด็กสาวชาวบ้านเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นอีก หลินเว่ยเว่ยยังตั้งใจหันไปยิ้มอย่างภูมิใจใส่พวกเด็กผู้หญิงที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟันไปหนึ่งที ‘แน่จริงก็มากัดข้าสิ ! ’

เจียงโม่หานแอบส่ายหน้า เด็กอ้วนคนนี้เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ไม่เหมือนคนที่เพิ่งกลับชาติมาเกิดเลยจริง ๆ หรือบางทีเขาอาจคิดมากไป ! แต่ว่าความแปลกและการพูดอ้อมค้อมของนางนั้นทำให้เขาประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

ทั้งสองคนเดินคู่กันมาจนถึงบริเวณใกล้บ้านตระกูลหลินก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่ายืนนิ่งอยู่เป็นปีกำลังประคองย่าเถียนด้วยสีหน้าจนปัญญาขณะยืนอยู่หน้าบ้านของนาง

1 คัมภีร์หลุนอวี่ เป็นคัมภีร์พื้นฐานที่สำคัญสำหรับการศึกษาปรัชญาขงจื่อ

ตอนต่อไป