116 เรือเหาะและปลาหมึกบิน
――「สถานการณ์ฉุกเฉิน!สถานการณ์ฉุกเฉิน!」
ขณะที่ฉันหลับสนิท เสียงที่ไม่สามารถเข้าใจได้ดังเข้ามาและกระตุ้นสติของฉัน
ภาวะฉุกเฉิน สถานการณ์ เหตุการณ์
ก่อนที่สติของฉันจะจดจำคำศัพท์ได้อย่างถูกต้อง เสียงถัดไปก็ดังตามมา
――「หยุดฉุกเฉินในสามวินาที! สาม、สอง、หนึ่ง、――」
เคร้ง!!
“โอะ…… !?”
ร่างกายของฉันลอยขึ้นกลางอากาศชั่วครู่จากแรงกระชากครั้งใหญ่ของการหยุด……หัวของฉันโขกเข้ากับกำแพงแล้วตกจากเตียง
“……เจ็บ”
ฉันลดการป้องกันลง สะเพร่าจริง ๆ
หากเป็นศัตรูจากภายนอกหรือผู้บุกรุก ฉันสามารถตรวจจับและตอบสนองได้ทันที แต่หากเป็นแค่เสียงไม่สามารถทำให้ฉันตื่นได้
หากไม่มีวี่แววของคนก็จะใช้ไม่ได้……เป็นจุดบอดที่ฉันคาดไม่ถึง ในชีวิตที่แล้ว แม้ว่าฉันจะเจอการโจมตีจากความมืดและการโจมตีตอนกลางคืนโดยคนร้อยคน แต่ฉันก็รู้สึกสบายดี เป็นการออกกำลังกายก่อนอาหารเช้าที่ดีเลย
ม๊า แต่ก็ขอบคุณแล้วกัน ตอนนี้ฉันตื่นเต็มตาแล้ว
ฉันถูหังกับข้อศอกที่กระแทกอย่างแรง ก่อนลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ตอนเย็น……ไม่ใช่สิ ยังคงเป็นท้องฟ้าสีคราม
นั่นหมายความว่าพวกเรายังไม่ได้ใกล้ถึงแว็ง เดอ ครุช
เกาะลอยฟ้าที่เห็นอยู่ไกล ๆ ไม่เคลื่อนที่ แปลว่าเรือลำนี้หยุดลงแล้ว แต่……
“……ภาวะฉุกเฉิน?”
ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินคำนั้นตอนหลับอยู่……แต่ก็ไม่แน่ใจนัก เพราะครึ่งหลับครึ่งตื่น
………….
ไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว ลองไปดูสักหน่อยก็น่าจะดี
เมื่อฉันออกจากห้อง มีลูกเรือหลายคนในชุดทำงานกำลังเกาะอยู่ที่หน้าต่างฝั่งเทียบท่าเรือ
ทิศทางที่เห็นจากห้องของฉันอยู่ที่กราบขวา จึงดูเหมือนจะมีบางอย่างอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง
“ขออนุญาตนะคะ”
ฉันแทรกเข้าไปในช่องว่างเล็ก ๆ ถัดจากคนงานหนุ่ม และมองออกไปนอกหน้าต่าง ――เข้าใจล่ะ ยอมรับได้เลย
นั่นสินะภาวะฉุกเฉิน
สมกับที่ต้องหยุดเรือเลย เป็นเหตุการณ์ที่สมกับการเรียกว่าภาวะฉุกเฉินอย่างแท้จริง
“นั่น จะทำยังไงก็เหรอคะ?”
เมื่อฉันถามคนงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาทำหน้าอีมครึม
“อื~ม……เรื่องนั้นกัปตันจะเป็นคนตัดสินใจเอง ดังนั้นข้าไม่มีความเห็นหรอก แต่โดยส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่าพวกเราช่วยอะไรไม่ได้หรอก ถึงจะดูน่าสงสาร แต่ด้วยอุปกรณ์ของเรือลำนี้แล้ว……”
งั้นเหรอ เพราะเป็นเรือเหาะที่คิดถึงแต่เรื่องการเคลื่อนไหวเลยไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้สินะ
ม๊า ก็ถึงแม้เรือลำนี้จะตกเป็นเป้าหมาย แต่ถ้ามีความเร็วมากขนาดนี้ ปกติก็คงสามารถหนีได้ไม่ยาก
“ว่าแต่พวกนั้นเป็นปลาบิน(สกายฟิช)ชนิดหนึ่งเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ นั่นคือปลาหมึก(สควิด)ไงล่ะ”
โฮ สควิดสินะ
“โผล่มาแถวนี้บ่อยไหมคะ?”
“ข้าคิดว่าไม่นะ ปกติสกายฟิชพวกนี้หายากมาก แต่ถ้าโผล่มาก็สามารถโผล่มาได้ทุกที่เลยล่ะ”
งั้นเหรอ ม๊า ก็คงเป็นแบบนั้น
สกายฟิช ปลาที่บินได้ แหวกว่ายบนท้องฟ้า และคล้ายกับนกอพยพที่บินผ่านไปอย่างรวดเร็วยามที่คุณคิดว่าได้เจอ
จ๊า งั้นนั่นก็เป็นโชคไม่ดีที่ได้เจอสินะ และโชคร้ายยิ่งกว่าคือโดนจับ
――สถานการณ์ฉุกเฉินที่คนงานและฉันเห็นคือ ภาพที่สกายสควิดขนาดยักษ์ที่ใหญ่มากจนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรือเหาะ กำลังจับเรือเหาะของที่ไหนสักแห่ง
มีควันสีแดงพวยพุ่งขึ้นจากเรือเหาะ นั่นฉันเดาว่านั่นเป็นสัญญาณควันเพื่อส่งสัญญาณเหตุฉุกเฉิน
สกายสควิดซึ่งมีผิวโปร่งแสงและลำตัวสีขาว ใช้หนวดที่หนาและยาวหลายเส้นพันรอบตัวเรือเหาะ รัดเอาไว้แน่นเพื่อไม่ปล่อยให้หนีได้
เพราะโดนร่างกายที่มีลำตัวใหญ่พอ ๆ กันพันรอบ เรือเหาะดูเหมือนจะใช้งานไม่ได้แล้วจึงหยุดอยู่ที่ตรงนั้น
ถึงอย่างงั้นก็ใหญ่มากจริง ๆ
โดยขนาดตัวที่ใหญ่ขนาดนั้น การโจมตีแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็จะไม่ส่งผลใด ๆ ……แต่นั่นปลาหมึกจริง ๆ เหรอ ฉันเคยเห็นแต่ตัวเล็ก ๆ ที่เอาไว้กินเท่านั้น พวกนั้น……
“พวกนั้นขายได้ราคาสูงไหม?”
“เอ๊ะ? อ้า……เรื่องนั้น ข้าไม่รู้เกี่ยวกับส่วนร่างกายหรือกระดูกหรอกนะ แต่ถ้าตัวใหญ่ขนาดนั้น หินเวทมนตร์ก็น่าจะใหญ่ตามไปด้วย ข้าแน่นใจต้องราคาสูงอย่างแน่นอน”
ฟุฟู๊ว ก็จริง
……หากเปลี่ยนเป็นเงินได้ก็คุ้มที่จะฆ่า
ตราบใดที่เรือเหาะยังสามารถโครงสร้างเอาไว้ได้ก็จะมีผู้รอดชีวิตจำนวนมาก ฉันแน่ใจว่าพวกเขาคงจะถอยกลับเข้าไปในห้องโดยสารแล้ว
นอกจากจะได้รับรางวัลสำหรับการช่วยเหลือแล้ว หากเป็นสัตว์อสูรไซส์นั้นก็ดูเหมือนจะคาดหวังกับหินเวทมนตร์ได้เลย ดังนั้นจะทำเงินได้มากขนาดไหนกันนะ?
――「ประกาศเดินเครื่อง ประกาศเดินเครื่อง」
ขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้นฉันก็ได้ยินเสียงจากท่อสื่อสารที่ปลุกฉันให้ตื่นอีกครั้ง
――「เนื่องจากเรือของเราขาดอาวุธ เราจะระงับสัญญาณขอความช่วยเหลือของเรือลำนั้นชั่วคราว และตั้งหางเสือมุ่งสู่แว็ง เดอ ครุชทันที เพื่อเรียกกำลังช่วยเหลือ”
อะ งั้นเหรอ ตอนนี้ตัดสินใจที่จะปล่อยไปก่อนสินะ
เป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวเลย
การที่ประมาทรีบเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่มีอาวุธสำหรับต่อสู้ก็มีแต่จะไปตายเปล่า ไม่สามารถเรียกว่าความกล้าหาญหรือความไม่เกรงกลัวที่จะท้าทายการต่อสู้ไร้หนทางชนะได้ด้วยซ้ำ แค่คนบ้าระห่ำไร้ความคิด
หากคุณทำสิ่งไร้สาระเช่นนั้น อัตรารอดชีวิตจะหายไปอย่างแน่นอน ในทางกลับกันหากล้มไปพร้อมกันทั้งคู่ความเสียหายก็ยิ่งจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ความบ้าระห่ำเช่นนั้น สำหรับคนงี่เง่าที่หมกมุ่นอยู่กับศิลปะการต่อสู้จนเกินพอดีก็เพียงพอแล้ว
――「ต่อจากนี้ไปเราจะเร่งความเร็วกันอีกครั้ง หาอะไรจับหรือไม่ก็นอนไปซะ สาม、――」
อะ เดี๋ยวก่อน รอก่อน!
เมื่อเริ่มนับอีกครั้ง เรือก็สั่นจากการถูกเร่งโดยแรงระเบิดเหมือนรอบก่อน ฉันจึงรีบมุ่งหน้าไปที่ส่วนหน้าของลำเรือ
“รอเดี๋ยวก่อน! ได้ยินฉันไหม!?”
มีประตูกั้นไปส่วนหน้าบนผนัง ฉันจึงลองเปิดดูแต่ก็พบว่าถูกล็อคไว้ ฉันจึงเคาะแรง ๆ แทนการเปิด
“――มะ มีอะไรกัน?”
ดูเหมือนว่าจะมาทันเวลา
การนับถอยหลังหยุดลง ประตูเปิดออกพร้อมเสียงปลดล็อก และทอร์คก็โผล่หน้ามา
“――ลิลลี่?”
ริโนกิสก็ปรากฎตัวตามมาจากด้านหลังด้วย โอ๊ะ อะไร เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่กันน่ะ แต่ก็ดีเหมือนกัน
อาจารย์ สกายสควิดพวกนั้นน่าจะทำเงินได้ดี เราสามารถทำเงินไปพร้อมกับช่วยเหลือผู้คนได้ด้วย แน่ใจเลยว่าจะต้องได้รางวัลอย่างงาม ไปฆ่ากันเถอะ”
“เอ๊ะ นั่น? คุ……ลิลลี่? ไม่สิ ฉัน?”
เข้าใจได้
ฉันเข้าใจดีถึงความวิตกนั่น
อย่างแรกเลย ผู้คนมักคิดว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถเอาชนะสัตว์อสูรที่มีขนาดใหญ่เท่าเรือเหาะขนาดเล็กแบบนั้นได้
แต่ ถ้าหากมี「คิ」อยู่ จะสามารถทำสิ่งนั้นได้อย่างคาดไม่ถึง
ยิ่งคู่ต่อสู้ตัวใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งหนักเท่าไหร่ ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ การต่อสู้สุดกำลังก็ยิ่งสนุกขึ้นเท่านั้น
แต่ ม๊า ถ้าริโนกิสไม่รู้สึกเช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้
“อะ นั่นสินะคะ แค่ระดับลูกปลาตัวเล็กเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องถึงมือชิโชวก็ได้ หนูจะไปฆ่าให้เองค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อน! รอเดี๋ยวก่อน!――อา ได้โปรดรอเดี๋ยวก่อน จะรีบจบเดี๋ยวนี้เลย!”
ริโนกิสผลักทอร์คที่อยู่ข้างหน้าออกไปแล้วเข้าใกล้ ก่อนดึงมือฉันแล้วพาไปที่กำแพงมุมหนึ่ง และตะโกนบอกทอร์คว่า「รอก่อนสักครู่」
” ――คุณหนู คิดอะไรอยู่กันคะ นั่นนะเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
” ――เป็นไปไม่ได้? ทำไมล่ะ?”
” ――ก็เห็นไม่ใช่เหรอคะ ว่าตัวใหญ่ขนาดไหน!?”
” ――เป็นไซส์ที่ขนาดกำลังดีอย่างคาดไม่ถึงเลยล่ะ”
” ――อย่าพูดเหมือนว่าพึ่งได้เค้กก้อนใหญ่กว่าปกติเป็นของหวานหลังอาหารเย็นแบบนั้นสิคะ!”
หืม?
……อืม ก็ตรงประเด็นดี เพราะก็ให้อารมณ์ราว ๆ นั้นจริง ๆ แต่ก็แค่นั้น
“――ถ้าไม่เต็มใจที่จะไป ทำไมไม่อยู่เป็นชิโชวไปเฉย ๆ ล่ะ? การแสดงพลังปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกศิษย์เอง”
“――นั่นไม่ใช่เรื่องของการแสดงเลยนะคะ! นั่นเป็นสัตว์อสูรขนาดยักษ์ที่สามารถกินเรือได้ทั้งลำเลยนะคะ!”
……น่ารำคาญนา ทั้งที่เป็นสถานการณ์ที่จะหลีกหนีไม่ได้ เพราะมีชีวิตของผู้คนเป็นเดิมพันอยู่ทุกวินาที
“แล้วจะทำยังไง?”
มามัวแต่กระซิบ ยุ่งยากไป ฉันเลยยืนประจัญหน้าคุยกับเธอตรง ๆ
“ยังจำเรื่องที่เธอเกลี้ยมกล่อมฉันตอนเหตุการณ์สังเวียนใต้ดินได้ไหม
เธอจะยอมแพ้แล้วให้ฉันไปคนเดียว หรือจะไปพร้อมกันกับฉัน แล้วปล่อยให้ฉันจัดการ เลือกทางที่ต้องการได้เลย”
“……ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ นั่นนะไม่ใช่ทางเลือกเลย……”
พูดอะไรน่ะ
“ถ้านักสู้ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้เพิ่อเวลาแบบนี้ เธอจะฝึกฝนไปเพื่ออะไร? ไม่มีประโยชน์ที่จะฝึกเลย”
“ก็ต้องเพื่อปกป้องคุณหนูแน่นอนสิคะ! ผู้คุ้มกัน! ดิฉันเป็นผู้คุ้มกันนะคะ!”
อะ จริงด้วยสินะ เป็นแบบนั้นแหละนะ
“ถ้าเธอเป็นผู้คุ้มกันของฉัน ก็จงแข็งแกร่งพอที่จะชนะด้วยกำปั้นซ้ายและเข่าซ้ายเท่านั้น ฉันชนะได้โดยไม่ต้องใช้มือและเท้า ระดับประมาณนั้น”
“คนที่ทำแบบนั้นได้ ผิดปกติเกินไปแล้วค่ะ!”
ว่าไงนะ ริโนกิสเธอเองก็เข้ามายืนอยู่บนปากทางของความผิดปกตินั้นแล้วไม่ใช่รึไงกัน……หมดเวลา เลยเวลาล้อเล่นแล้ว
“แล้ว ทางไหน? เธอจะไปด้วยกัน? หรือจะอยู่เฉย ๆ ?”
“……เข้าใจแล้วค่ะ โม๊ว……”
ดีล่ะ
ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่นี่จะเป็นการต่อสู้จริงครั้งแรกในชีวิตนี้ของฉัน จะทำให้ดีที่สุดเลย!
กินแกงฮังเล เจอกระดูกแทงลิ้น เลือดรสหวานเหลือหลาย ฮา
เจ็บลิ้นจนกินอะไรไม่ลงแล้ว ดื่มน้ำเย็นยังจิ๊ด ฮา