ตอนที่ 376 – ป้ายคำสั่งแทนคุณ
ทั้งสองคนคุยกันลับ ๆ ตั้งเขตแดนกั้นเสียง สี่คนที่เหลือไม่มีทางไม่รู้ แต่ล้วนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ คนหนึ่งกลุ่มที่ไม่คุ้นเคยกันเลยมาผจญภัยด้วยกัน เรื่องประเภทนี้ปกติเสียยิ่งกว่าปกติ ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ
ส่วนโม่เทียนเกอกำลังเคาะพัดแห่งสวรรค์และโลกาในมือ เคาะไป ๆ คล้ายกับกำลังครุ่นคิด ไม่ตอบตั้งแต่ต้นจนจบ
เทียนฉานคล้ายจะถูกนางเคาะจนหมดความอดทนอยู่บ้าง อดถามมิได้ว่า “สหายเต๋าฉิน ต้องใคร่ครวญนานขนาดนี้เลยหรือ”
โม่เทียนเกอเงยหน้า ยิ้มใส่เขา “เกี่ยวข้องกับชีวิต ย่อมต้องใคร่ครวญให้มาก ๆ” พัดแห่งสวรรค์และโลกาเคาะลงใจกลางฝ่ามือครั้งสุดท้าย นางกำแน่น “เอาเถอะ หากถึงเวลาแล้วเกิดอุบัติเหตุจริง ๆ ขอเพียงสหายเต๋าเทียนฉานสามารถรักษาคำสัญญาในขณะนี้ ข้าจะยืนอยู่แนวร่วมเดียวกับสหายเต๋า” หยุดไปครู่หนึ่ง นางเลิกคิ้วทั้งคู่ เน้นหนักว่า “แต่ว่า สหายเต๋าเทียนฉาน เงื่อนไขก่อนหน้าของทั้งหมดนี้คือหลิงอวิ๋นเฮ่อไม่รักษาสัญญา พวกเราทำเพื่อปกป้องตัวเอง ถ้าหากสหายเต๋ามีเป้าหมายอื่น อย่าโทษว่าข้าไม่ยื่นมือเข้าช่วยเล่า!”
เทียนฉานตะลึงไป จ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง ผงกศีรษะ “นี่ย่อมแน่นอน”
……………
ผ่านไปพักหนึ่ง ในที่สุดหลิงอวิ๋นเฮ่อลืมตาทั้งคู่ ยิ้มบาง ๆ มองหยางเฉิงจี แล้วหันไปทางโม่เทียนเกอกับเทียนฉาน “สหายเต๋าทั้งหลายใคร่ครวญดีแล้วหรือ”
ขณะนี้หยางเฉิงจียังคงอยู่ในห้วงคิด เทียนฉานและโม่เทียนเกอปลดเขตแดนกั้นเสียงแต่แรกแล้ว ต่างคนต่างหลับตานั่งสมาธิ
หยางเฉิงจีได้สติขึ้นมาก่อน มองดูนกแร้งบนไหล่ของเขา เอ่ยว่า “ข้าอยากเห็นยาจิตนิ่งก่อน”
หลิงอวิ๋นเฮ่อผงกศีรษะ “นี่ย่อมแน่นอน” เขาหันไปทางโม่เทียนเกอกับเทียนฉาน “สหายเต๋าทั้งสองเล่า”
เทียนฉานกล่าวก่อนว่า “เช่นกัน”
หลิงอวิ๋นเฮ่อมองไปทางโม่เทียนเกอเห็นนางสีหน้าสงบนิ่ง เผยรอยยิ้มบาง “ดูท่าสหายเต๋าฉินก็ตกลงแล้ว”
โม่เทียนเกอถอนหายใจอย่างจนใจ ตอนนี้นางไม่ชอบรอยยิ้มบาง ๆ อย่างนี้ของหลิงอวิ๋นเฮ่อเลย คนคนนี้ บอกว่าตรงไปตรงมาแต่ก็เจ้าเล่ห์ บอกว่าเจ้าเล่ห์แต่ก็ยังนับว่าจริงใจ มีท่าทางที่ควบคุมทุกสิ่งอยู่ในกำมือเสมอ เวลาที่เขายิ้มอย่างนี้ แปดส่วนคือเรื่องราวได้เป็นไปตามที่เขาปรารถนาแล้ว
แต่ว่า นางยื่นนิ้วออกมาส่ายให้หลิงอวิ๋นเฮ่อ “สหายเต๋าหลิง เรื่องบางอย่างต้องพูดกันก่อนนะ เงื่อนไขที่ท่านรับปากก่อนหน้านี้ล้วนเป็นสิ่งที่จะสามารถกระทำได้หลังเสร็จธุระทั้งนั้น สมมติว่าท่านฉีกหน้าหลังเสร็จเรื่อง จ้ายเซี่ยไม่มีที่ให้โต้แย้งเลย ส่วนสหายเต๋าอีกสองท่านคล้ายกับว่าล้วนได้รับค่าตอบแทนส่วนหนึ่งล่วงหน้าแล้ว……”
“อันนี้คุยกันง่าย” หลิงอวิ๋นเฮ่อไม่รั้งรอ หยิบวัตถุหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเอกภพโยนให้โม่เทียนเกอ “มีสิ่งนี้ สำนักจิ่วเยี่ยนจะต้องกระทำเรื่องอย่างหนึ่งให้แก่สหายเต๋า ไม่ว่าความยากจะมากเท่าใด ก่อนที่ผู้แซ่หลิงจะสามารถสะสางเรื่องราวแทนสหายเต๋าฉิน วัตถุนี้ขอมอบให้สหายเต๋าฉินเก็บรักษาไว้ชั่วคราว”
โม่เทียนเกอรับของเล่นชิ้นนี้มา นี่เป็นป้ายไม้ที่ดูธรรมดาไร้ความประหลาดชิ้นหนึ่ง กว้างยาวไม่เกินสองชุ่น ด้านบนยิ่งไม่ได้มีลวดลายประดับประดา มีเพียงแสงวิญญาณอ่อนจาง มองจากประสบการณ์ของโม่เทียนเกอ บนนี้น่าจะเป็นคาถาพิเศษอย่างหนึ่ง อีกทั้งเป็นประเภทเร้นลับ ลมปราณโบราณมาก สืบทอดกันมาอย่างน้อยที่สุดก็ต้องหลายพันปี
“ป้ายคำสั่งแทนคุณ!” หลิงอวิ๋นเฟยพอเห็นวัตถุนี้สีหน้าเปลี่ยนไปทันควัน ตาทั้งคู่จับจ้องป้ายไม้ในมือโม่เทียนเกอ
โม่เทียนเกอประหลาดใจ เหลือบมองหลิงอวิ๋นเฟย ยกป้ายไม้ไปทางหลิงอวิ๋นเฮ่อ “นี่มีความหมายพิเศษอะไรหรือ”
หลังจากประหลาดใจ สีหน้าของหลิงอวิ๋นเฟยกลับคืนเป็นปกติโดยเร็ว เขากล่าวกับโม่เทียนเกออย่างเคร่งขรึมว่า “นี่คือป้ายคำสั่งแทนคุณของสำนักจิ่วเยี่ยนเรา ผู้ที่ถือสิ่งนี้เป็นเสมือนผู้อาวุโสรับเชิญสำนักจิ่วเยี่ยนข้า มีสิ่งนี้อยู่ในมือ ศิษย์สำนักจิ่วเยี่ยนข้าไม่อาจทำร้ายแม้ปลายเส้นผม อีกทั้งสามารถร้องขอให้สำนักจิ่วเยี่ยนกระทำเรื่องราวหนึ่งให้ ขอเพียงไม่ได้ทำลายผลประโยชน์ของสำนัก ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดล้วนจะต้องกระทำให้สำเร็จ”
เขามองไปทางหลิงอวิ๋นเฮ่อ ในดวงตาเผยความรู้สึกอันซับซ้อนออกมา “สิ่งนี้ทั่วทั้งสำนักจิ่วเยี่ยนเราก็มีเพียงสามชิ้น คิดไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นจะอยู่ในมือของพี่รอง……”
“ป้ายคำสั่งแทนคุณ?” โม่เทียนเกอหรี่ตา นี่จะว่าไปแล้วคล้ายกับเป็นพฤติกรรมของผู้กล้าหนึ่งคำหนักเก้าติ่ง* ในโลกปุถุชน โลกฝึกเซียนก็มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ถึงแม้ว่าพวกเขามักจะใส่ใจคำมั่นสัญญาของตนเองมากเหมือนกัน แต่หากข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์อันมหาศาล การฉีกหน้าได้ทุกเมื่อก็เป็นสิ่งที่ปกติมาก
เทียนฉานจ้องมองป้ายไม้ชิ้นนี้ สายตาระแวง “มีวัตถุนี้ในมือ สำนักจิ่วเยี่ยนของพวกท่านถึงจะไม่อาจขยับแม้ปลายนิ้วก็ยังต้องทำให้สำเร็จจนสุดแรงจริง ๆ หรือ”
“มิผิด” หลิงอวิ๋นเฟยพูดมากอีกแล้ว ยืนยันว่า “สำนักจิ่วเยี่ยนเราเป็นสำนักที่เห็นความสำคัญของการสืบทอดในสำนักอาจารย์และมิตรภาพพี่น้องที่สุดในอวิ๋นจง ศิษย์เก้าคนใต้สังกัดอาจารย์ของบรรพจารย์ของพวกเราล้วนเป็นพี่น้องที่ผูกพันลึกซึ้ง ร่วมรุกร่วมถอย ดังนั้นพวกเราจึงเรียกว่าสำนักจิ่วเยี่ยน** ป้ายคำสั่งแทนคุณนี้เป็นสิ่งที่บรรพจารย์เก้าท่านของพวกเราทิ้งเอาไว้ ปีนั้นบรรพจารย์เคยได้รับบุญคุณใหญ่หลวงจากคนอื่น ด้วยเหตุนี้จึงได้มอบวัตถุนี้ให้ สัญญาว่าผู้ที่ถือป้ายคำสั่งแทนคุณนี้จะราบรื่นไร้อุปสรรคที่สำนักจิ่วเยี่ยน เทียบเท่ากับผู้อาวุโสรับเชิญจนกระทั่งปฏิบัติตามสัญญาเสร็จสิ้น ป้ายคำสั่งแทนคุณสามชิ้นนี้ทยอยกลับคืนสู่สำนักในหลายพันปีมากนี้ จากนั้นไม่ได้ปรากฏสู่โลกหล้าอีก”
โม่เทียนเกอสั่นป้ายไม้ที่ดูสามัญธรรมดาไร้ความแปลกประหลาดในมือ เอ่ยกับหลิงอวิ๋นเฮ่อว่า “พูดเช่นนี้แล้ว สิ่งนี้คุณค่าไม่ต่ำทรามเลย?”
“คุณค่าไม่ต่ำทราม?” ผู้ที่พูดจายังคงเป็นหลิงอวิ๋นเฟย “ด้วยความแข็งแกร่งของสำนักจิ่วเยี่ยนเรา สิ่งนี้หากหลุดออกไป เป็นไปได้ว่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ยังจิตใจสั่นคลอน!”
ผู้อาวุโสรับเชิญ เพลิดเพลินกับการดูแลอย่างผู้อาวุโสทุกสิ่งอย่าง สามารถใช้ทรัพยากรของสำนัก แล้วยังไม่ต้องรับข้อจำกัดของสำนัก สำหรับผู้ฝึกตนบางคนแล้วเป็นตำแหน่งที่ดียิ่งจริง ๆ
หลิงอวิ๋นเฟยพูดจบ โม่เทียนเกอหันหน้ามองไปรอบ ๆ ในดวงตาเถียนจือเชียนกับหยางเฉิงจีสองคนมีประกายเร่าร้อนไหววูบ จับจ้องวัตถุชิ้นนี้ คล้ายกับว่าอยากจะคว้ากลับไปมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ โม่เทียนเกอกลับฉงนขึ้นมา อย่าเพิ่งพูดว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อยังมิใช่เจ้าสำนักของสำนักจิ่วเยี่ยน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็น สิ่งของที่ทรงคุณค่าอย่างนี้เกรงแต่ว่าจะต้องอยู่ในการดูแลของผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่กระมัง? ในมือเขาถึงกับมีชิ้นหนึ่ง? อีกอย่าง สิ่งของอย่างนี้เขาโยนให้คนอื่นตามใจชอบขนาดนี้…… นางรู้สึกว่าตนเองสติปัญญาไม่เพียงพอแล้ว หลิงอวิ๋นเฮ่อผู้นี้สรุปแล้วกำลังคิดอะไรอยู่นะ?!!
ในฐานะผู้ฝึกตนคนหนึ่ง จะต้องระแวดระวังการถูกคนอื่นวางอุบายใส่อยู่เสมอ และเช่นเดียวกัน ยังต้องหลีกเลี่ยงจากการติดค้างคนอื่นมากเกินไป ติดค้างคนอื่นแล้ว หนึ่งคือเกิดจิตมารได้ง่าย สองคืออย่างนี้ยิ่งง่ายต่อการถูกคนอื่นวางอุบายใส่ ไม่ว่าจะอย่างไหนล้วนเป็นเรื่องที่โชคร้าย
หลิงอวิ๋นเฮ่อกลับเพียงมีอารมณ์สงบนิ่งเท่านั้น รอจนหลิงอวิ๋นเฟยพูดจบโดยคร่าว ๆ แล้ว เขาเอ่ยว่า “มีสิ่งของชิ้นนี้ สหายเต๋าฉินยังมีอะไรระแวง”
โม่เทียนเกอมองดูป้ายไม้ สายตาวนรอบตัวหลิงอวิ๋นเฮ่อและหลิงอวิ๋นเฟยรอบหนึ่ง ถามว่า “ถึงข้าจะมีสิ่งของนี้ในมือ หลังจบเรื่องพวกท่านคว้ากลับไปจะนับเป็นอย่างไรได้เล่า”
ใบหน้าหลิงอวิ๋นเฟยปรากฏแววโทสะ ชิงเอ่ยก่อนว่า “นี่เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นคำสั่งเสียของบรรพจารย์ ศิษย์ของสำนักจิ่วเยี่ยนเราไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้!”
………..
ถึงจะบอกว่าคนที่ฝึกเซียนหักหลังกันเป็นปกติมาก แต่พวกเขาก็มีข้อห้ามของพวกเขา เรื่องที่เกี่ยวกับบรรพจารย์น้อยนักจะมีการล่วงละเมิด
โม่เทียนเกอครุ่นคิดชั่วขณะ เอาป้ายไม้ใส่ไปในอกเสื้อ เดิมทีนึกว่าเป็นตนเองที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่ได้ร้องขอค่าตอบแทนล่วงหน้า ขาดทุนครั้งใหญ่ คาดไม่ถึงว่าตอนนี้นางกลับได้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุด ถ้าเรื่องราวเป็นอย่างที่หลิงอวิ๋นเฟยพูดจริง ๆ เช่นนั้นถึงหลิงอวิ๋นเฮ่อจะล้มเหลวในการเดินทางนี้ ตายอยู่ที่นี่ นางก็ไม่ขาดทุน
เห็นนางเก็บสิ่งของไป หลิงอวิ๋นเฮ่อโล่งอกเล็กน้อย ส่วนพวกเถียนจือเชียนกับหยางเฉิงจีกลับมองโม่เทียนเกอพักใหญ่จึงเก็บสายตากลับไป ท่าทางไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างยิ่งยวด
โม่เทียนเกอแอบถอนหายใจกับตัวเอง หลิงอวิ๋นเฮ่อผู้นี้วางอุบายอีกแล้ว สิ่งของนี้ถึงจะดี แต่ร้อนลวกมือมาก คนในที่แห่งนี้มากขนาดนี้ ถึงหลิงอวิ๋นเฮ่อจะรักษาคำมั่น แต่หากคนอื่นเกิดเจตนาชั่วร้ายขึ้นมาเล่า การกระทำเยี่ยงนี้ดูแล้วเป็นการมอบผลประโยชน์อันใหญ่หลวงให้กับนาง ในอีกด้านหนึ่งกลับเป็นการส่งนางเข้าไปเผาในกองไฟด้วย คนมากขนาดนี้เห็นนางได้รับป้ายคำสั่งแทนคุณ หลิงอวิ๋นเฟยพูดความหมายแสนพิเศษของวัตถุนี้ขึ้นมาอีก อย่างนั้นนางก็ไม่มีทางจะร่วมมือกับคนอื่นได้แล้ว เพราะสมบัติล้ำค่าอยู่ในมือ จบเรื่องแล้วแบ่งทรัพย์สินไม่เท่าเทียมกันได้ง่ายมาก อย่างนี้ใคร ๆ ก็ไม่สามารถไว้วางใจอีกฝ่าย การร่วมมือกันก็เป็นอันหมดสิทธิ์ เช่นนี้แล้ว นางได้แต่ยืนอยู่ฝั่งหลิงอวิ๋นเฮ่อ
แต่เวลานี้หากนางปฏิเสธป้ายคำสั่งแทนคุณก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ผลประโยชน์อยู่ตรงหน้า ถึงขนาดจิตใจไม่สั่นคลอนสักครึ่งส่วน หลิงอวิ๋นเฮ่อควรจะคิดอย่างไรกับนาง? คนอื่น ๆ ก็จะต้องหวาดระแวงต่อนาง ตอนนี้พวกเขาเป็นพวกพ้อง การระแวดระวังจนเกินไปมิใช่เรื่องดี
คิดถึงตรงนี้ นางมองเทียนฉานแวบหนึ่ง
เทียนฉานทอดมองปากหุบเขา สายตาสงบนิ่ง คล้ายกับว่าไม่รู้สึกสนใจทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าสักเท่าไร ค้นพบว่าโม่เทียนเกอมองเขา เขาหันศีรษะมาพยักหน้าให้น้อย ๆ
โม่เทียนเกอดูความหมายของเขาออก เรื่องที่พูดกันดีแล้วเมื่อครู่ ทุกสิ่งยังคงเดิม
นี่ทำให้นางสับสนอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้คุยกับเทียนฉานดีแล้ว เผอิญว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อมาไม้นี้อีก หากหลังเรื่องราวสำเร็จฉีกหน้ากันขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไร? คิดหนักอยู่สักพัก นางอดยิ้มเยาะตนเองมิได้ ยิ่งมายิ่งโง่โดยแท้ เจตนาของหลิงอวิ๋นเฮ่อน่าจะเป็นการหวังไม่ให้นางช่วยคนอื่นแย่งสิ่งของของเขา ส่วนเทียนฉานทำเพื่อปกป้องตัวเอง สองคนนี้ไม่ได้ขัดแย้งกันเลย สมมติว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อรักษาคำมั่น อย่างนั้นนางย่อมจะช่วยหลิงอวิ๋นเฮ่อจนถึงที่สุด แต่หากหลิงอวิ๋นเฮ่อฉีกหน้าหลังจบเรื่อง เช่นนั้นนางแต่ได้ร่วมมือกับเทียนฉานปกป้องตัวเอง
“เอาล่ะ ในเมื่อสหายเต๋าทั้งหลายล้วนไม่มีความเห็นแล้ว พวกเราก็เริ่มกันเลยเถิด เวลาไม่มากแล้ว” หลิงอวิ๋นเฮ่อพลิกฝ่ามือ ใจกลางฝ่ามือมีขวดหยกเพิ่มขึ้นมาสามขวด โยนให้พวกเขาทีละขวด “นี่คือยาจิตนิ่ง ในทุก ๆ ขวดมีสามเม็ด สหายเต๋าทั้งหลายตรวจสอบดู”
“สามเม็ด……” เทียนฉานเอ่ยทวนเสียงต่ำ
หลิงอวิ๋นเฮ่อยังคงยิ้ม เปลือกตากลับเลิกขึ้น “สหายเต๋าเทียนฉาน อย่าได้นึกว่าสามเม็ดนี้ง่ายดายมาก สำนักจิ่วเยี่ยนเราหนึ่งปีก็สามารถหลอมออกมาได้เพียงเตาสองเตาเท่านั้น แล้วยังบวกกับที่พวกเรามีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมากขนาดนี้ หลายปีจึงจะวนถึงคราวได้รับ ปริมาณก็แค่สามเม็ดเท่านั้น”
โม่เทียนเกอดึงจุกขวด เทโอสถสีขาวหิมะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมาหนึ่งเม็ด ขูดผงเล็กน้อย จ่อไปที่จมูกดมเบา ๆ
ส่วนประกอบโอสถสะอาดมาก อีกทั้งระดับไฟก็พอเหมาะพอดี สามารถประเมินได้ว่าปรมาจารย์หลอมยาที่หลอมโอสถนี้ระดับสูงมาก อย่างน้อยไม่ด้อยไปกว่านาง สำนักจิ่วเยี่ยนถึงอย่างไรก็คือสำนักจิ่วเยี่ยน สำนักอันดับหนึ่งของอวิ๋นจง ระดับของปรมาจารย์หลอมยาก็สูงยิ่ง
อีกสองคนก็ตรวจสอบโอสถ เทียนฉานเพียงตรวจดูนิด ๆ เห็นโม่เทียนเกอเทโอสถกลับไป สีหน้าไม่ผิดแปลกเลย จึงได้เก็บส่วนของตนเองนี้เข้ากระเป๋าเอกภพ ส่วนหยางเฉิงจีนั้นระวังกว่าหน่อย ในมือถือถ้วยสีหยกเอาไว้ เทโอสถเข้าไปคล้ายกับว่ากำลังวิเคราะห์อะไรอยู่ หรือว่าผู้ฝึกมารบริโภคโอสถของพวกเขาผู้ฝึกเต๋าจะมีข้อจำกัดอะไร?
ในสมองเกิดความคิดเหลวไหลวูบขึ้น โม่เทียนเกอพึมพำกับตัวเองชั่วครู่ เอายาจิตนิ่งขวดนี้เก็บไป โอสถที่ทะลวงด่านคอขวดประเภทนี้นางมิใช่ไม่มี แต่ว่า ในเมื่อนี่เป็นยาวิเศษที่สำนักจิ่วเยี่ยนไม่ถ่ายทอดสู่ภายนอก คิดว่าจะต้องมีส่วนที่เหนือคน เก็บไปย่อมจะไม่เสียหาย
รอจนหยางเฉิงจีเก็บโอสถไปเหมือนกันแล้วหันเหสมาธิกลับมา หลิงอวิ๋นเฮ่อยิ้ม ลูบนกแร้งบนไหล่ตนเอง เอ่ยว่า “เวลาไม่มาก พวกเราไปกันเถิด”
…………………………….
*หนึ่งคำหนักเก้าติ่ง (一言九鼎) ติ่งคือกระถางธูปสามขา ความหมายสำนวนนี้ก็คือวาจาหนักแน่น มีค่าพันตำลึงทองประมาณนั้นแหละค่ะ
** จิ่วเยี่ยน (九彦) จิ่วแปลว่าเก้า เยี่ยนแปลว่าสง่างาม