ตอนที่ 124 ข้าดีใจ!

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 124 ข้าดีใจ!

“น้องอวิ๋นเกอ เจ้าช่วยอวิ๋นจือเถิด! นางดีเช่นนี้ บุรุษในแคว้นซ่างกู่ไม่คู่ควรกับนาง”

เยียนอวิ๋นเพ่ยแสดงท่าทางชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้เยียนอวิ๋นจือซาบซึ้งอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ ใช้นางเป็นเครื่องมือซื้อใจคน เยียนอวิ๋นเพ่ยมีความสามารถยิ่งนัก

เพียงแค่พูดปลอบไม่กี่คำก็ได้รับความซาบซึ้งเป็นตะกร้า ถูกผู้อื่นมองว่าเป็นคนดี สมกับเป็นการค้าที่ไร้ต้นทุน

กระบวนท่านี้ เยียนอวิ๋นเพ่ยใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว

นางสามารถแย่งชิงว่าที่สามีของคนอื่นมาได้ ย่อมสามารถทำให้ความพยายามของผู้อื่นกลายเป็นบุญคุณของตนเองมอบออกไป

เยียนอวิ๋นเกอจะเกรงใจต่อนางได้อย่างไร

นางตอกกลับทันที “ในเมื่อพี่อวิ๋นเพ่ยใจดีเพียงนี้ ท่านเป็นแม่สื่อแทนพี่สามเป็นอย่างไร”

เยียนอวิ๋นจือหวั่นไหวทันที

เยียนอวิ๋นเพ่ยเก้อเขินอย่างมาก

หากนางมีความสามารถเป็นแม่สื่อแทนเยียนอวิ๋นจือในเมืองหลวง นางยังต้องกลุ้มใจอยู่อีหรือ

นางยิ้มเก้อ “พูดถึงเรื่องเป็นแม่สื่อ ให้ฮูหยินออกหน้าจะเหมาะสมกว่า ฮูหยินมีฐานะสูงส่ง รู้จักคนมาก หากฮูหยินยอมออกหน้าจัดการให้น้องอวิ๋นจือ เรื่องสมรสของน้องอวิ๋นจือย่อมไม่ต้องกังวล”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมา “หลังจากพี่อวิ๋นเพ่ยออกเรือนก็แตกต่างจากเมื่อก่อน เวลานี้ท่านวางแผนแทนท่านแม่ของข้าได้แล้ว หรือไม่จวนท่านหญิงยกให้ท่านจัดการดี”

เยียนอวิ๋นเพ่ยไม่พอใจ ตอกกลับไป “คำพูดของน้องอวิ๋นเกอนี้ช่างเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ข้าแค่คิดแทนน้องอวิ๋นจือ เหตุใดคำพูดจากปากของเจ้าจึงกลายเป็นว่าข้ามีเจตนาร้าย หรือเจ้าไม่ยินดีที่น้องอวิ๋นจือจะแต่งเข้ามาในเมืองหลวง”

เยียนอวิ๋นเพ่ยเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่นสงครามภายในจวน ฝีมือในการยยุแหย่ให้แตกแยกกัน ใช้โอกาสก่อเรื่องนี้ช่างชำนาญเหลือเกิน

เยียนอวิ๋นเกอไม่อยากยืดเยื้อกับนาง กำลังชนะทุกสิ่ง ไม่ว่าจะผีสางเทวดาล้วนเป็นแค่ขยะ

ปัง!

นางตบโต๊ะหิน

บนโต๊ะหินปรากฏรอยมือลางๆ…

เยียนอวิ๋นเพ่ยกับเยียนอวิ๋นจือต่างตกใจ สีหน้าของทั้งสองคนซีดเผือด ก่อนจะนึงถึงความหวาดกลัวต่อกำลังของเยียนอวิ๋นเกอ

ดวงตาของเยียนอวิ๋นเพ่ยแดงก่ำในทันที นางมีความน้อยใจเต็มท้อง “น้องอวิ๋นเกอไม่พอใจก็ตีมาเถิด! ข้าไม่ใช่คนใหญ่คนโต เจ้าย่อมไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มเสียสี “ท่านก็รู้ว่าตนเองไม่สำคัญ แต่กลับอยากเสนอความเห็นวางแผนงานสมรสแทนพี่สาม ในเมื่อท่านมีความสามรถเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่เป็นแม่สื่อแทนพี่สาม เหตุใดต้องผลักภาระให้ท่านแม่ของข้า หากไม่มีความสามารถก็อย่าเสนอตัว ยิ่งอย่าใช้ผู้อื่นทำให้ตนเองกลายเป็นผู้มีพระคุณ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยไม่ยอม “ในฐานะพี่สาว ข้าเป็นกังวลแทนน้องอวิ๋นจือก็ไม่ได้หรือ”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างมีนัย “เป็นกังวลได้! แต่อย่าเสนอตัวทำเหมือนตนเองมีความสามารถมาก หากท่านมีความสามรถจริงก็ไม่เป็นอันใด ท่านทำสิ่งใดย่อมได้ แต่หากท่านไร้ความสามารถ สิ่งที่ท่านพูดก็เป็นการยุยงให้แตกหัก”

“นับแต่น้องอวิ๋นเกอพูดได้ก็ชอบหาเรื่องเสียจริง ข้าไม่รู้ว่าข้าพูดเรื่องใดผิดหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว ได้ นับวันเยียนอวิ๋นเพ่ยยิ่งใจกล้ามากขึ้น

นางถลกแขนเสื้อ อยากจะฟาดมือเข้าไปสักที

แต่เห็นแก่หน้าของตระกูลหลิง นางจะอดทนเอาไว้

นางพูด “เรื่องผิดที่ใหญ่ที่สุดของท่านคือให้คำมั่นแทนท่านแม่ข้า ท่านมีสิทธิใดให้คำมั่นต่อพี่สามแทนท่านแม่ของข้า บอกว่าหากท่านแม่ของข้าออกหน้าย่อมสามารถหาวาสนาที่ดีในเมืองหลวงแทนพี่สามได้ แม้แต่ท่านแม่ของข้ายังไม่อาจรับปากว่าจะเป็นแม่สื่อได้ ท่านมีสิทธิใดมาเสนอตัว ท่านมีความสามารถมากเพียงใดกัน!”

เยียนอวิ๋นเพ่ยผงะไป “ข้าพูดเช่นนี้หรือ ข้าเพียงแค่ให้คำแนะนำน้องอวิ๋นจือเท่านั้น น้องอวิ๋นเกอ เจ้าอย่าใส่ร้ายข้า”

“ข้าไม่ได้ใส่ร้ายท่าน ตรงนี้ยังมีพยานอีกคน พี่สาม เยียนอวิ๋นเพ่ยพูดกับท่านอย่างไร นางบอกใช่หรือไม่ว่าเพียงแค่ท่านแม่ออกหน้า เรื่องสมรสของท่านสย่อมไม่ต้องกลุ้ม ย่อมสามารถจัดการได้”

เยียนอวิ๋นจือมองซ้ายมองขวา พยักหน้าอย่างไม่มั่นใจ

นางวิตกเล็กน้อย หวาดกลัวเล็กน้อย

เยียนอวิ๋นเพ่ยพูดอย่างสวยงาม เวลานั้นนางเชื่ออีกฝ่ายเข้าแล้วจริงๆ

เชื่อว่าเพียงแค่ฮูหยินออกหน้า เรื่องสมรสของนางย่อมไม่ต้องกลุ้ม

สุดท้ายกลับถูกเยียนอวิ๋นเกอดึงสติกลับมา

คราวนี้นางเสียใจอย่างมาก ภายในใจขึ้นๆ ลงๆ อีกทั้งยังแค้นที่เยียนอวิ๋นเพ่ยพูดจาไม่รับผิดชอบ

เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธเคืองอย่างมาก “น้องอวิ๋นจือ เจ้ามั่นใจว่าข้าเคยพูดเช่นนั้นหรือ ข้าเพียงแค่ออกความเห็นให้เจ้า เหตุใดจึงกลายเป็นการยุยงเสียได้”

เยียนอวิ๋นจือพูดเสียงเบา “ท่านออกความเห็นแทนข้าก็จริง แต่อาจไม่ได้มาจากเจตนาดี หากข้าฟังคำพูดของท่านไปอ้อนวอนฮูหยิน เกรงว่า…”

“เจ้า…เจ้าช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่รู้บุญคุณคน สมควรที่เจ้ามาเมืองหลวงครึ่งปีแล้วแต่งานแต่งยังไม่คืบหน้า”

เยียนอวิ๋นเพ่ยพูดไม่คิด

เยียนอวิ๋นจือโกรธ จึงโพล่งออกมา “ข้าไม่เหมือนท่าน ทำเรื่องหน้าอับอายเพื่องานแต่ง ข้าเป็นคุณหนูของจวนโหว ข้ามีเกียรติของตนเอง เรื่องสมรสของข้าย่อมมีท่านพ่อจัดการ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธจนกระอักเลือด

คนโง่อย่างเยียนอวิ๋นจือไม่ควรร่วมมือกับนางเสียจริง ช่างโง่เขลาเบาปัญญา

ผู้อื่นพูดสิ่งใดนางก็เชื่อสิ่งนั้น ไม่มีความคิดของตนเองแม้แต่น้อย

นางคงจะตาบอดถึงได้คุยกับเยียนอวิ๋นจือ

เยียนอวิ๋นเพ่ยกุมหน้าอก โอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“น้องอวิ๋นจือ คำพูดของเจ้ากำลังทำร้ายหัวใจของข้า! คนอื่นต่อว่าข้าก็แล้วไป แต่เจ้าก็มาต่อว่าข้า เจ้าไม่รู้หรือว่าท่านแม่ของเจ้า…”

“อย่าพูดถึงท่านแม่ของข้า!” เยียนอวิ๋นจือลุกพรวดขึ้น นางโกรธแล้วจริงๆ

เฉินฮูหยินผู้เป็นมารดานั้นเป็นจุดอ่อนของนาง

พูดถึงท่านแม่ของนางย่อมเหมือนเหยียดหยามนาง ราวกับนางไม่คู่ควรที่จะเป็นคุณหนูของจตวนโหว

เรื่องนี้ยอมไม่ได้

เยียนอวิ๋นเพ่ยปากกระตุก ได้ๆ นางไม่พูดถึงเฉินฮูหยิน

“น้องอวิ๋นจือ เจ้าลองถามใจตนเอง ข้าปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความจริงใจหรือไม่”

สีหน้าของเยียนอวิ๋นจือดำทะมึน “ต่อจากนี้อย่าได้เอ่ยถึงท่านแม่ของข้า ข้าคือข้า ท่านแม่คือท่านแม่”

“ข้ารู้แล้ว ครั้งนี้ข้าผิดเอง ข้าขอโทษเจ้า” เยียนอวิ๋นเพ่ยหัวเราะขึ้นมา

สีหน้าของเยียนอวิ๋นจือผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เยียนอวิ๋นเกอกลอกตามองการกระทำของคนทั้งสอง

เยียนอวิ๋นเพ่ยตัวละครเข้าสิงอย่างแน่นอน ไม่ไปเล่นละครช่างน่าเสียดาย!

มุมปากของเยียนอวิ๋นเกอยกขึ้น แสดงออกถึงความเหยียดหยาม

ปล่อยให้พวกนางแสดงไป นางมีหน้าที่ดูอย่างเดียว

เยียนอวิ๋นเพ่ยถอนหายใจ “น้องอวิ๋นเกอ ข้าอิจฉาเข้าเสียจริง ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ฮูหยินไม่ควบคุมเจ้า อีกทั้งเจ้ายังมีสมบัติของตนเองก่อนออกเรือนอีก”

อยู่ในจวนต้องปฏิบัติตามบิดา

สถานการณ์ทั่วไป ก่อนสตรีออกเรือน ไม่มีสิทธิมีสมบัติของตนเอง

หากเป็นผู้อื่น บุกเบิกที่ดินทำแปลงนาก่อนออกเรือน สิทธิในทรัพย์สินเหล่านี้ย่อมต้องตกเป็นของตระกูล อีกทั้งบิดาจะเป็นผู้แบ่งปันทรัพย์สิน

แต่เยียนอวิ๋นเกอเป็นคนพิเศษ

สถานการณ์ของนางไม่เคยเป็นสถานการณ์ปกติ ไม่เคยใช้หลักการปกติมาคาดเดานาง

กฎระเบียบที่ว่าก็เป็นเพียงตัวอักษรบนกระดาษหนึ่งแผ่น

นางบุกเบิกที่ดินจัดตั้งแปลงนา สิทธิในทรัพย์สินย่อมเป็นของนาง

แม้จะเป็นท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านก็อย่าหวังว่าจะแย่งชิง

บนโลกนี้มักมีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำสิ่งใดตามใจตนเอง พวกเขาใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่ก็ไม่เป็นที่ยอมรับบนโลก

เยียนอวิ๋นเกอก็คือหนึ่งในนั้น

นับแต่แรก นางก็เป็นคนที่พิเศษคนนั้น

นางจะพยายามสุดความสามารถในการรักษาความพิเศษของตนเองจนตาย

เมื่อเห็นเยียนอวิ๋นเกอไม่ส่งเสียง เยียนอวิ๋นเพ่ยก็พูดต่อ “เจ้าแตกต่างจากทุกคน ดังนั้นเจ้าไม่รู้ความยากลำบากของพวกเรา เพียงแค่พูดถึงเรื่องสมรสของอวิ๋นจือ แคว้นซ่างกู่เป็นดินแดนยากแค้น หากต้องแต่งกับตระกูลแม่ทัพเหล่านั้น ชีวิตคงจะขมขื่นนัก แตกต่างจากเมืองหลวง เมืองหลวงเป็นพื้นที่ที่ดีสุด เป็นพื้นที่แห่งความอุดมสมบูรณ์ หากแต่งเข้ามาในเมืองหลวงได้ย่อมเป็นโชคใหญ่ น้องอวิ๋นจือ ข้าพูดมีเหตุผลหรือไม่”

เยียนอวิ๋นจือก้มหน้า ไม่ตอบโต้

เวลานี้นางไม่อยากพูดสิ่งใด เพราะนางไม่มีอารมณ์

เยียนอวิ๋นเพ่ยมองไปทางเยียนอวิ๋นเกออีกครั้ง “น้องอวิ๋นเกอ เจ้าคิดเห็นอย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมา “ท่านก็แค่อยากจะยุยงให้พี่สามอาละวาด ข้าขอถามท่าน หากพี่สามทรยศต่อการตัดสินใจของท่านพ่อจนถูกลงโทษ มันจะมีประโยชน์อันใดต่อท่าน”

เยียนอวิ๋นจือเงยหน้าขึ้น จ้องมองเยียนอวิ๋นเพ่ย

เป็นเช่นนี้จริงหรือ

เรื่องที่เยียนอวิ๋นเพ่ยพูดล้วนมีเป้าหมายหรือ

เยียนอวิ๋นเพ่ยร้องโอดครวญน้อยใจ “ข้าจะมีประโยชน์อันใดกัน น้องอวิ๋นเกอ เจ้าลองบอกข้ามา ข้าจะได้รับประโยชน์อันใด พี่น้องในตระกูลเดียวกัน ข้าคิดแทนน้องอวิ๋นจือก็ถือเป็นความผิดหรือ”

“พอเถิด! ไม่ต้องพูดอีก ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่!”

เยียนอวิ๋นเกอพูดขัดนางด้วยสีหน้ารำคาญใจ

ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน นางไม่เชื่อว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยจะว่างมาคุยสัพเพหระเช่นนี้

เยียนอวิ๋นเพ่ยทวงความยุติธรรมแทนตนเอง “ข้าจะทำสิ่งใดได้ ข้าก็แค่…”

“หากท่านพูดเช่นนี้อีกก็เชิญกลับเถิด! ข้าไม่อยากฟังท่านพูดอีก”

เยียนอวิ๋นเกอพูดขัดนางอีกครั้ง

ทุกคนล้วนเป็นจิ้งจอกพันปี ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม

เห็นนางเป็นเด็กสามขวบที่หลอกง่ายหรือ

เหอะๆ

เยียนอวิ๋นเพ่ยสูดลมหายใจเข้า “หากจะบอกว่าข้ามีเป้าหมายใดก็คงมีเพียงอยากให้น้องอวิ๋นจือแต่งเข้าเมืองหลวง พวกเราย่อมมีเพื่อนไปมาหาสู่กันบ่อย ในอนาคต”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยิน จึงอดหัวเราะไม่ได้ “หากข้าจำไม่ผิด หลิงฉางเฟิงไม่ได้มีตำแหน่งขุนนางอยู่กับตน ซึ่งหมายความว่าเขาจะกลับแคว้นหงหนงได้ทุกเวลา ท่านย่อมต้องตามไป อยู่ในเมืองหลวงเป็นเพื่อนกันที่ท่านพูดนั้น หากตัวท่านตากไปแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อได้อย่างไร”

“แต่เวลานี้ข้ายังอยู่ในเมืองหลวง”

“ท่านใช้งานแต่งของพี่สามเป็นเดิมพันเพื่อความคิดของท่านเอง สมกับเป็นวิธีการของท่าน”

คำพูดนี้ช่างทิ่มแทงหัวใจยิ่งรัก

สีหน้าของเยียนอวิ๋นเพ่ยเปลี่ยนไป

เยียนอวิ๋นจือทำหน้าดำทะมึน ลุกพรวดขึ้นจากไปอย่างไม่พูดสิ่งใด

เห็นได้ชัดว่านางโกรธ

เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธอย่างมาก “น้องอวิ๋นเกอ นี่คือเป้าหมายของเจ้าหรือ ยุยงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับน้องอวิ๋นจือให้แตกหัก เจ้าจะได้ประโยชน์ใดหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว “ข้าดีใจ! เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธจนปวดท้อง

เยียนอวิ๋นเกอยังคงทิ่มแทงต่อ “เดิมทีท่านก็ไร้เจตนาดีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ให้ข้าพูด พี่อวิ๋นเพ่ย ที่นี่คือจวนท่านหญิง หากท่านอยากแสดงอำนาจและความฉลาดของตนเองก็กลับตระกูลหลิงไปเถิด จวนท่านหญิงไม่ต้อนรับท่าน”

“ดี…ดีมาก! ข้าถือว่ามองทะลุปรุโปร่งแล้ว ไม่สนว่าข้าจะขอโทษกี่ครั้ง เจ้ายังคงแค้นข้าอยู่เสมอ ข้าไป ข้าจะไปทันที!”

เยียนอวิ๋นเพ่ยพุ่งตัวออกจากศาลาอย่างรวดเร็ว

เยียนอวิ๋นเกอถอนหายใจ “สงบลงเสียที สามารถตกปลาอย่างไม่ต้องถูกรบกวนได้แล้ว”

เยียนอวิ๋นเพ่ยวิ่งออกมาไกล ก่อนจะชนเข้ากับซุนฮูหยิน

แม่ลูกทั้งสองพบหน้ากัน พวกนางต่างอดกลั้นความโกรธเอาไว้เต็มท้อง

เยียนอวิ๋นเพ่ยร้องไห้โฮออกมา ท่าทางราวกับได้รับความไม่เป็นธรรม