ตอนที่ 109 เขาต้องอยู่รอดจนกว่าจะได้เจอกับซูเถา

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 109 เขาต้องอยู่รอดจนกว่าจะได้เจอกับซูเถา

ตอนที่ 109 เขาต้องอยู่รอดจนกว่าจะได้เจอกับซูเถา

ซูเถาตกตะลึงเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น จากนั้นเธอก็ยิ้มแล้วเอื้อมมือไปจับกับเขาเบา ๆ

“กัปตันเหลย ยินดีที่ได้ร่วมงาน”

เธอดึงมือออกและพูดว่า “เอาแบบนี้ ฉันจะจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้คุณล่วงหน้าก่อนครึ่งตันในวันที่พวกคุณไปถึงโส่วอัน แล้วหลังจากที่ครอบครัวของอู๋เจิ้นปลอดภัย ฉันก็จะส่งธัญพืชไปให้คุณอีกครึ่งตัน แล้วเมื่อครอบครัวของเขามาถึงตงหยางแล้ว ฉันก็จะจัดการการรักษาให้”

เหลยสิงลูบปลายจมูกของเขาจากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา

“สมบูรณ์แบบ สามวัน ผมรับประกันว่าคนของคุณจะถูกพบและได้รับการช่วยเหลือภายในสามวันเป็นอย่างช้าที่สุด”

บ่ายวันนั้น กลุ่มเป้าถูเติมน้ำมันเชื้อเพลิง และขับรถมอเตอร์ไซค์ไซเบอร์ดัดแปลง มุ่งหน้าสู่โส่วอัน

ซูเถายืนอยู่บนยอดเขา มองเห็นควันจากท่อไอเสียรถของพวกเขา และได้ยินแม้กระทั่งเสียงดนตรีพังก์ที่พวกเขาเล่น ซึ่งต้องดังจนหูหนวกแน่หากอยู่ใกล้ ๆ

พวกเขาคือกลุ่มคนที่บ้าคลั่งจริง ๆ

แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอเบาใจ และรีบโทรหาอู๋เจิ้น

การโทรครั้งนี้ไม่ราบรื่น สัญญาณโทรศัพท์ขาด ๆ หาย ๆ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงจะได้ยินอย่างชัดเจน เครือข่ายสัญญาณของโส่วอันกำลังจะพังทลาย

ซูเถากำลังจะบอกอู๋เจิ้นเกี่ยวกับการช่วยเหลือ แต่เธอพูดได้เพียงครึ่งประโยคสายก็ถูกตัดไป

คนปลายสายทั้งสองฝั่งต่างตกตะลึง

อู๋เจิ้นถือเครื่องสื่อสารและโทรกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังไม่สามารถโทรได้ เขาโกรธมากจนอยากจะทุบเครื่องมือสื่อสารนี้ให้แตกละเอียด

น้ำตาของภรรยาเขาเกือบจะเหือดแห้ง เธอกอดลูกชายที่กำลังหลับอยู่ ดวงตาของเธอว่างเปล่า และถามด้วยน้ำเสียงฝืด ๆ ว่า

“ใครเหรอ? คนแซ่ซูหรือแซ่เจียง เขาโทรมาทำไม ถามว่าเราตายแล้วหรือยังเหรอ?”

ขณะเดียวกัน ประตูบ้านของพวกเขาก็ถูกกระแทกแรง ๆ หลายครั้ง พื้นดินสั่นสะเทือน และมีรอยแตกร้าวเกิดขึ้นบนผนังที่เปราะบาง

ลูกชายเขาตื่นกลัวจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่กล้าร้องออกมา

ขณะที่อู๋เจิ้นกำลังเลื่อนตู้เสื้อผ้าไปขวาง เขาก็พูดว่า

“คุณซูโทรมา แต่ว่าสัญญาณถูกตัดไปหลังจากพูดได้เพียงสองสามประโยค แต่ผมเดาว่าเธอกำลังส่งคนมาช่วยเรา”

ดวงตาของภรรยาเขาส่องประกาย แต่แล้วมันก็สลดอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

มันจะเป็นไปได้ยังไง ตอนนี้โส่วอันถูกล้อมรอบไปด้วยซอมบี้และซากศพ ไม่แน่เธออาจจะต้องการบอกว่าขอโทษที่ต้องปล่อยให้เราดูแลตัวเองและเผชิญกับความตาย

อู๋เจิ้นพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ผมเชื่อเธอ”

ภรรยาของเขายืนพิงกำแพงและร้องไห้อย่างเงียบ ๆ

การรอคอยความตายเป็นสิ่งที่ทรมานมากที่สุด

การโทรศัพท์ครั้งนี้ทำให้อู๋เจิ้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกอีกครั้ง เขาเริ่มใช้ความสามารถของเขาเพื่อควบคุมกลุ่มหญ้าหลายกลุ่มให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมผนังทั้งหมดของบ้าน เป็นการสร้างตาข่ายพืชที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกัน

เขาต้องอยู่รอดจนกว่าจะได้เจอกับซูเถา

……

ฝ่ายซูเถาก็พยายามโทรออกอีกหลายสาย แต่ก็ยังติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ สุดท้ายจึงได้แต่ยอมแพ้ และอู๋เจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อ

หวังว่าเหลยสิงและพวกจะไปถึงเร็ว ๆ นี้

ก่อนอาหารค่ำจวงหว่านส่งรายชื่อผู้เช่าใหม่ให้เธอ

“เถ้าแก่ มีทั้งหมดเก้าคน เป็นญาติทหารห้าคน รวมถึงภรรยาผู้เป็นม่ายของผู้พลีชีพ สามีและลูกชายสองคน รวมทั้งพี่ชายและน้องสาวของเธอเสียชีวิตทั้งหมด เธอเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในครอบครัว ฉันไปเยี่ยมที่บ้านของเธอมา เห็นรูปถ่ายมรณกรรมวางเป็นแถว ฉากนั้นช่างน่าเศร้าและสะเทือนใจ”

เมื่อซูเถาได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ช่วยดูแลหญิงม่ายคนนั้นหน่อยนะคะ หากเธอต้องการความช่วยเหลือให้เธอแจ้งได้เลย ส่วนรายชื่ออื่น ๆ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรให้มาลงทะเบียนเข้าพักวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ได้เลยค่ะ พี่เองก็รีบพักผ่อนนะคะ”

จวงหว่านถอนหายใจ “เดี๋ยวฉันต้องไปโรงพยาบาลตงหยางก่อน คุณยังจำหลันหลิงหลิงได้ไหม คนที่ทะเลาะกับแฟนเก่าของเธอจนเอวหัก วันนี้เธอถูกจับตัวไประหว่างทางกลับ และถูกคนหลายคนล่วงละเมิด สถานการณ์ค่อนข้างรุนแรง”

ซูเถาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น “งั้นเดี๋ยวฉันจะไปกับพี่ แล้วจับตัวคนที่ทำร้ายเธอได้หรือยังคะ?”

จวงหว่านส่ายหัว “ยังจับไม่ได้ เธอยังอยู่ในอาการโคม่า เรายังไม่รู้สถานการณ์ที่ชัดเจน ต้องรอจนกว่าเธอจะฟื้น อีกทั้งคู่หมั้นที่อาศัยอยู่กับเธอ อู๋เฟยฉือก็หายตัวไป ยังติดต่อเขาไม่ได้”

“จริง ๆ แล้วฉันก็สงสัยนิดหน่อย ว่าจะเป็นคนที่ไม่ได้เข้าพักที่เถาหยางแล้วเกิดความไม่พอใจ พวกเขาก็เลยเห็นว่าทั้งสองนั้นเป็นศัตรู ดังนั้นก็เลย…”

ซูเถารู้สึกเดือดดาลขึ้นสิบเท่า และความโกรธของเธอก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

“สัตว์นรก พี่รอฉันแป๊บเดียว ฉันเรียกกวานจือหนิงให้ขับรถไปส่งพวกเรา”

เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาล ซูเถาก็ตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยทันควัน เมื่อเธอเข้าไปในห้องก็เห็นพ่อของหลันหลิงหลิงกำลังยืนคุยกับตำรวจหลายนายทั้งน้ำตา

หลันหลิงหลิงต้องสอดท่อเป็นจำนวนมากเข้าไปในร่างกายของเธอ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเธอถูกจี้ด้วยก้นบุหรี่ และมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย

ซูเถาทนดูไม่ได้

ขณะที่พ่อของหลันหลิงหลิงกำลังคุยกับตำรวจ เขาก็พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ได้โปรดจับตัวพวกมันมาให้ได้! เรื่องนี้ซูเจิ้งชิงเป็นคนทำ! ก่อนหน้านี้เขาเคยขมขู่ลูกสาวของผมว่าถ้าเธอกับกับอู๋เฟยฉือยังอาศัยอยู่ในเถาหยาง เขาจะหาคนมาฆ่าพวกเขาทั้งคู่! ครั้งล่าสุดที่ลูกสาวของผมเอวหักก็เป็นเพราะซูเจิ้งชิงนั่นแหละ คุณตำรวจ ผมหลันหมิงฮุย เป็นวิศวกรรุ่นเก่าในตงหยาง ผมอุทิศชีวิตของผมให้กับตงหยาง แต่ลูกสาวของผมกลับถูกทำร้ายแบบนี้ ผม ผม…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา

ซูเจิ้งชิง?

ซูเถาตกตะลึง เธอเดินไปรอบ ๆ เพื่อดูรูปลักษณ์ของหลันหมิงฮุย

เธอเคยพบกับบุคคลนี้ตอนเธอยังเด็ก ซูเจี้ยนหมิงเคยเชิญหัวหน้าของเขาไปกินอาหารเพื่อพูดคุยเรื่องการขอเลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือน และหลันหมิงฮุยก็คือคนคนนั้น

และต่อมาซูเจิ้งชิงก็ไปหาลูกสาวหัวหน้าของซูเจี้ยนหมิงเพื่อขอแต่งงาน และทำการยื่นขอเข้าพักในเถาหยางหลายครั้ง

ที่แท้คนที่ซูเจิ้งชิงไปหาตอนนั้นคือหลันหลิงหลิงเหรอ?

ช่างเป็นโชคชะตาที่เลวร้ายอะไรแบบนี้ ถึงกับต้องเอาชีวิตกันเลยเหรอ

ตำรวจยังทำอะไรมากไม่ได้ และอธิบายอีกครั้งว่าต้องการหาหลักฐานเพื่อจับกุมคน และต้องรอผลการพิสูจน์ร่างกายก่อน

หลันหมิงฮุยเสียใจมาก “กว่าผลจะออก เขาคงหนีไปไหนแล้ว! พวกคุณจับเขาไม่ได้ใช่ไหม ผมจะไปคนเดียวนี่แหละ จะไปเอาชีวิตของพวกเขา! ครอบครัวของเหล่าซู ไม่มีอะไรดี! ตอนนั้นผมไม่น่าปล่อยให้หลิงหลิงไปคบกับคนแบบนี้เลย! ผมจะไปตามหาซูเจี้ยนหมิง ผมจะฆ่าเขา!”

เขาแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวมากเกินไปและต้องถูกควบคุมโดยตำรวจสองคนที่อยู่ตรงนั้น

ซูเถาเฝ้าดูเขาถูกลากออกไปด้วยความงุนงง แล้วรีบโทรหาเผยตง

“พี่เผย ช่วยตรวจสอบดูหน่อยว่ามีคนชื่อซูเจิ้งชิงออกจากเมืองไปในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรือเปล่า ฉันต้องการจับเขาและส่งตัวให้ตำรวจ”

เผยตงไม่แม้แต่จะถามว่าทำไม และตอบตกลงอย่างไม่ลังเล

ซูเถาวางหูโทรศัพท์และยังคงงุนงงเล็กน้อย เธอมองหลันหลิงหลิงที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงโรงพยาบาลแล้วถอนหายใจ

ต้องรอจนกว่าเธอจะฟื้น

ระหว่างทางกลับซูเถาถามจวงหว่านและกวานจือหนิง

“ทำไมพวกคนขี้ขลาดและเห็นแก่ตัว รู้จักแต่วิธีเล่นวิธีสกปรก และกล้าก่ออาชญากรรมโดยการใช้วิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้”

เธอเกลียดซูเจิ้งชิงก็จริง แต่เขาก็เป็นคนงี่เง่าที่ไม่มีความกล้าหาญ ทางโรงเรียนเปิดวิดีโอของซอมบี้ให้เขาดู เขายังไม่กล้าดูเลย

คนแบบนี้น่ะเหรอที่กล้าใช้ความรุนแรงและมีการกระทำที่เลวทรามแบบนี้กับคนรักเก่าของเขา แล้วยังเกือบฆ่าเธอจนตายอีก

จวงหว่านและกวานจือหนิงมองหน้ากัน เดาว่าเธอน่าจะกำลังพูดถึงซูเจิ้งชิง

กวานจือหนิงกล่าวว่า “เป็นไปได้สองประการ ประการแรกเขาประมาทในการคบหาเพื่อน และมีคนสนับสนุนให้เขาทำเช่นนั้น”

“ประการที่สอง อาจเป็นไปได้ว่าเขารู้ว่าจุดจบกำลังจะมาถึง และเขาอาจมีชีวิตไม่ถึงสองหรือสามวัน เขาจึงปล่อยวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ในใจของเขาออกมาจนหมดสิ้น และเหยียบย่ำศีลธรรมอย่างไร้เหตุผล โดยเฉพาะในวันสิ้นโลกแบบนี้ ผู้คนมากมายที่เคยเป็นคนดีมีศีลธรรมได้กลายเป็นปีศาจร้ายหลังวันสิ้นโลก”