ในยามอาทิตย์อัสดง ผู้บำเพ็ญทั้งห้าคนกำลังรีบขับเคลื่อนเมฆออกไปนอกประตูหมู่บ้านตรงไปยังทะเลอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนก
บนก้อนเมฆนั้นมีคนสองคนคอยจับรูปปั้นดินเหนียวที่ปกคลุมไปด้วยแสงสมบัติล้ำค่าอยู่ด้านหน้า
พวกเขาคือนักพรตเต๋าชราและผู้บำเพ็ญนามหวังไฉซึ่งคอยค้ำยันรูปปั้นอยู่ทางด้านหลังในขณะที่ขาของเขากำลังสั่นเทาอยู่…
เวลานี้ มีรอยหมัดที่ยุบลงไปถึงสามชุ่นปรากฏให้เห็นชัดเจนบนหน้าอกของหวังไฉ พลังปราณของเขาพลุ่งพล่านราวกับกระแสคลื่นน้ำซัดสาดรุนแรงที่ไม่อาจสงบลงได้เป็นเวลานาน และยังคงกระอักเลือดออกมาเต็มปากในขณะที่อยู่บนก้อนเมฆนั้น
โชคยังดีที่เขาบรรลุไปถึงขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพแล้ว และอาการบาดเจ็บเช่นนี้ เขาก็…
พรวด!
อาจจะตายได้จริงๆ
นักพรตเต๋าชรารีบตะโกนเรียก “หวังไฉ! หวังไฉ!”
หวังไฉที่ปากเต็มไปด้วยเลือดพลันหันหน้าไปฝืนยิ้มให้อาจารย์ของเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่นว่า “ท่านอาจารย์ ข้าไม่เป็นไร พวกเราเป็นผู้บำเพ็ญ…ท่านอาจารย์ พวกเรา…ในภายหน้า พวกเราอย่ามาที่หมู่บ้านนี้อีกเลยนะขอรับ?”
“ไม่มาแล้ว พวกเราไม่มาแล้ว” นักพรตเต๋าชรารู้สึกหวั่นใจก่อนจะรีบเอ่ยต่อไปว่า “เร็วเข้า รีบไปหาที่ปลอดภัยกันเถิด แล้วเจ้าจะได้ทำสมาธิปรับลมหายใจเร็วๆ…ยิ่งกว่านั้น เมื่อเจ้ากระอักเลือดถึงเพียงนี้ ครั้งต่อไปจะให้เป็นศิษย์พี่ของเจ้า นี่ข้าก็เพิ่งได้เสื้อคลุมเต๋ามาไม่นานนี้เอง”
หวังไฉกล่าวอย่างอ่อนแรง “ได้ขอรับ ท่านอาจารย์…ศิษย์ขอโอสถสักเม็ดได้หรือไม่ขอรับ”
นักพรตเต๋าชราถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “อาจารย์มีเพียงโอสถรักษาเท่านั้น ไม่มีโอสถควบคุมลมปราณ เจ้าจงอดทนอีกสักหน่อย ไว้กลับไปนั่งทำสมาธิเถิด”
ในขณะนี้ มีกลุ่มชาวบ้านหลั่งไหลไปที่ประตูหมู่บ้าน
เมื่อครู่ที่ผ่านมานี้ พวกเขายังเต็มไปด้วยความรังเกียจ แต่ขณะนี้พวกเขากำลังมองตามหลังคนทั้งห้าที่อยู่ในอากาศเหล่านี้ด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ป้าวานรยักษ์ผู้หนึ่งพูดเสียงเบาว่า “พวกเขาบินได้งั้นหรือ”
“เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นทูตที่ท่านเทพส่งให้มาช่วยพวกเราจริงๆ”
“เฮ้ ท่านทูตของท่านเทพ อย่าเพิ่งไป!”
“ไล่ตามเร็วเข้า ตามไปเร็วเข้า!”
ลุงนักล่าสัตว์ร้องคำรามลั่นอย่างฉุนเฉียว ฉับพลันนั้นกลุ่มคนที่หน้าประตูหมู่บ้านก็รีบพุ่งออกไปทันทีจนทำให้ประตูเกิดการสั่นสะเทือนและทรุดตัวลงอย่างกะทันหัน
คนทั้งห้าในอากาศพลันหันศีรษะไปมอง แล้วสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
พวกเขาเห็นเหล่าชายหญิงที่แข็งแรงกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งห้อตามหลังพวกเขามา และทำให้เกิดฝุ่นควันหนาทึบลอยจากพื้นจนพวยพุ่งฟุ้งโขมงขึ้นไป
มันเหมือนกับว่ากองทัพทหารหลายพันคนกำลังควบม้าตามมา และทุกคนต่างตะโกนอะไรบางอย่าง
“อย่าไป!”
“หยุดก่อน!”
ทว่าเสียงของพวกเขาดูน่าเกรงขามเกินไป และเสียงตะโกนก็อื้ออึงเกินไป!
สีหน้าของนักพรตเต๋าชราผู้นี้พลันเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง เขาหยิบยันต์สองแผ่นออกมาแล้วเหวี่ยงออกไป ทันใดนั้นก็เกิดลมพายุแรงในอากาศ และเมฆขาวสองก้อนก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว และทิ้งกลุ่มชาวบ้านที่ไล่ตามหลังพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านอาจารย์ พวกเขาไล่พวกเราด้วยเหตุใดหรือขอรับ พวกเรายังไม่ได้ขายยันต์ให้พวกเขาเลย!”
ทว่านักพรตเต๋าชรากลับก่นด่าออกมาทันที “เจ้าไปหลอกลวงเด็กสาวในหมู่บ้านอีกแล้วใช่หรือไม่”
“ท่านอาจารย์ พวกเราร่ายรำกันมาทั้งวันแล้ว แต่นายท่านก็ไม่มา ถึงข้าอยากจะหลอกลวงก็ไม่มีโอกาสหรอกขอรับ…”
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!”
หวังไฉไอจนตัวโยนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พวกเราไม่อาจไปหลอกลวงผู้ใดได้อย่างแน่นอน! หากท่านยังอยากจะให้พวกเราทำ พวกเราคงจะตายกันจริงๆ ขอรับ…พรวด!”
“เจ้าหันไปอาเจียนตรงนั้นเดี๋ยวนี้นะ!”
“ข้ากลืนมันกลับเข้าไปแล้ว ท่านอาจารย์”
“อืม…ดีมาก…ศิษย์คนดี”
“ไปกันเถิด ข้าจะใช้พลังเวทเพิ่มขึ้นมากกว่านี้” แล้วนักพรตเต๋าชราก็ปล่อยพลังเวทของเขาออกไปอีกครั้ง “สถานที่ห่างไกลแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดมากจริงๆ พวกเรารีบไปพบเจ้านายกันก่อนที่จะทำเรื่องอื่นเถิด!”
แล้วไม่นานหลังจากนั้น เมฆขาวทั้งสองก็บินขึ้นไปในท้องฟ้าไกลออกไป
ขณะนี้ชาวหมู่บ้านสงที่ไล่ตามไม่ประสบความสำเร็จทางด้านล่างต่างก็พากันกลับไป พวกเขาแต่ละคนล้วนก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดหวัง
อย่างแรก พวกเขาปล่อยให้ท่านเทพแห่งท้องทะเลหนีไป แล้วจากนั้น เทพพิภพก็มาจากไปอีกเช่นกัน และเมื่อทุกคนในหมู่บ้านมาชุมนุมกันในตอนเย็น พวกเขาต่างรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
เป็นการดีหรือไม่ที่หมู่บ้านของพวกเขาไม่ได้บูชาเหล่าทวยเทพ
พวกเขาล้วนเป็นมนุษย์ที่เปราะบาง และต้องการการปกป้องเช่นกัน…
สงหลิงลี่ซึ่งเป็นคนสำคัญที่เกี่ยวข้องในทั้งสองเหตุการณ์ ไม่ได้ถูกดุด่า ทว่านางถูกลงโทษเพียงให้คอยชงชาและดูแลคนชราในหมู่บ้านเท่านั้น
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าทุกคนล้วนมีจิตใจหดหู่ ชายชราผู้สวมสร้อยทองคำเส้นใหญ่ที่หลี่ฉางโซ่วทิ้งเอาไว้ให้ก็ค่อยๆ เกิดความคิดขึ้นในใจทันที
“ทุกคนร่าเริงกันหน่อย พวกเรายังมีท่านเทพแห่งท้องทะเลอยู่ไม่ใช่หรือ…
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมู่บ้านของพวกเรามักประสบภัยธรรมชาติ เมื่อมีการตกปลาในทะเลและการล่าสัตว์มักจะไม่ได้อะไร…
ข้าคิดว่า หากพวกเราสร้างรูปปั้นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและบูชาท่านเทพให้ตรงเวลากัน พวกเราจะต้องได้รับพรอย่างแน่นอน!”
ขณะที่ผู้บำเพ็ญสองสามคนในหมู่บ้านและบิดาของสงหลิงลี่อยากจะเอ่ยวาจาออกมา แต่สตรีร่างบางที่อยู่ข้างเขาซึ่งเป็นสตรีที่ผอมบางสมส่วนอย่างหาได้ยากในหมู่บ้าน ก็กระซิบเบา ๆ กดแขนที่แข็งแรงของเขา โบกมือไม่ให้เขาพูด
ในไม่ช้าชาวบ้านในหมู่บ้านสงก็เริ่มพูดคุยกันถึงวิธีการบูชาและถวายสักการะเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
เมื่อมารดาของสงหลิงลี่ซึ่งเป็นสตรีร่างบางผู้นั้น นำภาพที่นางวาดเอาไว้บนหนังสัตว์ในขณะที่ท่านเทพแห่งท้องทะเลนอนหลับอยู่ออกมา ชาวบ้านกลุ่มนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นทันที และในยามราตรี พวกเขาก็เริ่มมองหาหินเพื่อสร้างรูปปั้นเทพเจ้า แล้วจากนั้นก็นำกองหินขนาดใหญ่กลับไปที่หมู่บ้าน
กลางดึกคืนนั้น
สงหลิงลี่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงที่หลี่ฉางโซ่วเคยนอนอยู่
และในห้องถัดไป สามีภรรยาคู่หนึ่งก็กำลังกอดกันอยู่บนขอบเตียง
สามีแซ่สงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านหญิง เหตุใดจึงเตือนข้าไม่ให้บอกทุกคนว่าเขาเป็นเซียน ไม่ใช่ท่านเทพแห่งท้องทะเลเล่า”
“เรื่องการถวายเครื่องเซ่นสังเวยบูชานั้นก็เป็นเพียงการปลอบโยนทุกคนให้สบายใจ แล้วท่านเซียนจะสนใจดูแลเราหรือ” สตรีผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ตอนแรกข้าคิดว่าหลิงลี่จะกราบท่านเซียนและได้เป็นศิษย์ของท่าน แล้วได้เรียนรู้วิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกบำเพ็ญเซียน แต่ไม่คิดว่า จู่ๆ ท่านเซียนจะตื่นขึ้นมาและจากไปเช่นนี้”
“ท่านหญิง ท่านไม่ได้สอนวิธีฝึกบำเพ็ญให้แก่ข้าหรืออย่างไร” สามีแซ่สงกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “เช่นนั้นส่งต่อให้หลิงลี่จะไม่ดีหรือ”
“นั่นเป็นเพียงวิธีการหลอมรวมปราณเพียงผิวเผินเท่านั้น จะเทียบกับพวกเซียนได้อย่างไรกัน” สตรีผู้นั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าอยากจะส่งหลิงลี่ไปเป็นศิษย์ของสำนักเซียนมาโดยตลอด แต่เส้นทางไปดินแดนเทวะมัชฌิมานั้นไกลเกินไป และเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง ข้าจึงไม่อาจทนปล่อยให้นางเดินทางไปได้”
“เช่นนั้นแล้ว พวกเรามีลูกกันอีกสักคนดีหรือไม่” สามีแซ่สงกล่าวหัวเราะเบาๆ “มีเจ้าตัวเล็กอีกสักคนหนึ่ง แล้วปล่อยให้เจ้าตัวใหญ่ผู้นี้ออกจากบ้านแล้วท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ดีหรือไม่”
“น่าเกลียด ไม่เอานะ ลูกเรากำลังหลับอยู่ห้องข้างๆ…”
“ข้าจะไปทำให้นางหมดสติเอง!”
“ไม่ต้องหรอก แค่ระวังหน่อยเท่านั้น”
“ฮี่ๆ”
แล้วไม่นานหลังจากนั้น สงหลิงลี่ที่หลับใหลอยู่ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย จากนั้นนางก็พลิกตัวและนอนต่อไปเอง
ดูเหมือนว่านางกำลังฝันว่านางถูกพวกพ้องของนางกล่าวหาในตอนกลางวันอย่างไร และเด็กสาวก็สะอื้นไห้เบาๆ สองสามครั้งก่อนจะหลับสนิท
………………………..