ตอนที่ 49

The simple life of the emperor

หลังจากการกอดกันที่เนิ่นนานเฟิงหยวนก็ได้ถามขึ้น

”แล้วตกลงท่านจะแต่งงานกับข้าหรือไม่ ?”

เทียนหลางที่ได้ยินก็เงอะงะเล็กน้อยแม้ความรู้สึกผิดของเขาจะหายไปแล้วก็ตาม แต่สถานะการในตอนนี้ดูไม่ค่อยจะเหมาะสมสักเท่าไหร่เขาจึงเอ่ยมันกับเฟิงหยวน

”ข้ายังคงแต่งกับเจ้าไม่ได้”

”ทำไมหล่ะ ?”

เฟิงหยวนถามขึ้นทันที ทำให้เทียนหลางต้องตอบคำถามของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้

”ตอนนี้ข้ามีทั้งพ่อและแม่ให้ดูแลแล้วอีกอย่างข้ายังมีธุระกิจอีกตั้งสองอย่างให้จัดการแม้จะมีคนช่วยก็ตาม แต่ถึงอย่างงั้นก็ข้าก็ยังคงต้องเข้าไปดูแล โดยเฉพาะร้านเครื่องประดับ”

เมื่อเฟิงหยวนได้ยินก็พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะคลายกอดของนางและพูดกับเทียนหลาง

”แล้วมีอะไรอีก ?”

เทียนหลางได้ยินก็ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น

”เรื่องหาทรัพยากรบ่มเพาะอีก อันนี้ดูท่าจะวุ่นวายที่สุดแล้ว”

”แล้วท่านคิดจะไปหาจากไหนกัน ?”

”ดูเหมือนว่าในโลกนี้จะมีผู้บ่มเพาะอยู่มากมายข้าคิดว่าจะไปขอแบ่งพวกนั้นมาจำนวนมากหน่อย”

เมื่อได้ยินแบบนั้นเฟิงหยวนก็หัวเราะคิกคักออกมา

”ดูเหมือนท่านจะมีปัญหากับผู้บ่มเพาะของโลกนี้นะ”

”ผู้บ่มเพาะในโลกนี้ความหยิ่งยโสของพวกเขานั้นช่างสูงส่งเทียมฟ้า มันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วที่ข้าจะให้บทเรียนแก่พวกเขา”

เฟิงหยวนได้ยินที่เทียนหลางพูดก็หัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้น

”ท่านนี่ชอบทำอะไรสนุก ๆ อยู่ตลอดเลยนะ”

”แน่นอน”

จากนั้นเฟิงหยวนก็พูดขึ้น

”จริงสิ ข้าอยากเจอท่านพ่อท่านแม่ของท่านจัง”

เมื่อได้ยินเทียนหลางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะออกมาด้วยน้ำเสียงดูกังวลเล็ก ๆ

”เจ้าจะทำอะไรกับพ่อแม่ของข้ากัน”

”ท่านจะบ้ารึไงข้าก็แค่อยากรู้จักพ่อแม่สามีเท่านั้นเอง”

เทียนหลางที่ได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจ

”อย่าทำอะไรวุ่นวายก็แล้วกัน”

”เข้าใจแล้ว”

เฟิงหยวนตอบรับด้วยรอยยิ้มทำให้เทียนหลางคลายความกังวลได้นิดหน่อย จากนั้นเทียนหลางก็ถามขึ้นอีกครั้ง

”แล้วตอนนี้เจ้าทำอะไรอยู่ ?”

”ท่านหมายถึงงานหนะเหรอ ?”

เทียนหลางพยักหน้า เฟิงหยวนจึงได้เล่าให้ฟังถึงงานของเธอ จากนั้นเธอก็เล่าให้ฟังว่าก่อนที่จะลงมายังโลกมนุษย์เธอได้ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในโลกมนุษย์ผ่านตาทิพย์ของเทพธิดาเม่ยอวี๋ และเมื่อเฟิงหยวนลงมาถึงโลกมนุษย์เธอก็ได้งานทำทันทีซึ่งทำเอาเธอแปลกใจเล็กน้อยเพราะจากที่เธอศึกษามาคือที่โลกมนุษย์นั้นหางานได้ยาก

เฟิงหยวนเล่าว่าเมื่อเธอมาถึง เธอก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งชวนไปถ่ายแบบทันทีและได้รับเงินมาก้อนหนึ่งอย่างง่ายดายและรวดเร็วทำเอาเทียนหลางรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเพราะกว่าเขาจะได้เงินมาสักก้อนเขาต้องยืนทำอาหารทั้งวันเป็นสัปดาห์แต่เฟิงหยวนกับหามาได้อย่างง่ายดายเรื่องนี้ทำเอาเทียนหลางรู้สึกเสียหลักเล็กน้อย

หลังจากนั้นเทียนหลางก็พูดขึ้น

”แล้วตอนนี้เจ้าอาศัยอยู่ที่ไหน ?”

”โรงแรมในเมืองนะ”

เทียนหลางก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

”งั้นเดียวเจ้ากลับไปเก็บของแล้วมาอยู่ที่นี้ซะนะ หากข้าจะให้เจ้าช่วยงานการที่เจ้ากลับไปกลับมานั้นแลดูจะลำบากเสียเปล่า ๆ”

เมื่อเฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดด้วยท่าทางยียวน

”โอ้ ~ ท่านจักรพรรดิสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่เชิญข้ามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันงั้นหรือนี่ ~”

เทียนหลางที่ได้ยินก็หน้าแดงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะไล่ให้เฟิงหยวนไปเก็บของและกลับมาอยู่ที่นี้ หลังจากที่เฟิงหยวนจากไปแล้วเทียนหลางก็โทรศัพเรียกซ่านฉินและถังหยานให้มาหาเขา

หลังจากนั้นไม่นานซ่านฉินและถังหยานก็มาหาเทียนหลางที่ห้องหนัง จากนั้นเทียนหลางก็ยื่นหนังสือให้กับซ่านฉินและถังหยานคนละเล่มพร้อมกับยาทิพย์ที่เจือจางแล้วให้กับพวกเขา

เมื่อถังหยานเปิดอ่านหนังสือที่ได้รับมาก็สงสัยเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น

”นี่คืออะไรงั้นเหรอบอส ?”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พูดขึ้น

”จะเรียกว่าเป็นเทคนิคบ่มเพาะก็ได้ นายเคยเป็นทหารนายคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องพวกผู้บ่มเพาะมาบ้างสินะ”

ถังหยานที่ได้ยินก็ลูบคางตัวเองเบา ๆ พร้อมกับพลิกหน้าหนังสือไปมาก่อนจะพูดขึ้น

”ผมเคยได้ยินหัวหน้าพูดมาบ้าง แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้เชื่ออะไรมากนักเพราะอย่างที่บอสรู้ตอนนี้มันศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว เรื่องแบบนี้จึงไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

”แล้วตอนนี้ละ”

”ผมเห็นถึงกับเห็นหนังสือเทคนิคบ่มเพาะแบบนี้แล้วก็คงต้องเชื่อแล้วละ แล้วเจ้าขวดนี้ละ ?”

”มันจะช่วยนายในการบ่มเพาะให้เร็วขึ้น”

ถังหยานพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะขอตัวกลับเพราะมีเรื่องที่ร้านจะต้องจัดการซึ่งเทียนหลางก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้ ส่วนทางซ่านฉินนั้นกลับเปิดหนังสือเทคนิคบ่มเพาะอ่านอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเทียนหลางมองมาที่เขาก็พูดขึ้น

”ซ่านฉินเรื่องที่ฉันให้นายไปจัดการเป็นยังไงบ้าง ?”

ซ่านฉินที่ได้ยินก็วางหนังสือลงก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

”แย่หน่อยครับดูเหมือนทั้งสองแก๊งจะไม่ยอมร่วมมือด้วย”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าช้า ๆ

”แล้วตอนนี้นายเหลือเกินอยู่เท่าไหร่ ?”

”ก็ประมาณหกร้อยกว่าล้านครับ ลูกพี่มีอะไรงั้นเหรอ ?”

เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะพูดคางตัวเองเล็กน้อยและพูดขึ้น

”เดียวฉันจะโอนเงินให้อีกหนึ่งพันล้าน นายต้องเอาเงินพวกนั้นไปยึดกิจการของพวกมันซะเรื่องวิธีการฉันไม่เกี่ยงพยายามครอบครองธุระกิจในเมืองให้ได้มากที่สุด แล้วก็เอาเงินที่เหลือไปซื้อคนจากสองแก๊งนั้นด้วย หากพวกเราต้องการที่จะทำลายพวกมันเราจำเป็นจะต้องมีสายอยู่ด้านใน”

ซ่านฉินที่ได้ยินก็ตอบรับทันทีก่อนจะเอาเลขบัญชีให้เทียนหลางโอนเงิน หลังจากคุยกันอีกสักพักซ่านฉินก็ขอตัวกลับไป หลังจากนั้นไม่นานเฟิงหยวนก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบหนึ่งเมื่อเธอกลับมาก็ตรงเข้ามาหาเทียนหลางทันทีก่อนจะถามขึ้น

”แล้วตกลงจะให้ข้านอนที่ไหนงั้นเหรอ ?”

”ตามมาสิ”

เทียนหลางพาเฟิงหยวนเข้ามาที่ห้องนอนของเขาที่ชั้นสอง เมื่อเฟิงหยวนเห็นห้องนอนเก่าของเทียนหลางเธอก็ขมวดคิ้วทันทีก่อนจะพูดขึ้น

”ท่านนี่แต่งห้องนอนได้แย่มากเลยนะ”

”ช่างฉันเถอะน่า”

เทียนหลางถอนหายใจก่อนจะให้เฟิงหยวนเก็บของระหว่างนั้นเฟิงหยวนก็พูดขึ้น

”จริงสิแล้วท่านจะให้ข้าช่วยท่านเรื่องอะไรละ ?”

”ก็คงจะให้เจ้าช่วยเรื่องหลอมเครื่องประดับกับเรื่องปรุงยาละนะ”

เฟิงหยวนพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น

”แต่การบ่มเพาะของข้าต้องเริ่มใหม่นะ คงอีกพักใหญ่เลยกว่าจะช่วยท่านได้”

เมื่อเทียนหลางได้ยินก็หยิบขวดยาทิพย์มาให้กับเฟิงหยวน เมื่อเฟิงหยวนเห็นมันก็ทำตาลุกวาวทันทีก่อนจะพูดขึ้น

”ข้าลืมไปได้ยังไงนะว่าท่านนั้นมีเจ้ามังกรน้อยคอยสร้างน้ำตามังกรให้ท่านอยู่ตลอดเวลา”

หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักเทียนหลางก็พาเฟิงหยวนกลับมาข้างล่างและเมื่อลงมาด้านล่างเทียนหลางก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออกก็พบว่าเป็นพ่อกับแม่ของเทียนหลางที่กลับมาจากการออกไปซื้อของ

และเป็นจังหวะพอดีที่พ่อและแมของเทียนหลางกำลังเห็นเทียนหลางพาเฟิงหยวนลงมาด้านล่างเมื่อทั้งคู่เห็นลูกตัวเองพาสาวสวยคนหนึ่งลงมาจากด้านบนมีสิ่งเดียวที่ทั้งสองคนพอจะนึกออกนั่นก็คือเรื่องนั้นทำเอาทั้งสองคนถึงกับช็อคตัวแข็งค้างกันไปตามกัน

เมื่อเทียนหลางเห็นอาการของพ่อแม่ตัวเองแล้วก็ได้แต่กุมขมับปวดหัว แต่เฟิงหยวนนั้นกลับทำหน้าตาดีใจและพุ่งเข้าไปหาพ่อแม่ของเทียนหลางอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

”สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อเฟิงหยวนเป็นภรรยาของเทียนหลางค่ะ !”