อาล่ะ เลิกฝึกได้” ข้าประกาศยุติการฝึกวันนี้ไว้เพียงเท่านี้ “ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือนะ”

“ขอบคุณที่ช่วยสอนสั่งครับ!!” เหล่าอัศวินตอบกลับข้าด้วยเสียงดังฟังชัด

พวกเขาล้วนฝึกฝนจนเหงื่อชุ่มโชก ไม่ต่างไปจากข้า

ข้าออกจากลานฝึกพลางคิดว่ากลับไปที่พักและอาบน้ำเลยดีกว่า

ณ จุดนี้ ข้ามาที่ลานฝึกในฐานะผู้ฝึกสอนให้กองอัศวินริเบลลิโอ้แทบจะทุกวัน

เดิมทีผังการสอนข้ามีหลายคาบฝึกต่อเดือน แต่เพราะถูกพ่อเตะโด่งออกจากบ้านที่บิดเดน ข้าเลยไม่มีที่ไป

ซึ่งพออลิเซียได้ยินดังนั้นก็ดูท่าทีดีใจมีความสุขซะงั้น

ถัดไปก็คลูนี่ที่ออกอาการไม่ต่างกันอีกคน

นอกจากนั้นแล้วยังมีอีกคน ที่ทำให้ข้าแปลกใจก็คือ คุณรองกัปตัน เฮนบริทช์

“ท่านเบริลครับ!” เฮนบริทช์กล่าวทักทายข้า “ขอบคุณที่ทุ่มเทให้กับการฝึกฝนพวกเราครับ!!”

“เอ้อ อ่าาาา” ข้าได้แต่อ้ำอึ้ง “ยินดีเสมอ เฮนบริทช์ ดูเจ้าเองก็ทุ่มเทให้กับการฝึกทุกวันเช่นกันนะ”

ทันทีที่ข้าก้าวออกจากลานฝึก เฮนบริทช์ก็ปรี่เข้ามาหาข้าจากด้านหลังและรั้งข้าไว้

ในมือของเขาถือผ้าเช็ดเหงื่อที่ยังไม่ได้ใช้ ปรากฏว่าผ้าผืนนั้นเขานำมาให้ข้าใช้

หลังการซ้อมประลองครั้งนั้นมา ดูเหมือนเขาจะตั้งข้าไว้เป็นเป้าหมาย และเพราะเหตุนั้นกระมังที่ทำให้เขาคอยติดตามข้าทั้งระหว่างการฝึกและหลังการฝึก

ข้าไม่รู้ว่า ตำแหน่งรองหัวหน้ากองอัศวินเนี่ย วันๆต้องทำอะไรบ้าง

แต่ท่าทางจะไม่ต่างจากอลิเซียตรงที่ดูว่างงานซะเหลือเกิน

คือข้าหมายถึง หลังจากที่ข้ามาที่นี่เป็นประจำได้ไม่นาน ก็พบว่าเหล่าอัศวินแห่งริเบลลิโอ้นั้นทำหน้าที่ลาดตระเวณและประชุมงานอยู่เป็นประจำ แต่ถ้าใครไม่มีภารกิจผูกพันในวันนั้น พวกนี้ก็มีเวลาว่าง อยากจะไปทำอะไรก็ได้ตามใจ

“ข้าได้ตั้งเป้าหมายไว้สูงให้กับตัวข้าเองแล้วครับ” เฮนบริทช์กล่าวในขณะที่ข้ากำลังซับเหงื่อบนหน้า “ทุกวันนี้ ข้าจึงได้เติมเต็มประสบการณ์เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น”

“…อย่างนี้นี่เอง เยี่ยมไปเลยที่ได้ยินแบบนั้น” ข้าตอบเขาไป แต่เฮนบริทช์ได้กล่าวกับข้าต่อว่า

“แต่ข้ายังมิอาจเคลื่อนไหวออกท่าทางได้อย่างท่าน ข้ายังฝึกฝนไม่ดีพอ”

นั่นทำให้ข้าหัวเราะก่อนจะตอบกลับว่า

“ฮ่าๆๆ เจ้าทำได้นะ ข้าเชื่อว่าสักวันเจ้าเองก็สามารถทำได้เช่นกัน”

เออ จริงสิ เหมือนข้าจะคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา

คือการมาเป็นครูฝึกแบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอก เพียงแต่ข้ายังไม่คุ้นชินกับปฏิกิริยาตอบรับที่คาดไม่ถึงแบบนี้

แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะมาทำหน้าที่เป็นครูฝึกให้กับเหล่าอัศวินแบบนี้ได้

“ท่านอาจานนน !! ท่านรองหัวหน้า! ขอบคุณที่ทุ่มเทให้กับการฝึกนะค๊าาาา!”

“เป็นไงบ้าง คลูนี่” ข้าตอบเธอกลับไป “…วันนี้ก็ทำได้ดีเลยนะ”

และในระหว่างที่ข้ากำลังสนทนากับเฮนบริทช์ คลูนี่ก็เข้ามาแทรก

เธอผู้เป็นหนึ่งในอดีตลูกศิษย์ข้าได้มองมาทางข้า

เธอเองก็เหงื่อชุ่มทั่วตัวไม่ต่างกัน พอไม่ได้สวมเกราะ เลยเห็นว่าชุดฝึกของเธอเป็นเสื้อลำลองพื้นๆ

แต่เพราะเหงื่อที่เปียกชุ่ม จึงทำให้ตัวเสื้อแนบติดผิวกายไปด้วย

นั่นทำให้ข้าต้องบังคับตัวเองให้รีบหันมองไปทางอื่น

ถึงจะตัวเล็กแต่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ได้สัดส่วนโค้งเว้าแบบที่ผู้หญิงควรจะเป็น

ไอ้แบบนี้แหละที่ไม่ดีต่อใจผู้สูงอายุ

“คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองหลวงรึยังคะ ท่านอาจารย์?”

นี่ก็ไม่แน่ใจว่าเธอจับความรู้สึกข้าได้หรือเปล่า คลูนี่ถึงได้โน้มตัวเข้ามาถามข้าแบบนั้น

เบา ลูก เบาาาา หยุดอยู่ตรงนั้น แล้วไม่ต้องเข้ามาใกล้เลยสาวววว

เกิดเผลอไปมองเห็นอะไรเข้า มีหวังชีวิตครูฝึกของข้าบรรลัยหมดกันล่ะทีนี้

“อืม ข้าเองก็เริ่มชินแล้วล่ะ ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ออกไปไหนนอกจากที่นี่ก็เถอะ” ข้าตอบพลางหันไปมองทางอื่น

ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ถึงข้าจะคุ้นเคยกับเส้นทางไป-กลับระหว่างที่พักกับศูนย์บัญชาการกองอัศวิน

แต่ถ้าเผลอออกนอกเส้นทางไป ก็ยากที่จะเข้าใจว่าอะไรอยู่ตรงไหน ลัดเลาะยังไง

เอาเถอะ ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากมายอะไรนัก วันฝึกซ้อมให้กับกองอัศวินก็แทบจะทุกวันอยู่แล้วด้วย

ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไปเตร็ดเตร่เที่ยวชมในตัวเมือง

“ช่างน่าเสียดายนัก” เฮนบริทช์พึมพัมเบาๆ

“เพราะเมืองบาลเทรนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยสิ”

หืม ข้าได้ยินแว่วๆว่าเขาพึมพำกับตัวเองแบบนั้นนะ

พูดถึงเมืองบาลเทรน เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรริเบลลิโอ้ มีชื่อเสียงในฐานะเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้

ข้าได้ยินมาว่าแต่ละเมืองจะแบ่งออกเป็น 5 เขตย่อย สำหรับเมืองบาลเทรนนั้น แต่ละเขตมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว

จึงดึงดูดให้นักเดินทางจากต่างเมืองรวมถึงต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก

“ถ้าอย่างนั้น ข้าขออาสาพาท่านอาจารย์ไปเที่ยวชมรอบเมืองเองนะคะ”

คลูนี่กล่าวแล้วมองมาด้วยท่าทีตื่นเต้น

เอ่ออออ ข้าไม่คิดว่ามันจะมีอะไรผิดแปลกให้ต้องตื่นเต้นดีใจออกนอกหน้าแบบนั้นเลยนะกับอีแค่ไปเที่ยวรอบๆเมืองเนี่ย แต่ก็กล่าวได้ว่ามันเป็นธรรมชาติของเธอตามปกติ คลูนี่ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เธอทุ่มเททำสุดๆกับทุกเรื่อง แม้กระทั่งรับอาสาพาเที่ยวครั้งนี้ก็ด้วย

“ฮ่าๆ งั้นก็ฝากด้วยนะ” ข้าตอบรับเธอ “แต่ก่อนอื่น ช่วยไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยก่อนดีมั้ย?”

“อ๊ะ จริงด้วย!” คลูนี่เหมือนเพิ่งจะรู้ตัว “เสื้อมันเปียกเหงื่อไปหมดเลยนี่นา!”

ยังเร็วไปที่จะกลับไปที่พัก

ข้าไม่ค่อยได้ทำอะไรร่วมกับคลูนี่เท่าไร ยกเว้นเรื่องการฝึกนี่แหละ

เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วข้ามักจะอยู่ช่วยงานบางอย่างให้อลิเซียจนกว่าตนเองจะตั้งหลักในเมืองบาลเทรนได้

“คลูนี่ อย่าได้เสียมารยาทกับท่านเบริล” เฮนบริทช์กล่าวขณะที่ข้าขอตัวไปก่อน

แล้วแม่หนูนั่นก็ตอบกลับอย่างกระตือรือร้นว่า “โรเจอร์ โรเจอร์” เป็นการรับทราบ

ก่อนจะวิ่งตื๋อ ผลุบหายเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อ

ส่วนข้าจะเปลี่ยนเสื้อก็ตอนขากลับไปที่พักนั่นแหละ

“ท่านอาจารย์ค๊าาา!” เสียงคลูนี่ครวญมาแต่ไกล “นี่ข้าปล่อยให้ท่านรอนานรึเปล่าคะเนี่ย?”

“ไม่หรอก ไม่ ข้าไม่ได้รอนานอะไรหรอก” ข้าตอบกลับเธอให้สบายใจ

ถ้าเปรียบเทียบระหว่างชาย-หญิง ผู้หญิงก็ต้องเปลี่ยนเสื้อนานกว่าอยู่แล้วเป็นธรรมดา

ในขณะที่ข้ากำลังรออยู่ที่หน้ากองบัญชาการและรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง คลูนี่ก็วิ่งตื๋อเข้ามาหาข้าโดยเปลี่ยนเป็นชุดที่ใส่สบายขึ้นกว่าเดิม

หลังเสร็จจากเดินเล่นรอบเมืองกับคลูนี่ ข้าว่าจะแวะไปที่ร้านอาหารที่่ยังไม่เคยไปกินสักหน่อย

ไหนๆที่นี่ก็คือเมืองหลวงบาลเทรน มันจะเป็นไรไปล่ะ ที่ข้าจะเดินร่อนหาอะไรกินแบบนักท่องเที่ยวดูบ้าง

“จะว่าไปแล้ว ท่านอาจารย์มาที่บาลเทรนบ่อยมั้ยคะ?” คลูนี่ได้เอ่ยถามข้า

“ไม่หรอก ข้าเคยมาที่นี่แค่ 2-3 ครั้งแต่นั่นก็นานมากแล้วนะ” ข้าได้ตอบกลับเธอไปว่า “ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น”

อย่างที่บอกนั่นแหละ ครั้งสุดท้ายที่ข้ามาที่นี่ก็นานโขเลย ก็ในเมื่อข้ามีโรงฝึกที่ต้องดูแลอยู่ในชนบทอย่างหมู่บ้านบิดเดน

แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องนั่งรถม้ามาครึ่งวันเข้าเมืองหลวงกันล่ะ

ถึงจะคิดว่าพระราชวังริเบลิสนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไร

แต่บ้านช่อง ที่ทางต่างๆเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าจำต้องอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเป็นการชั่วคราวไปก่อน

ด้วยฐานะครูฝึกสอนพิเศษที่ได้อลิเซียช่วยแนะนำให้ ก็ทำให้ข้ามีรายได้ไม่เลวเลยทีเดียว

เช่นนั้นก็ขอใช้เวลาไปล้างผลาญเงินที่ได้มาบ้างแล้วกัน

“งั้นก็ ไปที่เขตตะวันตกกันเล้ยยยย” คลูนี่ส่งเสียวเย้วๆปลุกใจ

“ข้าจะปล่อยให้เจ้านำทางไปแล้วกัน ขอฝากด้วยนะ” ข้าได้ตอบกลับเธอไปแบบนั้น

แล้วพวกเราก็มุ่งหน้าไปที่เขตตะวันตกด้วยรถม้าที่วิ่งให้บริการรอบเมือง

พออายุมากขึ้น การได้ออกไปเดินเล่นก็ทำให้ลืมเรื่องวุ่นวายดีเหมือนกัน

ถึงจะเดินเล่นเงียบๆเรื่อยเปื่อยคนเดียวมันจะเพลินดี แต่ถ้ามีเพื่อนร่วมทางแก้เหงา มันก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน

“พื้นที่เขตตะวันตกนี้หลักๆแล้วก็เป็นย่านการค้าล่ะค่าาาา” คลูนี่บอกกับข้า “มีร้านค้าเยอะแยะเต็มไปหมดเลย”

ข้าฟังเธอเล่าพลางมองไปยังภูมิทัศน์รายรอบ

นั่นสินะ ข้าว่าที่นี่เป็นเมืองที่สวยงามจริงๆ

บาลเทรน เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรริเบลิส แบ่งออกเป็นเขตเหนือ, ใต้, ออก, ตก และส่วนกลาง

ซึ่งทั้งกองบัญชาการอัศวินและกิลด์นักผจญภัยก็ตั้งอยู่ที่ส่วนกลางนี้

จากที่คลูนี่เล่ามา เขตตะวันตกนั้นดูเหมือนจะเป็นย่านการค้าอันรุ่งเรือง คราคร่ำไปด้วยร้านค้าต่างๆตั้งแต่ร้านขายของชำ, ร้านอาหาร, ร้านโชว์ห่วย, โรงตีเหล็กไปจนถึงร้านขายอุปกรณ์เวทย์มนตร์ที่ผ่านการเอนชานต์เพิ่มประสิทธิภาพ

“ส่วนเขตทางใต้นั้น เป็นพื้นที่กสิกรรมค่ะ” คลูนี่ได้เล่าต่อไป “ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยมีอะไรให้น่าเที่ยวชมสักเท่าไร ในส่วนพระราชวังนั้นอยู่ในเขตตอนเหนือของเมือง และเขตตะวันออกนั้น เกือบทั้งหมดจะเป็นย่านที่พักอาศัยของชาวเมืองค่ะ”

“อย่างนั้นรึ งั้นเขตตะวันตกก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากสุดเลยสิ?” พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ข้าก็อดถามไม่ได้

“อืมมมมมม” คลูนี่คิดพลางตอบว่า “เขตตะวันตกนั้นก็จัดเป็นที่นิยมอย่างว่าล่ะค่ะ แต่ข้าคิดว่าเขตที่เป็นที่ชื่นชอบและนิยมไปเที่ยวกันมากสุด ก็คือเขตเหนือที่มีพระราชวังอยู่ในเขตนั้นค่ะ

ขณะที่ข้ากำลังเดินเล่นรอบๆเขตตะวันตก หลังลงจากรถม้า คลูนี่ก็เล่าเรื่องต่างๆไปเรื่อย

ถ้าถามข้าล่ะก็ เขตพระราชวังนั้นน่าจะเป็นสถานที่วิจิตรงดงามที่สุดของเมืองนี้แล้ว

แต่ข้าไม่คิดว่านักท่องเที่ยวจะเข้าชมในเขตพระราชวังได้หรอกนะ คงทำได้แค่มองจากภายนอกวังเท่านั้น

เพียงแค่สอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ข้าก็พบว่าที่นี่มีร้านค้าเรียงรายและผู้คนมากมายกำลังสัญจรไปมา แสดงถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองนี้ให้ผู้คนได้พบเห็น แค่ได้มองดูรอบๆและเดินไปตามท้องถนนที่ไม่เคยผ่านมาก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นแล้ว

อืม รู้สึกยังกับตัวเองเป็นคนแก่เลยว่ะ

อาจจะดูไม่สุภาพกับคลูนี่อยู่บ้าง ด้วยเพราะเธอไม่ได้เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างอลิเซียและเซเลน่า จึงไม่มีใครให้ความสนใจเธอที่ป็นเพียงอัศวินทั่วๆไปคนหนึ่ง ไม่แม้แต่จะแลมองมาทางเธอด้วยซ้ำ ทั้งที่ต่อไปเธออาจจะพัฒนาขึ้นทั้งหน้าที่การงานและเรือนร่าง

และข้านั้น ก็เป็นตาลุงธรรมดาคนหนึ่งที่พบเจอได้ทั่วไป เออ ก็ดีแล้วล่ะ จะได้เดินเล่นแบบไม่มีใครคอยจับตามองอีก

“โอ๊ะ ท่านอาจารย์เบริล” ใครบางคนได้ทักข้า

“…หืม?” ขณะที่ข้าเดินผ่านผู้คนมากมาย บางคราวก็ได้เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมฟังคลูนี่เล่าไปเรื่อยอยู่นั้น

ข้าก็ได้ยินเสียงเรียบๆแว่วเข้ามาที่โสตประสาท

นี่ข้าคิดไปเองรึปล่าวนะ หรือเมื่อกี้มีคนเรียกชื่อข้าจริงๆ

พอข้าหยุดแล้วหันมองรอบๆก็พบกับสาวสวมชุดคลุมที่ดูเหมือนกำลังจะเดินทางกลับบ้านในเขตนี้

เธอเป็นสาวผมสีดำขลับ ตัดสั้นประบ่า และเธอมองหน้าข้าด้วยท่าทีไม่แน่ใจ เหมือนเธอมีปัญหาบางอย่างให้ครุ่นคิด

“เอ่อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เธอกล่าวกับข้าแบบนั้น

“เป็นอะไรไปคะ ท่านอาจารย์?” จู่ๆคลูนี่ก็มาโผล่ข้างกายข้าทันทีหลังจากที่ข้าหยุดเดิน แล้วถามข้าว่า “ทั้งสองรู้จักกันเหรอคะ?”

แม่สาวผมดำขลับไม่ได้ให้ความสนใจกับคลูนี่ เพียงแต่จ้องมองมาที่หน้าข้าเท่านั้น

เอ่อออออออ

ใครหว่า?

————

คุยท้ายตอนกับผู้แปล

ในตอนต้นเรื่องเราจะพบว่าเบริลเปรียบเปรยคลูนี่ว่าเหมือนลูกหมาน้อยที่คอยป้วนเปี้ยนข้างตัว

แต่จากตอนนี้ คำบรรยายบุคลิกของเธอดูเหมือนกระต่ายที่ไปมาว่องไว ผลุบๆโผล่ๆ แป๊บเดียวก็มาอยู่ข้างกายแล้ว

ไม่รู้ว่าผู้วาดมังงะก็คิดแบบเดียวกันรึปล่าว จึงให้ภาพลักษณ์เธอเป็นสาวที่มีโบว์หูกระต่ายผูกผมไว้เหนือศรีษะ

ปล. ตอนที่เปิดหามังงะเพื่อดูรูปของคลูนี่ ก็ไปเจอว่านิยายเรื่องนี้ที่ตนเองแปลไว้ มีคนคัดลอกไปลงที่เว็บอื่น

มองในแง่ดีว่า เออ นี่เราแปลรู้เรื่องดีแล้วใช่มั้ย เขาถึงกล้าก๊อปไปลงที่อื่นด้วย