บทที่ 124 ผมเอาชนะเขาไม่ได้

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 124 ผมเอาชนะเขาไม่ได้

บทที่ 124 ผมเอาชนะเขาไม่ได้

“มันอยากตัดแขนตัดขาฉันล่ะสิ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ถูกต้อง!” เฟ่ยอวิ๋นตอบกลับ “ตราบเท่าที่แกยอมทิ้งแขนและขาอย่างละข้าง นายน้อยข่งจะยอมไว้ชีวิตของแก”

“งั้นเหรอ? เข้าใจแล้ว” อู๋ฝานตอบรับ

เฟ่ยอวิ๋นคิดว่าอู๋ฝานถูกอำนาจของตระกูลข่งสยบ เพราะแท้จริงแล้ว ตระกูลข่งมีอำนาจล้นเหลือในเมืองหลวงและทั่วทั้งประเทศจีน ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเช่นอู๋ฝาน ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่บางส่วนก็ยังไม่กล้ามองข้าม หรือยั่วยุหาเรื่องตระกูลข่ง

ขณะนี้อู๋ฝานหวาดเกรงต่อตระกูลข่ง คิดอยากรักษาเอาชีวิตรอด ดังนั้นจึงต้องเลือกตัดแขนและขาตนเอง ในความเห็นของเฟ่ยอวิ๋น นับได้ว่าชาญฉลาดแล้ว

เพียงแต่ สีหน้ากระหยิ่มยินดีของเฟ่ยอวิ๋นคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะเขาได้เห็นอู๋ฝานนั่งยองลงตรงหน้าของตนเอง

“อ๊าก!”

เสียงกรีดร้องดังสะท้อนทะลุฟากฟ้ายามราตรี ถึงกับทำนกเป็ดน้ำที่อยู่ใกล้เคียงแตกตื่นตกใจ

ข่งไห่หลินในตอนนี้กำลังรู้สึกอับจน

แม้มาถึงเจียงโจวหลายวันแล้ว แต่กลับได้พบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เพียงแค่ครั้งหนึ่ง และครั้งนั้น หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังนำพาคนอื่นมาด้วย มันจึงทำให้ตัวเขาโกรธจัด ภายหลังเขาคิดอยากพบเจอหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อีกครั้ง ทว่าไม่อาจได้พบ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ปฏิเสธการพบเจอ

หากว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นเพียงคนธรรมดา ข่งไห่หลินย่อมมีหนทางมากมายทำให้เธอยอมมาพบ กระทั่งให้อีกฝ่ายคุกเข่าขึ้นเตียงด้วยตนเองยังทำได้ด้วยซ้ำ

เพียงแต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่คนธรรมดา พื้นเพของตระกูลหลิ่วไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลข่ง สถานะของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ในตระกูลหลิ่ว ยังสูงส่งกว่าข่งไห่หลินในตระกูลข่ง มันจึงเป็นเหตุผลให้ข่งไห่หลินและคุณชายทั้งหลายในเมืองหลวงไล่ตามจีบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ และยังเป็นเหตุผลที่สำคัญ

โฉมงามนั้นมีมากมาย หากว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เพียงแค่งดงาม พวกเขาคงไม่ถึงขั้นสละเวลาให้แก่เธอ เพียงแต่ หากว่าสามารถแต่งงานกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ พวกเขาก็จะสามารถใช้เส้นสายที่มีกับตระกูลหลิ่ว ทำให้ตนเองยิ่งเข้าใกล้สถานะตัวตนระดับสูงยิ่งขึ้นไปอีกได้

ดังนั้นแล้ว นายน้อยทั้งหลายในเมืองหลวง รวมถึงข่งไห่หลิน จึงพยายามตามจีบซื้อใจหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

น่าเสียดายที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่เคยมองเหล่าผู้ตามจีบแม้สักคน กระทั่งว่าข่งไห่หลินสร้างความประทับใจอันดีแก่ตระกูลหลิ่ว หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ยังไม่เก็บอีกฝ่ายมาใส่ใจ

มีหรือข่งไห่หลินจะไม่เกิดความโกรธ?

ที่ทำข่งไห่หลินโกรธยิ่งกว่า ย่อมต้องเป็นอู๋ฝาน ที่เป็นเพียงแค่คนทำอาหารคนหนึ่ง กลับมองข้ามหัวเขาไป หวังจื่อหมิงได้แสดงตัวพูดคุยกับอู๋ฝานแล้ว กระนั้นอู๋ฝานก็ยังเมินเฉยไม่รู้ความ เป็นเหตุให้ข่งไห่หลินยิ่งบังเกิดโทสะคุกรุ่น

กับคนธรรมดาเช่นอู๋ฝาน เป็นได้เพียงแค่มดแมลงในสายตาของเขา ขณะนี้มดแมลงดังกล่าวทำตัวไม่รู้ดีชั่ว ดังนั้นข่งไห่หลินจึงคิดสั่งสอนบทเรียนอันสาหัสแก่อู๋ฝาน เพื่อทำให้ได้ทราบว่าตัวเขาไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะสามารถยั่วยุได้

ที่บ้านพักของข่งไห่หลิน เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เฟยอวิ๋นน่าจะกลับมาแล้ว เหอะ! อู๋ฝาน คิดแย่งผู้หญิงของฉันคนนี้ จงใช้ชีวิตที่เหลือไปอย่างคนพิการเสียเถอะ” ข่งไห่หลินพูดกับตัวเอง หากว่าไม่ใช่เพราะมีสัมพันธ์กับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ข่งไห่หลินคงไม่คิดอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเปรอะเปื้อนกับคนอย่างอู๋ฝาน

บุคคลที่มาเป็นเฟ่ยอวิ๋นจริง เพียงแต่ตอนที่ข่งไห่หลินได้เห็นสภาพของเฟ่ยอวิ๋น เขาถึงกับลุกพรวดขึ้น “นายมีสภาพแบบนี้ได้ยังไง?”

“นาย… นายน้อย คุณต้องล้างแค้นให้ผมนะครับ!” เฟ่ยอวิ๋นเผยใบหน้าซีดเผือดที่สุมอัดด้วยโทสะ ความหวาดกลัว และความเสียใจประดังออกมา

เฟ่ยอวิ๋นในปัจจุบันมีสภาพชวนสังเวช มือขวาบิดผิดรูปผิดธรรมชาติ ขาซ้ายเดินได้ปกติ ทว่าขาขวาไม่อาจยกขึ้น ทำได้เพียงลากกับพื้น ข่งไห่หลินผู้พอมีฝีมืออยู่บ้าง เพียงเห็นย่อมได้ทราบกระจ่างชัด

เฟ่ยอวิ๋นถูกผู้อื่นเล่นงานจนพิการ!

“ฝีมือใคร? ฉันบอกให้นายไปจัดการกับอู๋ฝานไม่ใช่หรือยังไง?” ข่งไห่หลินเอ่ยถาม

“ไอ้อู๋ฝานนั่นแหละที่ทำ!” เฟ่ยอวิ๋นตอบกลับ

“อู๋ฝาน? มันทำได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้? มันก็แค่คนครัว เป็นอาจารย์พละศึกษา เอาอะไรมาทำร้ายนายได้?” ข่งไห่หลินไม่คิดเชื่อ

“เป็นมันครับ” เฟ่ยอวิ๋นตอบกลับ “มันไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ผม… ผมเอาชนะมันไม่ได้”

“นายเอาชนะมันไม่ได้?” ข่งไห่หลินยิ่งตื่นตกใจ ราวกับพบเห็นภาพหลอนก็ไม่ปาน

ชนรุ่นเยาว์ของตระกูลข่งย่อมได้รับการจัดแจงให้มียอดฝีมือคอยคุ้มกัน เฟ่ยอวิ๋นคือยอดฝีมือที่ทางตระกูลส่งมาให้ข่งไห่หลิน เป็นยอดฝีมือขอบเขตมืด ตัวข่งไห่หลินเองเป็นเพียงยอดฝีมือขอบเขตสว่าง เรียกได้ว่าไกลห่างจากการเป็นคู่ต่อสู้ให้เฟ่ยอวิ๋น และเขารู้จักเฟ่ยอวิ๋นดี อีกฝ่ายคือผู้สำเร็จขอบเขตมืดในช่วงอายุสามสิบปี ดังนั้นจึงมักอหังการอวดดี ทว่าขณะนี้ยอมรับด้วยตนเอง ว่าไม่อาจเอาชนะอู๋ฝาน มันย่อมไม่ใช่วาจาไร้สาระเลื่อนลอย

“ความเร็วของมันไม่ได้มากมาย และไม่มีกระบวนท่าอะไร แต่แข็งแกร่งมาก ภายหลังผมถูกมันเล่นงานจึงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ถัดจากนั้น มันเริ่มหักแขนและขาของผม และฝากประโยคมาให้บอกกับคุณชาย” เฟ่ยอวิ๋นบอกเล่าออกมา

“ว่าอะไร?”

“มันบอกว่า ถ้าหากยังกล้าสร้างปัญหาให้มันอีก คนถัดไปที่ต้องพิการคือนายน้อย!” เฟ่ยอวิ๋นตอบกลับ

“บ้าฉิบ! ไอ้เวรนั่น!” ได้ยินคำของเฟ่ยอวิ๋นบอกออกมา ข่งไห่หลินร้อนรนจนถึงกับเตะโต๊ะตรงหน้า

ตัวเขาเคยถูกข่มขู่เช่นนี้มาก่อนหรือ? อู๋ฝานที่เป็นเพียงแค่คนธรรมดา เป็นแค่มดปลวกตัวหนึ่ง มันไม่มีเหตุผลที่จะหาญกล้ามาขู่ตัวเขาแบบนี้!

เพียงแต่เมื่อรับชมสภาพชวนเวทนาของเฟ่ยอวิ๋นที่อยู่ตรงหน้า ข่งไห่หลินก็ไม่กล้าเมินเฉยคำขู่ของอู๋ฝาน หากว่าอีกฝ่ายคลุ้มคลั่งเปิดฉากบุกขึ้นมา เขาจะยังเป็นคู่ต่อสู้ให้อีกฝ่ายได้งั้นหรือ?

เกรงว่าจะไม่อาจ

กระทั่งเฟ่ยอวิ๋นยังไม่อาจทำอะไรได้ ตัวเขายิ่งไม่อาจทำอะไรได้

“นายน้อย ครั้งนี้ผมไม่ระวังเอง มันก็แค่แข็งแกร่งไปบ้าง แต่ส่วนอื่นไม่ควรค่าให้พูดถึง ครั้งถัดไป ผมจะฆ่ามันให้ได้!” เฟ่ยอวิ๋นกล่าวคำออกมาด้วยท่าทีดุร้าย

คู่ต่อสู้ที่ทำเขามีสภาพเช่นนี้คืออู๋ฝาน เฟ่ยอวิ๋นไม่มีทางยอมรับ ทั้งยังเกิดความเกลียดชัง เขาย่อมได้เห็นว่าอู๋ฝานไม่ทราบกระบวนท่าใดทั้งสิ้น ทั้งยังไม่รวดเร็ว เพียงแต่แข็งแกร่ง หากว่าระมัดระวังตั้งแต่แรก เขาคงสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของอู๋ฝาน และไม่มีทางมีสภาพเหมือนดังเช่นตอนนี้

“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะส่งนายกลับตระกูลไปพักฟื้นก่อน” ข่งไห่หลินตอบกลับ

แม้ข่งไห่หลินคิดอยากฉีกกระชากอู๋ฝานออกเป็นชิ้น แต่ยอดฝีมือข้างกายเขาเพียงหนึ่งเดียวบาดเจ็บอย่างสาหัส หากว่าทำอะไรผิดพลาด เช่นนั้นใครจะมาปกป้องตัวเขา?

ข่งไห่หลินยังรักและทะนุถนอมชีวิตของตนเอง

แน่นอนว่า เขาไม่คิดปล่อยอู๋ฝานไปโดยง่าย คำของอู๋ฝาน มันยิ่งทำเขาคิดอยากจะฆ่าอู๋ฝานให้จงได้ เขาจะไม่เป็นฝ่ายรับคำขู่ของอู๋ฝานอย่างแน่นอน

ดังนั้นแล้ว ข่งไห่หลินจึงวางแผนคิดเรียกตัวยอดฝีมือจำนวนหนึ่งมา เมื่อไหร่เตรียมการพร้อม เมื่อนั้นเขาจะเปิดฉากเล่นงานอู๋ฝาน และจะสังหารอู๋ฝานให้สิ้นเรื่องในคราวเดียว! ถึงเวลานั้น แค่ทำอู๋ฝานพิการจะไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ต้องเป็นกำจัดทิ้งเสียให้สิ้นซากเท่านั้น!