ตอนที่ 97 เกิดเหตุไม่คาดฝันอีกครั้ง

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 97 เกิดเหตุไม่คาดฝันอีกครั้ง

เสียงระฆังอันไพเราะดังก้องในวัดหลิงอู้ ทำให้นกตกใจจนกางปีกบินออกจากกิ่งไม้

เหล่าศาสนิกชนหวาดกลัวและสงสัย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ดีว่าช่วงบ่ายมีศาสนิกชนไม่มาก ไม่นานนักก็มีพระสงฆ์มาจัดให้เหล่าศาสนิกชนออกไป

อวี้จิ่นเปิดประตูออกทันที

เสียงระฆังบอกเวลา เสียงระฆังดังตอนนี้โดยทั่วไปแล้วจะหมายถึงมีเหตุฉุกเฉิน

ไม่นานเจียงซื่อและเจียงจั้นต่างคนต่างเดินออกมาจากห้องของตัวเอง

ทั้งสามคนยืนอยู่ตรงโถงทางเดินหน้าห้อง และมองออกไป

พระสงฆ์รูปหนึ่งเดินมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าใกล้ทั้งสามคนก็พนมมือ “อมิตาพุทธ ในวัดเกิดเหตุฉุกเฉิน พวกโยมอย่าเดินไปไหนมาไหนชั่วคราว”

อวี้จิ่นยักคิ้วและยิ้ม “คำพูดนี้ของพระอาจารย์ดูเป็นการบังคับกันนะ พวกข้าเป็นศาสนิกชน มาที่วัดนี้ไม่ไช่มาติดคุก เพราะเหตุใดยังต้องถูกจำกัดอิสระอีก”

พระสงฆ์ตกใจ

เกิดเรื่องบางอย่างในวัด เขาได้รับคำสั่งให้มาเตือนโยมที่พักอยู่ชั่วคราว ทำไมถึงมีคำพูดแย่ๆ เช่นนี้ได้

แม้ว่าวัดหลิงอู้จะเล็ก แต่ก็เป็นที่รู้จักของคนใกล้และไกล มีคนมานมัสการและจุดธูปบูชามากมาย แน่นอนว่าพระสงฆ์จะไม่โหดร้ายและทำลายชื่อเสียงของวัด หลังจากที่ตะลึงไปในตอนแรกก็อดทนอธิบายว่า “โยมเข้าใจผิดแล้ว อาตมาแค่มาบอกให้พวกโยมทราบเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าตอนนี้เกิดความวุ่นวายในวัดขึ้นเล็กน้อย และกลัวว่าจะปะทะเข้ากับพวกโยม”

“เอ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

เจียงจั้นถือโอกาสถามว่า “ไม่รู้ว่าที่วัดเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ”

พระสงฆ์ก็ตกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นอายุของทั้งสามคนแล้วก็รู้โดยทันที

เด็กหนุ่มวัยสิบกว่าปีเป็นช่วงที่เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางครั้งการถามก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ในขณะที่พระสงฆ์กำลังลังเลใจ เจียงจั้นก็ตกใจพูดขึ้น “หรือว่าจะเปิดเผยกับคนนอกไม่ได้”

พระสงฆ์ “…” รู้แล้วก็ยังจะถามอีก!

แต่ถูกถามถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าไม่พูดก็จะทำให้คนคาดเดาไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้ และยิ่งเป็นวัดที่ต้อนรับอุบาสิกาจำนวนมากแบบของพวกเขาข้อนี้ควรหลีกเลี่ยงที่สุด พระสงฆ์ก็พูดว่า “มีศิษย์น้องมรณภาพ”

เจียงซื่อและอวี้จิ่นมองหน้ากัน

เมื่อรับรู้สายตาของอีกฝ่าย นางก็รีบเบนสายตา ในใจรู้สึกหงุดหงิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะพี่รองไม่ได้เรื่อง ยามพบเจอปัญหาเช่นนี้ นางคงไม่ต้องลองถามความเห็นของเขาผ่านสายตาหรอก

เจียงจั้น “มรณภาพ? ดูไปพระอาจารย์ก็อายุน้อย ศิษย์น้องของท่านน่าจะอายุน้อยกว่าท่านใช่ไหม บรรลุตั้งแต่อายุยังน้อยเลยหรือ”

มุมปากของพระสงฆ์ขยับ และท่องอมิตาพุทธเบาๆ เพื่อข่มใจตน แล้วอธิบายต่อว่า “ศิษย์น้องเสียชีวิตโดยเหตุไม่คาดฝัน…”

“เหตุไม่คาดฝัน? เหตุไม่คาดฝันอะไร” เจียงจั้นท่าทางตื่นตกใจ “ดูไปแล้ววัดก็ดูมีความสงบสุขและเป็นมงคล ยังจะมีอันตรายอะไรอีกงั้นหรือ พระอาจารย์ทุกท่านควรจะเตือนศาสนิกชนอย่างพวกเราให้เร็วหน่อยนะ”

“อมิตาพุทธ โยมกังวลเกินไป ในวัดไม่มีอันตรายใดๆ ศิษย์น้องเกิดเหตุไม่คาดฝันตอนที่ไปตักน้ำ…”

เจียงจั้นเลิกแสดงท่าทางโอ้อวด เงียบไปชั่วขณะแล้วถามว่า “พระอาจารย์ท่านนั้นมีชื่อว่าอะไร”

แม้ว่าพระสงฆ์จะแปลกใจแต่ก็ยังตอบคำถามของเจียงจั้น “ศิษย์น้องชื่อว่าซื่อคง”

เจียงจั้นถอยหลังไปครึ่งก้าว

ในที่สุดพระสงฆ์ก็มีโอกาสออกมา ท่องอมิตาพุทธอีกครั้ง จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องแถวอื่นอย่างรวดเร็ว

เจียงจั้นยืนนิ่ง อวี้จิ่นยื่นมือออกไปตีไหล่เขาเบาๆ

เจียงจั้นสะดุ้งตกใจกลับมารู้สึกตัว มองพระสงฆ์ที่เดินจากไป ทำเสียงต่ำลงแล้วพูดว่า “น้องสี่ พี่อวี๋ชี พวกเจ้ารู้ไหม พระสงฆ์ที่รดน้ำแปลงผักที่ภูเขาด้านหลังท่านนั้น เขาชื่อว่าซื่อคง!”

“พี่รองสงสัยว่าพระสงฆ์ท่านนั้นไม่ได้ตายเพราะเหตุไม่คาดฝัน”

“แน่นอนสิ จะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ที่ไหนกัน!” พูดถึงตรงนี้ เจียงจั้นขมวดคิ้ว “แต่ว่าเมื่อตอนเที่ยงวันเห็นได้ชัดว่าไม่พบอะไร เขาจะตายได้อย่างไรกัน”

“นี่ก็เดาได้ไม่ยาก มันแสดงให้เห็นว่าที่ปากบ่อน้ำนั้นมีอะไรจริงๆ และพระสงฆ์ท่านนั้นพบมันหลังจากที่น้องเจียงเอ้อร์เดินจากมาแล้ว ดังนั้น…” อวี้จิ่นยิ้มเล็กน้อย “ก็คือถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว”

เจียงจั้นตบหน้าผากด้วยความหงุดหงิด “หากรู้ตั้งแต่แรกข้าคงจะพยายามทำให้ถึงที่สุดแล้ว”

อวี้จิ่นยิ้มและพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น เกรงว่าจะมีเพิ่มอีกคนที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน”

เจียงจั้นตะลึง และพูดอย่างไม่พอใจว่า “พี่อวี๋ชีท่านแช่งข้า ถ้าข้าอยู่ที่นั่นจริงๆ จะไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่นอน”

“เพราะอะไร”

“เพราะพี่อวี๋ชีจะมาช่วยข้าอย่างแน่นอน” เจียงจั้นพูดอย่างไม่ต้องสงสัย

คนหน้าด้านอย่างอวี้จิ่นตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะท่าทางขนลุก

เมื่อมองสีของท้องฟ้า อวี้จิ่นพูกับเจียงซื่อด้วยน้ำเสียงเชิญชวน “เย็นมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”

“เดี๋ยวก่อน…” เจียงจั้นดึงแขนของอวี้จิ่นไว้ “พวกเราจะไปแบบนี้ไม่ได้!”

“เอ่อ?” อวี้จิ่นจ้องมือข้างนั้นที่แขนของเขา ไม่สบายใจอย่างมาก

“มีคนตายแล้ว และเป็นไปได้ที่คนตายจะไม่ใช่แค่คนเดียว!”

“แล้วไงล่ะ?”

“ดังนั้นพวกเราจะไม่จับตัวมือสังหารงั้นหรือ” เจียงจั้นเห็นท่าทางไม่สนใจของทั้งสองคน ก็รู้สึกตะลึง

น้ำเสียงเบาๆ ของอวี้จิ่น “พวกเราไม่ได้เป็นคนฆ่า และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรอีกด้วย”

จะจับมือสังหารในอาณาบริเวณคนอื่น ถ้ามือสังหารเป็นหนึ่งในพระสงฆ์ เคลื่อนไหวเล็กน้อย เมื่อเผชิญหน้ากับพระสงฆ์ของวัดอย่าพูดถึงการหาตัวมือสังหารเลย แค่หนีไปจากที่นี่ยังต้องเสียแรงพอสมควร

มีเจียงซื่ออยู่ อวี้จิ่นไม่อยากทำดีกลับไม่ได้รับผลดีตอบแทนเช่นนี้และยังเป็นการพาทั้งสามคนไปตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย

“แต่ประสบเรื่องเช่นนี้แล้ว พวกเราจะก้าวข้ามมโนธรรมในใจไปได้หรือ” เจียงจั้นยังคงไม่ยอมแพ้

คนตายอีกแล้ว บางทีเมื่อเขาหลับตาลง ก็จะมีผีสองตัวมาพูดคุยกับเขา

อวี้จิ่นมองเจียงจั้นอย่างน่าขัน “มโนธรรมในใจ? ข้าไม่มีหรอก”

“พี่อวี๋ชี คาดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!” เจียงจั้นจับหน้าอกเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง

เขาคิดว่าเป็นคำพูดล้อเล่นของอวี้จิ่น ดังนั้นก็เลยใช้น้ำเสียงโอ้อวดพูดเล่น

พี่อวี๋ชีมีจิตใจดี ทั้งไม่เคยรู้จักกับเขา แต่ตอนนั้นยังช่วยชีวิตเขาไว้

เห็นได้ชัดว่ามีความจงรักภักดีต่อความไม่เป็นธรรมแต่ไม่แสดงออกมา พี่อวี๋ชีเป็นคนดีที่หาได้ยากจริงๆ

“ไม่มีจริงๆ เพราะหัวใจของข้าน่ะ…” อวี้จิ่นเหลือบมองเจียงซื่อ แล้วสงบจิตสงบใจแล้วพูด “หายไปตั้งนานแล้ว”

เจียงซื่อก้มหน้าลง

เวลานี้เขาก็ยังไม่ลืมที่จะแกล้งนาง เหลือเชื่อจริงๆ!

“พี่รอง พวกเราไปกันเถอะ ข้ารู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว” เมื่อเห็นห้องพักอื่นมีศาสนิกชนทยอยกันออกมา เจียงซื่อพูดเสียงเบา

เจียงจั้นจับหน้าผาก “ข้านี่เลอะเลือนแล้วจริงๆ ลืมไปได้อย่างไรว่าน้องสี่เป็นคุณหนูของตระกูล เจอเรื่องแบบนี้ต้องกลัวแน่นอน น้องสี่ พี่รองไม่ดีเอง พวกเราไปกันเถอะ”

ไม่เห็นมีอะไรเลย มีผีมาชวนเขาคุยก็แค่คุย บางทีผีทั้งสองตัวอาจจะคุยกันถูกคอ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว

อาหมานสาวรับใช้ที่เป็นเสาหลักมาโดยตลอดเหลือบมองเจียงจั้นด้วยความเห็นใจ

คุณชายรองยังไร้เดียงสาจริงๆ คุณหนูของพวกนางเนี่ยนะจะกลัว ฮ่าๆ

ทันทีที่รู้ว่าพวกเขากำลังจะไป พระสงฆ์ไม่สามารถขอให้อยู่ต่อได้ จึงรีบมาส่งแขก

คนกลุ่มหนึ่งรีบกลับไปโรงเตี๊ยม ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกโรงเตี๊ยมมีผู้คนยืนตากลมจำนวนไม่น้อยรวมตัวกันปรึกษาหารือเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดในวัดหลิงอู้

“ได้ยินมาว่าตอนไปตักน้ำพระสงฆ์ท่านนั้นไม่ระวังลื่นล้ม แล้วหัวไปกระแทกเข้ากับขอบบ่อ ในตอนนั้นกระแทกจนหัวแตกเลือดไหล น่าสงสารมากๆ”

“โชคชะตากำหนดโดยสวรรค์…”

เมื่อดวงอาทิตย์ใกล้จะตก อาหมานถึงหาโอกาสมารายงานอย่างเงียบๆ “คุณหนู อาเฟยได้ส่งข่าวผ่านเหล่าฉินมาแล้ว ตระกูลนายท่านหลี่แห่งเมืองต้าหยางที่ท่านให้เขาไปสืบเป็นที่แรก วันนี้คุณหนูของตระกูลมาจุดธูปบูชาที่วัดหลิงอู้ ตอนนี้ยังไม่กลับเลยเจ้าค่ะ…”