ตอนที่ 89 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 1

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 89 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 1

โอคาซีเม้มริมฝีปากแล้วมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋นที่กำลังร่าเริงบนหน้าจอ และมองข้อความที่ส่งมาโดยหัวหน้าพ่อบ้าน เขาพยักหน้าแล้วตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ”

สวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้ตัวว่าเธอจะมีนัดบอดอีกแล้ว และกำลังจัดการประชุมสำหรับผู้ติดตามของเธออยู่

“มา ๆๆ ฉันจะจัดการประชุมสำหรับทุกคน” สวี่หลิงอวิ๋นถือกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ในมือ ซึ่งมันเป็นกติกาของการแข่งขันครั้งนี้

“ฉันจะอ่านให้ทุกคนฟัง” สวี่หลิงอวิ๋นกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “ดาวเคราะห์ที่พวกเรากำลังเดินทางไปตอนนี้เรียกว่าดาวฮอร์นบี้ ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกเอเลี่ยนที่ชื่อว่า ‘ต๋าหลู่’ ครอบครองเมื่อไม่กี่ปีก่อน แน่นอนว่าตอนนี้ถูกกู้คืนมาได้แล้ว”

“เราเป็นฝ่ายสีเขียวและพวกเขาเป็นฝ่ายสีแดง” สวี่หลิงอวิ๋นถือกระดาษและเมื่อเธอเห็นข้อความนี้ เธอก็หัวเราะดัง ‘พรืด’ และพูดกับผู้ติดตามด้านล่างว่า “พวกเขาสวมชุดสีแดงและสีน้ำเงินแต่บอกแค่ว่าเป็นฝ่ายแดงงั้นเหรอ? ฉันไม่รู้ว่าคนในกองบัญชาการจะโกรธหรือเปล่า”

นักเรียนหัวเราะเมื่อนึกถึงภาพที่ยอดเยี่ยมนี้

“เอาล่ะ เอาล่ะ ตอนนี้อย่าเพิ่งหัวเราะ มาดูกันว่าพวกเขาบอกอะไรด้านล่างต่อ อืม…” สวี่หลิงอวิ๋นยังคงพูดต่อ “ในสองกลุ่ม จะมีการวางสมบัติไว้ในแต่ละกลุ่ม ใครสามารถแย่งชิงสมบัติของอีกฝ่ายไปได้ผู้นั้นก็จะชนะ”

“มันดูเรียบง่ายมาก” สวี่หลิงอวิ๋นเกาศีรษะและพูดว่า “ฉันจะดูว่าฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า”

“โอ้ อันนี้เหมาะสำหรับพวกเรามาก” สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะเมื่อเห็นสิ่งนี้ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อพวกเขา!

อันนี้เขียนว่าอะไร?

“วิทยาลัยจะไม่จัดหาทรัพยากรใด ๆ ให้กับทั้งสองกลุ่ม และขึ้นอยู่กับนักเรียนที่จะต้องแก้ไขทุกอย่างด้วยตัวเอง”

สวี่หลิงอวิ๋นกำลังตกตะลึง

เธอสามารถจินตนาการถึงสีหน้าของคู่ต่อสู้ได้ในขณะนี้ กลุ่มคนที่รู้แค่วิธีต่อสู้แต่ทำอาหารไม่เป็น แค่ขอให้พวกเขารวบรวมเสบียงก็เป็นเพียงจินตนาการแล้ว

การคาดเดาของสวี่หลิงอวิ๋นนั้นถูกต้อง

เมื่อคนจากกลุ่มสีแดงเห็นสิ่งที่เขียนไว้ในบันทึกนี้ ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีเขียว ไม่ได้จัดหาทรัพยากรไว้ให้หมายความว่ายังไง พวกเขาต้องจัดการเรื่องอาหารและที่นอนเองงั้นเหรอ?

ลุคและฉินหยวนรีบโทรจิตไปหาคณบดีของพวกเขาว่า “ท่านคณบดีไม่ได้จัดทรัพยากรไว้ให้หมายความว่ายังไงครับ? พวกผมต้องจัดการกับทุกสิ่งที่จำเป็นต้องกินและนอนเองเหรอครับ? แล้วของที่พวกเราเอามาด้วยตอนนี้ต้องส่งคืนกลับไปด้วยเหรอครับ?”

“ใช่ ต้องส่งพวกมันคืนมาทั้งหมด รวมถึงจี้หยกมิติทั้งหมดก็ต้องถูกส่งมาด้วย”

“แล้วพวกเราจะกินและนอนและรอดชีวิตไปได้ยังไงล่ะครับ?” ฉินหยวนและลุคตกตะลึง ไม่มีที่ให้นอนก็ยังพออุ่นใจได้ แต่ถ้าไม่มีอาหารกิน พวกผู้ติดตามของพวกเขาจะต่อสู้ได้ยังไง?

“ท่านคณบดี นี่มันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าครับ?” ทั้งสองรีบถามคณบดีว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงกฎได้หรือไม่

“กฎก็คือกฎ และกฎนี้ได้รับการตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์โดยคณบดีของเรา” เบลกพูดกับลุค “คุณจะเป็นผู้บัญชาการที่ยอดเยี่ยมในอนาคต เมื่อคุณเผชิญหน้ากับเอเลี่ยนข้างนอก ก็เป็นไปได้ที่คุณจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบปัจจุบัน”

“หากไม่มีอะไรกิน หากไม่มีอะไรดื่ม ในฐานะผู้บัญชาการคุณจะรักษาทหารของคุณให้มีชีวิตรอดได้ยังไง? นี่จะเป็นการทดสอบความสามารถในการบังคับบัญชาของคุณ”

เบลกพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “คุณคิดว่าผู้บังคับบัญชาการต่อสู้จะมีเสบียงเพียงพอสำหรับการต่อสู้ตลอดเหรอ? ไม่ มันจะมีบางครั้งที่คุณจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป? คุณจะบอกเอเลี่ยนว่าได้โปรดให้เวลาพวกเราเติมเสบียงก่อนได้ไหมงั้นเหรอ?”

“คุณจะเป็นทหารที่ยอดเยี่ยม ในฐานะทหารคุณก็ต้องให้การปกป้องอย่างดีที่สุดแก่สหายที่อยู่ข้างหลังคุณ วิธีทำให้พวกเขาเชื่อใจและรักคุณคือสิ่งที่คุณควรทำในฐานะทหารระดับสูง”

แกลลาเกอร์พูดกับฉินหยวนอย่างไม่ใส่ใจว่า “ดูอย่างองค์หญิงสามสิ เธอทำให้เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์กลายเป็นอาหารกระป๋องแสนอร่อยได้โดยปราศจากเสบียงไม่ใช่เหรอ?”

“คุณไม่ได้เก่งไปกว่าผู้หญิงงั้นเหรอ? คุณคิดว่าทุกคนในราชวงศ์กินแรงคนอื่นหรือไง? ตอนนี้เป็นเวลาของคุณที่จะเอาชนะเธอ! ไปเถอะ ฉินหยวน!”

ฉินหยวนยิ้มอย่างขมขื่น

เขาจะพูดอะไรได้? บอกว่าไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องอาหารได้เหรอ? นี่คณบดีเพิ่งบอกว่าเขาไม่ดีเท่าองค์หญิงสามเหรอ?

อย่างที่คณบดีบอกไว้ว่าถ้าเขาอยากเป็นทหารระดับสูง เขาก็จำเป็นต้องลุกขึ้นสู้เพื่อให้ทหารที่อยู่เบื้องหลังตัวเองที่เชื่อใจเขา และปล่อยให้ผู้ติดตามมั่นใจในตัวเขา

ลุคและฉินหยวนวางสายโทรจิตด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

“ตอนนี้นายจะทำยังไง?” ลุคและฉินหยวนนั่งเผชิญหน้ากันอย่างรู้สึกหนักใจ

“เราเรียกทุกคนมาประชุมกันก่อน”

นักเรียนมากกว่าหนึ่งหมื่นคนรวมตัวกันในห้องโถงของยานอวกาศ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าสองคนที่เปล่งประกายอยู่ตรงหน้าพวกเขา

นั่นคือคนที่พวกเขาเลือกที่จะติดตาม และพวกเขายินดีที่จะต่อสู้เพื่อคนที่พวกเขาเลือก

แต่การแสดงออกของผู้สมัครสองคนนี้กลับไม่ค่อยดีนักและค่อนข้างหนักใจ

“เราอยากจะบอกเรื่องหนึ่งให้พวกนายฟัง และนั่นคือบางอย่างเกี่ยวกับการแข่งขันครั้งนี้” กระดาษในมือของลุคถูกชูขึ้นไปในอากาศเพื่อให้นักเรียนได้เห็น

“ก็ไม่ต่างจากการแข่งขันครั้งก่อนมากนัก ใครก็ตามที่ปล้นสมบัติของอีกฝ่ายได้ก่อนก็จะเป็นผู้ชนะ” ลุคพูด

“แต่ในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงกฎบางอย่างเล็กน้อย สำหรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นจะให้ฉินหยวนเป็นคนบอกทุกคน”

เมื่อฉินหยวนมองไปที่ลุคก็นึกด่าในใจ เด็กนี้สามารถนำไปสู่ความโชคร้ายได้จริง ๆ

เมื่อรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ดี เขาจึงโยนมันใส่เขาโดยตรง!

ไม่มีทางเลือก แค่ต้องไปต่อเท่านั้น

“การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คือทางวิทยาลัยจะไม่จัดหาทรัพยากรใด ๆ ให้อีกต่อไป และทรัพยากรทั้งหมดจะต้องหาด้วยตัวเองเท่านั้น ทุกอย่างรวมถึงจี้หยกมิติจะถูกยึดเมื่อเราไปถึงดาวฮอร์นบี้”

“อะไรนะ? แล้วพวกเราจะกินและดื่มอะไร?!” เมื่อเพื่อนร่วมชั้นได้ยินที่เขาพูดก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้ทันที

“อย่าส่งเสียงดัง ทุกคนเงียบ” ฉินหยวนยื่นมือออกและลดมือลงทำให้ทุกคนเงียบ

ผู้ติดตามของพวกเขาสงบลงอย่างไม่เต็มใจและมองไปที่ฉินหยวน พวกเขาสงสัยว่าผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าสามารถคิดแผนแก้ปัญหาที่แน่นอนได้หรือเปล่า

“เราเป็นแบบนี้และองค์หญิงสามก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกเขาไม่มีอะไรจะกินและเราก็ไม่มีอะไรจะกิน เราทุกคนยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นเดียวกัน” ฉินหยวนกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

“ฉันเชื่อว่าเรือย่อมต้องแล่นไปที่สะพาน และฉันไม่เชื่อว่าถ้าองค์หญิงสามทำได้แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้? เป็นเพราะเธอเป็นองค์หญิงก็เลยเก่งกว่าเรางั้นเหรอ? ไม่มีทาง พวกเราคือความภาคภูมิใจของสรวงสวรรค์ มองดูคนฝั่งตรงข้ามสิ พวกเขามีไม่ถึงสองพันคนและเรามีมากกว่าหนึ่งหมื่นคน พวกเราไม่แข็งแกร่งพอเหรอ?”

นักเรียนด้านล่างส่ายหัวพร้อมกัน พละกำลังของพวกเขาแข็งแกร่งพอเมื่อเทียบกับกลุ่มขององค์หญิงสาม พวกเขาเป็นเหมือนช้างที่แข็งแรง ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นเพียงสุนัขป่าตัวผอมแห้ง