บทที่101 คำขอโทษ

เพราะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างเร่งรีบ ทั้งสี่คนไปที่ตลาดแวะร้านชาดที่มีชื่อเสียงสองถึงสามร้าน และซื้อตัวอย่างสินค้าขึ้นชื่อของแต่ละร้านมา

ถังหลี่ไปที่ร้านขายขนมแล้วเลือกซื้อขนมที่หาซื้อไม่ได้ในเมืองเหยาสุ่ยให้เด็ก ๆ หญิงสาวไม่ลืมที่จะซื้อของให้ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยจึงไปที่ร้านขายหมึกเพื่อซื้อพู่กันและแท่นหมึกไปฝากเด็กทั้งสองคน หลังจากซื้อของทั้งหมดเสร็จแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองเหยาสุ่ย

พวกเขาใช้เวลาสองชั่วยามในการเดินทางข้ามเมือง ระหว่างทางเป็นถิ่นทุรกันดารบางครั้งมีพวกโจรต่างมาคอยดักปล้นบ่อย ๆ พวกเขาจึงต้องถึงเมืองให้ทันก่อนตะวันตกดิน ขากลับจึงไม่แวะพักระหว่างทางเลย

เอ้อร์เป่าและซานเป่ายังเด็กมากจึงเพลียง่าย ขากลับพวกเขาผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของมารดา ครอบครัวเว่ยถึงเมืองตอนกระอาทิตย์ตกดินพอดี หญิงสาวปลุกบุตรทั้งสอง

“เอ้อร์เป่า ซานเป่า ถึงบ้านแล้วลูก”

ใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองเป็นสีแดงและมีร่องรอยของการนอนทับที่พวงแก้ม เด็ก ๆ มองไปยังมารดาอย่างงัวเงีย ถังหลี่บีบแก้มนุ่ม ๆ พร้อมทั้งกุมมือเล็ก ๆ ไว้ แล้วพาเด็กทั้งคู่ไปหาบิดาที่กำลังรออุ้มลงจากรถม้า หลังจากที่พวกเขาลงไปแล้ว เว่ยฉิงหันไปรอรับภรรยาของตนต่อ แต่ขาของนางเป็นเหน็บเนื่องจากเด็ก ๆ นอนหนุนมาตลอดทาง เว่ยฉิงจึงอุ้มหญิงสาวขึ้นในท่าเจ้าหญิง และเนื่องจากบ้านนี้มีแต่ลูก ๆ และป้าจ้าวทำให้นางไม่รู้สึกขัดเขินอะไร

ทว่าทันทีที่พวกเขากลับมาที่บ้านก็พบกับเว่ยเสี่ยวเถาและลูกสาวทั้งสองคนของนาง ทั้งสามคนต่างจ้องมองมาที่ถังหลี่ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความขัดเขิน

“น้องสะใภ้”

ถังหลี่ตบบ่าของเว่ยฉิงเบา ๆ ให้ปล่อยนางลง เมื่อลงจากอ้อมแขนของสามีนางก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายและถามด้วยรอยยิ้มว่า

“พี่สาว ท่านมาตั้งแต่เมื่อใดหรือ?”

“ช่วงเที่ยงวันน่ะ” เว่ยเสี่ยวเถากล่าว

“วันนี้พวกเราไปที่เมืองอื่นมา ทำให้ท่านต้องรอนานเลย”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ๆ” เว่ยเสี่ยวเถาโบกมือไปมา

“อาฉิง” เว่ยเสี่ยวเถาหันไปมองน้องชายแล้วร้องทักอีกฝ่ายขึ้นมา

“อืม” เขารับคำและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรกับนาง เว่ยเสี่ยวเถาอึดอัดเพราะนางเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาเช่นกัน

ถังหลี่รู้ถึงบรรยากาศของความสัมพันธ์ที่ขุ่นมัวของพี่น้องทั้งสองคน เว่ยฉิงนั้นเป็นคนดื้อรั้น ส่วนเว่ยเสี่ยวเถาเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด

“พวกเราเข้าไปซื้อของในเมืองกัน จ้าวตี้ เนี่ยนตี้ อาซื้อขนมมาฝากพวกเจ้าแน่ะ”

ถังหลี่หยิบขนมจากในถุงขึ้นมาสองกำมือส่งให้หลานสาวทั้งสองคน

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านน้า” จ้าวตี้พูดขอบคุณอีกฝ่ายอย่างร่าเริง ส่วนเนี่ยนตี้นั้นเป็นเด็กขี้อายนางรีบหยิบขนมแล้วไปหลบหลังมารดา

“น้องสะใภ้ ข้าขอโทษเจ้าจริง ๆ ที่บิดาของจ้าวตี้ทำให้เจ้าเดือดร้อน” เว่ยเสี่ยวเถากล่าว

เมื่อคืนนี้นางนอนไม่หลับทั้งคืนได้ยินแต่เสียงด่าทอของแม่สามี หญิงสาวแค่รู้สึกผิดกับถังหลี่ นางรู้ดีว่าสามีของตนเป็นคนเช่นไร เว่ยเสี่ยวเถาหวังว่าเขาจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่แล้วก็พบว่าความคิดของตนนั้นช่างไร้เดียงสายิ่งนัก

เว่ยเสี่ยวเถากลัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ของน้องชายและน้องสะใภ้ นางจึงรีบเข้าเมืองมาตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังรักใคร่กันดี หญิงสาวจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เพราะสามีของข้านั้นไม่ขยันและไม่ซื่อสัตย์ ข้าไม่ควรขอให้เจ้าช่วยรับเขาเข้าทำงานเลย” เว่ยเสี่ยวเถากล่าว

“พี่สาวไม่ต้องขอโทษหรอก เป็นข้าเองที่ให้เขากลับบ้านไป” ถังหลี่กล่าว

“ข้าจะตำหนิเจ้าได้เช่นไร เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจขโมยเงินจากร้าน หากเป็นร้านอื่นเขาต้องถูกทุบตีแล้ว” เว่ยเสี่ยวเถากล่าว แม้ว่าหญิงสาวจะเป็นคนที่ดูอ่อนแอ แต่นางเป็นคนค่อนข้างมีเหตุผล

“พี่สาว นั่งลงแล้วค่อยคุยกันเถอะ”

ถังหลี่จับมือเว่ยเสี่ยวเถาและปล่อยมือยามนางนั่งลงที่เก้าอี้ จากนั้นจึงได้จับมือของนางมาดูอีกครั้ง ถังหลี่พบว่ามือของนางเต็มไปด้วยตุ่มไตและหยาบกระด้าง ดูหยาบกร้านกว่ามือของป้าจ้าวเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้นถังหลี่ยังสังเกตว่าแขนของนางมีรอยเขียวช้ำเกิดขึ้น

“พี่สาว ท่านไปโดนอะไรมา”

“ข้าล้มตอนเช้านะ” เว่ยเสี่ยวเถาพูดด้วยสีหน้าที่เฉยเมย

“ท่านพ่อตีท่านแม่” จ้าวตี้ที่กำลังกินขนมอยู่พูดขึ้น “เมื่อเช้าตอนจะออกมา ท่านพ่อไม่อยากให้ท่านแม่มา เขาเลยตีท่านแม่ ท่านแม่ทำงานหนักทุกวันแต่ท่านพ่อก็ยังทุบตีนาง!” น้ำเสียงของเด็กหญิงแฝงไปด้วยความโกรธแค้น

“อย่าพูดจาไร้สาระ!” เว่ยเสี่ยวเถาเหลือบมองจ้าวตี้ เด็กหญิงปิดปากตัวเองอย่างไม่เต็มใจนัก หญิงสาวเหลือบมองน้องชายอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังมองมานางจึงก้มหน้าลงทันที

“พี่สาว พวกเราเป็นสตรีเช่นเดียวกัน เรามาคุยกันอย่างเปิดใจดีกว่า ท่านมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้างในบ้านสกุลขง?”

ถังหลี่ถาม น้ำเสียงของนางฟังดูอ่อนโยน จนทำให้เว่ยเสี่ยเถายอมเปิดปากพูด ดวงตาของเว่ยเสี่ยวเถาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้

“น้องสะใภ้ ข้าแต่งเข้าบ้านสกุลขงมานับสิบปีแล้ว ตื่นแต่เช้าทำงานทุกอย่าง แต่เงินที่ข้าได้มาทั้งหมดต้องให้กับแม่สามี นางเองก็ไม่ค่อยชอบข้านัก ชอบด่าว่าข้าโง่เทียบกับคนอื่นไม่ได้..”

เว่ยเสี่ยวเถารู้สึกไม่ยุติธรรม นางทำงานหนัก แต่เงินทุกสตางค์แม่สามีให้แต่บุตรสาวและหลานชายของนาง ส่วนนางและบุตรสาวทั้งสองคนไม่เคยแม้แต่จะได้กินข้าวขาว ทุกวันนี้ก็ต้องสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ

“มันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่สามารถให้ในสิ่งที่พวกเขาหวังได้” เสี่ยวเถาถอนหายใจเบา ๆ

ถังหลี่ขมวดคิ้ว ผู้คนในยุคนี้มักจะยึดติดเรื่องการให้กำเนิดบุตรชาย พวกเขาไม่มีวันโทษว่าการไม่มีลูกชายนั้นเป็นเพราะตัวของสามีเองไม่ใช่ความผิดของภรรยาเพียงฝ่ายเดียว นี่คือข้อเสียของยุคโบราณแบบนี้ พวกเขาไม่มีวันเข้าใจได้หรอก

ถังหลี่ได้แต่เพียงพูดว่า

“พี่สาว ท่านถูกทำร้ายแต่ท่านยังมีสกุลเดิมของบิดา หากท่านไม่สามารถอยู่กับบ้านสกุลขงได้ก็กลับมาที่บ้านของเรา เว่ยฉิงกับข้าสามารถช่วยเหลือท่านได้”

ดวงตาของเว่ยเสี่ยวเถาแดงก่ำ นางไม่อาจบอกได้ว่ารู้สึกตื่นเต้นแค่ไหน ถังหลี่เป็นน้องสะใภ้ที่แสนดี ในขณะที่ครอบครัวอื่นต่างหวาดผวา ยามบุตรสาวที่แต่งงานออกไปหย่าร้างแล้วกลับมาเป็นภาระของบิดามารดา…

“น้องสะใภ้ ขอบคุณมากนะ แต่…นี่คือชะตาชีวิตของลูกผู้หญิง ข้าแต่งงานกับขงซวน มันคือสิ่งที่ฟ้าดินได้กำหนดมาแล้ว น้องสะใภ้เป็นคนดี เจ้าดีต่อข้าเช่นนี้ ต่อไปเจ้าจะมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน”

“พี่สาว ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง ข้าอยู่กับเว่ยฉิงเพราะเขาเป็นคนดี หากเขาไม่ดีข้าก็ไม่ต้องการเขา ข้าจะทิ้งเขาแล้วไปหาคนที่ดีกว่า” ถังหลี่พูดเสียงเรียบ ๆ

เว่ยเสี่ยวเถาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าความคิดของถังหลี่นั้นกระทบจิตใจของนาง น้องสะใภ้ของนางช่างมีความคิดที่แตกต่างออกไป แต่จะมีสักกี่คนที่จะกล้าหาญได้เท่านาง? เว่ยเสี่ยวเถาเป็นเพียงคนธรรมดา หากนางหย่าร้างล่ะก็เรื่องซุบซิบเหล่านั้นอาจทำให้นางรู้สึกเหมือนจมน้ำตายได้

“ข้ายังมีจ้าวตี้และเนี่ยนตี้ หากข้าออกจากตระกูลขงจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกนาง” เว่ยเสี่ยวเถากล่าวเรียบ ๆ

ถังหลี่เข้าใจแล้วว่า เว่ยเสี่ยวเถานั้นไม่ได้ต้องการหย่าร้างออกมาจากสกุลขง ดังนั้นนางจึงหาทางแก้ตัวให้ตนเอง นี่เป็นสาเหตุที่เว่ยฉิงโกรธเคืองนางเป็นอย่างมาก

“พี่สาว ท่านคิดอ่านจะทำอย่างไรต่อไปหรือ?”

“ตอนนี้มืดแล้วไม่ปลอดภัยที่จะพาเด็ก ๆ กลับขึ้นเขา น้องสะใภ้ หากข้าจะรบกวนเจ้าสักคืน และเดินทางกลับพรุ่งนี้ตอนเช้า จะได้หรือไม่?”

ถังหลี่ถอนหายใจ

“พี่สาว หากท่านยังไม่ทิ้งสกุลขง ท่านจะปล่อยให้พวกเขารังแกท่านเช่นนี้ตลอดเวลาไม่ได้ คราวนี้ขงซวนทุบตีท่าน ท่านควรอยู่ที่บ้านข้าก่อน ให้เขาสำนึกว่าต้องการท่านแล้วมารับท่านด้วยตัวเอง”

“ชงซวน…. เขาจะมารับข้าหรือ” เว่ยเสี่ยวเถารู้สึกประหม่า

“ท่านทำงานหนักมาก เมื่อท่านอยู่ที่บ้านก็จะไม่มีใครทำงานเหล่านั้นแทน ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องมารับท่านอย่างแน่นอน” ถังหลี่พูดอย่างมั่นใจ

เว่ยเสี่ยวเถาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดนางก็ตัดสินใจ

“ตกลง ข้าจะเชื่อเจ้าน้องสะใภ้”

—————————-