บทที่ 138 – สถานการณ์ปัจจุบัน

 

“แต่จะว่าไป.. ฉันเจอคนที่มีกลิ่นอายของอัตลักษณ์อมตะของนายท่านด้วย ตอนออกมาจากหอคอย”

หลังจากพูดเล่นกับมิวอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ผู้กล้าเอริเนียก็พูดขึ้นซึ่งแน่นอนว่ามิวไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดสักเท่าไหร่จึงได้แต่เอียงคออย่างสับสน

ก่อนที่ผู้กล้าเอริเนียจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง.. กับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น วันที่เธอออกมาจากหอคอย

เป็นผู้หญิงประหลาดที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง แม้เอริเนียจะไม่มั่นใจสักเท่าไหร่แต่อีกฝ่ายนั้นไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

แน่นอนว่าเหล่าผู้ใช้อารยธรรมในโลกนี้ก็ยังรวมอยู่ในคำว่าธรรมดาของเอริเนีย กล่าวก็คือผู้หญิงคนนั้นเก่งกว่าผู้ใช้อารยธรรมแน่ๆ

อย่างน้อยๆ ก็เก่งกว่ารินนะที่เอริเนียเคยเห็นอย่างแน่นอน เพราะทักษะการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นมิวไม่เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้จากการสอน

แต่เป็นการรับรู้จากประสบการณ์มากกว่า.. ประสบการณ์ที่อาจจะมากกว่าผู้กล้าเอริเนียด้วยซ้ำ เพราะเหตุนั้นเอริเนียถึงได้ค้นคว้าว่าโลกนี้มันมีอะไรแบบนั้นจริงเหรอ

และอย่างที่คิดโลกนี้ไม่มีแม้กระทั่งสงครามในตอนนี้ แล้วคนคนนี้ทำไมมันถึงมีประสบการณ์สูงขนาดนี้

“ดูท่าพวกนั้นจะตามหานายท่านด้วย.. เพราะเรียกนายท่านว่า ‘นายท่านแห่งเรา’ อะไรก็ไม่รู้ด้วย”

แน่นอนว่าตอนนั้นสำหรับเอริเนียที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ทำอะไรไม่ได้นอกจากแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็หลบออกมา

ทางฝั่งนั้นเหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่างผู้กล้าเอริเนียอยู่ แต่ไม่ว่าจะมองขนาดไหนก็ไม่สามารถจับผิดเอริเนียได้

ทางนั้นก็ตัดใจแล้วก็เข้าไปในหอคอย..

“เธอจะบอกว่ามีคนรู้จักฉันอยู่บนโลกนี้เหรอ?”

“น่าจะเป็นงั้นนะ.. เอาเข้าจริงพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านับตั้งแต่ที่นายท่านโดนฉันผนึกมันผ่านมาแล้วกี่ปีถูกมะ ดังนั้นอาจจะเป็นคนตั้งแต่ยุคสมัยนู้นก็ได้”

“ไม่สิ.. ฉันอ่านประวัติศาสตร์โลกนี้มาตลอดหลายวันที่อยู่ในโรงพยาบาล.. ฉันไม่พบข้อมูลไหนที่บอกว่าพวกเรามีตัวตนอยู่อยู่เลย หรือก็คือเราไม่ถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์”

“อืม.. นายท่านจะบอกว่าพวกเราอาจจะเคยอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์งั้นเหรอ..”

“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นงั้น เพราะมันฟังดูสมเหตุสมผลกว่าระหว่างถูกผนึกเราจะถูกส่งข้ามโลกใช่ไหมล่ะ”

“ก็จริง”

“นั่นหมายความว่าคนรู้จักเราก็ไม่น่าจะมีชีวิตมาถึงปัจจุบันนี้ได้หรอก แล้วคนที่เธอว่ามาเมื่อกี้เป็นใครกันล่ะ เธอแน่ใจใช่ไหมว่าพวกนั้นหมายถึงฉัน”

มิวถามยืนยันเพื่อความมั่นใจ มิวในตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจว่ายุคที่ตัวเองเคยอยู่อาจจะผ่านมามากกว่าหนึ่งล้านปี..

เพราะจะว่าไปก่อนหน้านี้ในยุคสมัยของเธอมีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับไดโนเสาร์อยู่ด้วย เธออาจจะอยู่ในยุคไดโนเสาร์ก็ได้

แต่นั่นก็จะยังมีเรื่องแปลกๆ อีกอยู่ดีเพราะถ้าหากพวกมิวอยู่ในยุคนั้น ทำไมถึงไม่มีการค้นพบหรือพบการดำรงอยู่ของมนุษย์ยุคนั้นเลย

เอาเข้าจริงโลกนี้ค้นพบว่ามนุษย์วิวัฒนาการขึ้นมาเป็น homo ครั้งแรกก็ประมาณสามพันล้านปีก่อนเอง

ดังนั้นสมมุติฐานนี้จึงมีช่องโหว่มากมาย… แน่นอนมิวในตอนนี้อาจจะยังไม่รู้ ว่าตัวเธอนั้นอยู่มามากกว่าหมื่นล้านปี

และอายุขัยของโลกที่นักวิทยาศาสตร์คำนวณและคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณสี่พันล้านปีก่อนเอง ซึ่งห่างจากช่วงเวลาที่มิวอยู่เป็นไหนต่อไหน

แต่จะอย่างไรก็ตาม…

“ถ้าเป็นตามที่ว่ามาจริง อย่างน้อยฉันกับเธอก็น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าพันล้านปีแน่ๆ … ถูกไหม.. ดังนั้นการที่จะมีคนรู้จักเราเนี่ยมันเป็นไปไม่ได้เลย”

“แล้ว..ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”

มิวกับเอริเนียมองหน้ากัน เอริเนียมั่นใจว่าหากต่อสู้ไม่ว่าจะมิวหรือเอริเนียก็ล้วนสามารถเอาชนะได้.. ในกรณีที่ต่อสู้กันน่ะนะ

แต่ถ้าทางนั้นใช้ความสามารถที่เหนือจินตนาการของตัวเอง.. ผสมกับกลิ่นอายแปลกๆ ที่เหมือนจะมีพลังนิรันดร์ของมิวด้วย

ถึงจะไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้… แต่อัตลักษณ์นิรันดร์ของมิวมันเป็นอัตลักษณ์ของเทพมังกรเพียงผู้เดียวเลยนะ

เอริเนียไม่เคยเห็นใครที่มีอัตลักษณ์ที่ทรงพลังระดับเดียวกับเทพมังกรอยู่เลย.. เธอจินตนาการไม่ออกว่าสิ่งเธอผู้หญิงคนนั้นมีคืออะไร

“โชคยังดีที่ทางนั้นเหมือนจะไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของนายท่าน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหน้าเลย.. นายท่านเปลี่ยนไปเยอะหลังจากถูกฉันผนึก”

“ไม่ต้องเรียกเปลี่ยนไปหรอก เรียกแปลงร่างเลยเถอะ”

มิวแก้คำของผู้กล้าเอริเนียนิดหน่อย แต่ก็เห็นด้วย.. มิวไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดที่มีคนแปลกหน้ามาเรียกตัวเองว่านายเหนือหัวแล้วจะยอมรับแต่โดยดี

อีกอย่างต่อให้เป็นงั้นจริง มิวก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวายภายหลัง.. เพราะสิ่งที่มิวรู้สึกโล่งอกที่สุดอย่าหนึ่งตอนนี้

คือเธอไม่ได้เป็นผู้นำของอะไรที่ไหน.. การเป็นผู้นำมันต้องมีความรับผิดชอบและบริหารเป็น แต่พวกมังกรอื่นก็ถูกผู้กล้าเอริเนียฆ่าไปหมดแล้ว

มิวในยามนี้จึงรู้สึกไม่มีอะไรมาผูกมัด.. หากต้องกลายมาเป็นเจ้าคนนายคนอีกมันก็ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่เหมาะกับเธอ

“แต่เอาเป็นว่าระวังหน่อยละกัน..”

แม้จะไม่มีหน้าตาให้ดู แค่มิวก็แค่ให้เอริเนียบอกอีกครั้งในตอนที่เจอก็พอแล้ว..

“อ้ะ นายท่านแล้วก็นี่เงินของนายท่าน”

“หือ เงินอะไร..?”

“เงินจากคาเอะเพื่อนร่วมธุรกิจนายท่าน เงินจากองค์กรบอร์เดอร์ไลน์เองอีกไม่นานก็ส่งมาหรอก”

“เดี๋ยวๆ .. เงินจากคาเอะนี่คือยังไงนะ เงินที่เราร่วมมือกันใช่ไหม แต่ฉันพึ่งตกลงไปเมื่อเดือนก่อนเองนะ.. จะทำกิลด์นี่มัน”

“เหมือนจะเสร็จแล้วค่ะ”

“ห้ะ?”

มิวจำสิ่งที่ตัวเองตกลงกับคาเอะไว้ได้ดี แผนรับมือปัญหาพวกโกงหอคอยหาเงินของทางองค์กรและทางรัฐบาล

ก่อตั้งกิลด์ และคาเอะอยากให้มิวเป็นมาสคอตช่วยโปรโมตให้.. แต่นั่นมันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเองนะ มันจะเสร็จเร็วขนาดนั้นได้ยังไง

มิวหันไปมองหน้าผู้กล้าเอริเนีย แต่ผู้กล้าเอริเนียก็พยักหน้าให้…

“อืมม.. แล้วที่ว่าเงินจากองค์กรนี่คือยังไง… ฉันยังไม่เคยเข้าร่วมการประชุมสักครั้งเลยนะ”

“อ้อ เรื่องนั้น.. ฉันจัดการให้นายท่านเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนที่นายท่านจะออกมาซะอีก”

พอฟังมาถึงจุดนี้มิวก็เริ่มเอียงคอแล้ว

“เดี๋ยวนะ.. ก่อนที่ฉันจะออกมาเนี่ย.. มันหมายความว่าไง”

“ก็หมายความตามนั้นเลยค่ะ ฉันคาบข่าวเรื่องในหอคอยไปบอกพวกนั้นจนเกือบหมดเปลือกเพื่อแลกกับเงิน”

“ไม่สิ. เขามีนโยบายห้ามขายข่าวไม่ใช่เหรอ ต้องแบ่งปันขาวในหอคอยนี่..”

“ก็ไม่ใช่การขายสักหน่อย เพราะมันเป็นเงินก้อนที่ได้รับมาจากการเข้าร่วมประชุมแบ่งปันข้อมูลนี่”

พอพูดถึงจุดนี้ต่อให้เป็นมิวก็เข้าใจขึ้นมาแทบจะทันที

“เดี๋ยวนะ.. เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า…เธอ…”

“ถูกต้องแล้วค่าาาา ฉันเป็นคนวางแผนทำให้นายท่านเข้าร่วมการประชุมเองค่า แน่นอนว่าทุกอย่างฉันทำก็เพื่อนายท่านนะ จะได้มีเงินเยอะๆ ไปเที่ยวรอบโลกกัน”

“…….”

มิวมองหน้าผู้กล้าเอริเนีย ก่อนจะมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดที่เธอใส่คือแฟชั่นทันสมัย ของพรีเมียมในมือที่ราคาสูงลิบจากสินค้าไอดอลชื่อดัง

มิวคิ้วกระตุก

“ฉันขอถามอะไรก่อนนะ ทั้งตัวเธอเนี่ยราคาเท่าไหร่”

“เอ้… นั่นสินะคะ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ลืมนับ ก็แหม เลขเงินของที่นี่มันเฟ้อนี่คะ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราอยู่ใช้เงิน ใช้ทองในการแลกเปลี่ยนเลย”

เอริเนียคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“นั่นสินะคะ น่าจะทองสักก้อนได้ละมั้ง”

“นี่หล่อนทำทุกอย่างก็เพื่อหาเงินไปซื้อไอ้ของพวกนี้ใช่ไหม?”

“ก็แบบว่า.. ของมันต้องมีอะค่ะ”

“………”

มิวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“แล้วไอ้เที่ยวรอบโลกนี่..”

“แน่นอนว่าฉันอยากไปค่ะ เพราะพื้นทวีปมันเปลี่ยนจากเดิมไปมาก การไปเที่ยวก็ได้สุนทรียภาพแบบหนึ่งนะ”

มิวใช้สันมือฟาดเข้าที่หัวเอริเนียอย่างรุนแรงจนเจ้าตัวร้อง ‘โอ้ย’ ออกมาอย่างเจ็บปวด ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้เพราะยัยผู้กล้าไม่ได้เรื่องนี่วางแผนเอาไว้

“ฉันทำเพื่อนายท่านจริงๆ นะ..”

เจ้าตัวนั่งยองกุมหน้าผากน้ำตาเล็ด

แน่นอนว่าสิ่งที่เอริเนียทำก็เพื่อมิวจริงๆ นั่นแหละ ยังไงซะเรื่องมิวก็ถูกเปิดเผยตั้งแต่ขึ้นบนกระดานจัดอันดับแล้ว

แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่ายัยนี่อยากจะซื้อของหรู แล้วก็วางแผนให้มิวพูดแบบนั้นแบบนี้กับเทริโน่

มิวได้แต่ถอนหายใจแล้วก็มองผู้กล้าโอชิไอดอลคนนี้