ตอนที่ 128 ยอมถอย

สามีข้า คือพรานป่า

ตอนที่ 128 ยอมถอย

“เช่นนั้นงั้นหรือ… แล้วต้องทําเช่นไรนางจึงจะยอมร่างจดหมายนั้น?”

เฉินเฉิงเยี่ยพยายามระงับความตื่นเต้นพร้อมเผยสีหน้า เกลียดชังออก “ ง่ายดายยิ่ง แค่เจ้าปล่อยข้ากับแม่ไป.. แล้วข้าจะกลับไปเรียนหนังสือเพื่อสอบเป็นขุนนางให้ได้ วันหนึ่งเมื่อข้าทําสําเร็จ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดเรียกร้องหาผลประโยชน์จากเฉินเฉิน!”

“สําหรับเย่วชิงไฉ… เขาเป็นฆาตกรจึงต้องชดใช้และรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด เพราะหากพ้นโทษออกไปในอนาคต ข้าไม่ต้องการให้ใครเรียกหาข้าว่าลูกชายฆาตกรแหกคุก!”

เพราะเฉินเฉิงเยี่ยเป็นคนเห็นแก่ตัวและรักแม่มาก เช่นนั้นแล้วจึงไม่น่าแปลกใจหากเขาจะละทิ้งผู้เป็นพ่อได้อย่างง่ายดาย!

“หืม นั่นคือบิดาผู้ให้กําเนิด.. เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?”

เฉินเฉิงเยี่ยเริ่มใส่อารมณ์ “ข้าแน่ใจ! เมื่อยังเยาว์ ข้าเกือบจะมีอนาคตที่สดใส แต่เขากลับทิ้งภรรยาซึ่งกําลังตั้งครรภ์และไปซื้อบริการโสเภณี ก่อนจะพลั้งมือฆ่านางโดยไม่ ตั้งใจ แม่ของข้าทุกข์ใจมาก จึงต้องมาแต่งงานกับเฉินผิงอันเพื่อข้า!”

“ทั้งหมดเป็นเพราะเขา ชีวิตที่ราบรื่นของข้าถูกทําลายโดยเขา! เมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านของเฉินผิงอัน ข้าเองก็เกลียดเขาไม่น้อยเพราะเขาทั้งกดขี่และข่มเหงแม่! แต่เมื่อข้ากําลังจะได้สอบขุนนางในปีหน้า เย่วชิวไฉกลับโผล่มา! ความลับของข้าที่ปกปิดมาโดยตลอดถูกเปิดเผยและทุกคนต่างหัวเราะเยาะข้าอีกครั้ง!”

“เช่นนี้แล้วเจ้าจะบอกว่าข้าไม่ควรเกลียดเขาอย่างนั้นหรือ? จริงอยู่ที่เขาเป็นพ่อผู้ให้กําเนิด ทว่าตั้งแต่ที่ข้าเกิดมาเขาก็เอาแต่ใช้ชีวิตในซ่องกับหญิงโสเภณีและไม่สนใจข้าเลย! เช่นนี้แล้วเหตุใดข้าต้องสนใจพ่อเช่นนี้ด้วย?”

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “เย่วชิวไฉก่ออาชญากรรมร้ายแรง ต่อให้ข้าจะอยากปล่อยเขาไปแต่พวกเจ้าคงไม่ยอมเป็นแน่! และแม้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปโดยไม่ให้เจ้าหน้าที่สอบสวน แต่เฉินผิงอันจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นข้าคงรับรองไม่ได้”

“เฉินผิงอันเป็นคนขี้ขลาด เขาไม่กล้าแม้แต่จะไปสํานักราชการ นับประสาอะไรกับยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้พิพากษา! หากได้พบหน้าเย่วชิงไฉและแม่ของข้าอย่างมากที่สุด เขาก็ทําได้เพียงแสดงอาการไม่พอใจ เขาไม่เหมือนกับเจ้า เช่นนั้นแล้วชีวิตและความตายของข้าแขวนอยู่ในมือของเจ้าเพียงผู้เดียว!”

หยุนเถียนเถียนไม่ได้ถามอะไรต่อ แม้จะเคยถูกเฉินเฉิงเยี่ยรังแก แต่นั่นก็เป็นเถียนเถียนคนก่อนไม่ใช่นาง สําหรับหยุนเถียนเถียนคนปัจจุบันนั้นเปี่ยมไปด้วยความยุ ติธรรม แม้จะรู้สึกไม่สบายใจก็ตาม… ยิ่งไปกว่านั้น เงื่อนไขที่เขาเสนอมาก็น่าสนใจไม่น้อย!

“เอาล่ะ รุ่งสางของวันพรุ่งนี้ข้าต้องได้จดหมายการก่ออาชญากรรมจากแม่ของเจ้า หากอ่านดูแล้วรู้สึกพอใจก็จะปล่อยพวกเจ้าไป! แต่หากยังรู้สึกไม่พอใจก็อย่าได้กล่าวโทษข้า เพราะสําหรับขุนนางเช่นเจ้าการเขียนหลักฐานพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร! อ้อ พวกเจ้าจะต้องเขียนหนังสือโอนที่ดินคืนให้ข้าด้วย!”

หยุนเถียนเถียนหันหลังกลับและจากไปโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะทั้งหมดนี้ล้วนแต่ส่งผลดีกับตัวนาง

สําหรับเฉินเฉิน จะเกิดอะไรขึ้นหากพบว่าแม่ผู้ใจร้ายของเขาถูกทิ้งไว้ด้านหลัง? แต่ด้วยหลักฐานที่มีในมือย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไร!

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือในยุคนี้ผู้คนมักเชื่อในการอุปทานหมู่ ดังนั้นเพียงแค่หยุนเถียนเถียนใช้หลักฐานนี้ในการจูงใจชาวบ้าน ก็จะทําให้พวกเขาเชื่อและคิดว่าทุกอย่างสมเหตุสมผล!

เช่นนั้นแล้วหยุนเถียนเถียนจึงตอบตกลงกับเฉินเฉิงเยี่ยไป เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครยอมให้บ้านถูกไฟไหม้โดนเปล่าประโยชน์!

หยุนเทียนเถียนขอให้คนส่งกระดาษ ปากกาและหมึกให้เฉินเฉิงเยี่ย ก่อนจะสั่งให้เจ้าหน้าที่คุ้มกันปลดเชือกของเขาออกเพื่อให้เขียนได้สะดวก

จริงอยู่ที่เฉินเฉิงเยี่ยเป็นนักปราชญ์แต่เขาก็ไม่สามารถลักไก่หลบหนี้ได้ เพราะเจ้าหน้าที่คุ้มกันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจึงไม่มีทางที่เขาจะหนี!

เฉินเฉิงเยี่ยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการเขียนจดหมาย และเตรียมหลักฐานทางอาญาต่าง ๆ มากมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่คุ้มกันทั้งสองคนก็มัดมือเขาอีกครั้ง ก่อนจะส่ง หลักฐานให้หลินชวนฮวาประทับลายนิ้วมือ

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าลูกชายของตนถูกกระทําจึงพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นช่วยเขา แต่เพราะถูกมัดอยู่นางจึงไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะทําอะไร

เดิมที่เฉินเฉิงเยี่ยเป็นห่วงและต้องการปกป้องแม่เป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นสิ่งที่นางทําในตอนนี้เขาก็แสยะยิ้มออกมาอย่างประชดประชัน!

“แม่คิดถึงแต่ฆาตกรผู้นั้นไม่ใช่หรือ? ยังห่วงใยและรักลูกชายเช่นข้าด้วยหรือไร?!”

หลินชวนฮวาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด “เฉิงเยี่ย… เจ้าคิดว่าแม่ไม่รักได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะทําเพื่อเจ้า แม่จะแต่งงานกับคนเช่นเฉินผิงอันและยอมให้เขาทารุณเพื่อสิ่งใด?! ทุกอย่างที่แม่ทําก็เพื่อเจ้า!”

“ทําเพื่อข้างั้นหรือ? แม่ทําเพื่อตนเองและชายผู้นี้ที่ท่านรักมากกว่า! หากจะบอกว่าทําเพื่อลูก ในตอนที่ข้ากําลังมีอนาคตที่สดใส เหตุใดแม่จึงไปคบชู้กับชายผู้นั้น?! ข้ากําลังจะได้เป็นขุนนาง แต่กลับโดนทําลายจนหมดสิ้น!”

เฉินเฉิงเยี่ยกล่าวออกอย่างเจ็บปวดพร้อมกับน้ําตาคลอเบ้า

หลินชวนฮวารู้สึกผิดและคิดว่าหากไม่ใช่เพราะความโลภของนางที่อยากได้เงินของเฉินผิงอัน หรือความแค้นที่มีต่อหยุนเถียนเถียนจนทําไปสู่การก่ออาชญากรรม ลูกชายของนางคงไม่ได้รับผลกระทบเช่นนี้

“เฉิงเยี่ย”

จู่ ๆ เฉินเฉิงเยี่ยก็ตั้งสติได้และนึกถึงสิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้

“ท่านแม่! หากข้าขอร้องท่านครานี้ ท่านจะช่วยลูกชายของท่านหรือไม่?”

หลินชวนฮวาพยายามดิ้นรนออกจากพันธนาการที่ผูกมัดอย่างแน่นหนา แต่ก็ไม่สามารถทําได้

“เฉิงเยี่ย… ตอนนี้แม่ถูกมัดอยู่ จะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”

เฉินเฉิงเยี่ยเห็นว่าแม่ของเขาตั้งใจจะช่วยเขาจึงรีบคลานไปหานางทันที

“แม่! ข้าต่อรองกับอีขี้ครอกว่าจะเขียนหลักฐานการก่อ อาชญากรรมให้นางเพื่อแลกกับการปล่อยตัวเราสองคน!”

หลินชวนฮวาถามด้วยความไม่เชื่อ “นางสารเลวนั่นจะใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“นางทําเพื่อเฉินเฉิน แม้จะไม่เต็มใจแต่ในอนาคตหากเฉินเฉินเข้าโรงเรียน ชื่อเสียงของเขาจะมีความสําคัญเป็นอย่างมาก! จะไม่มีใครรู้ว่าแม่ของเขาคือใครหรือเคยก่ออาชญากรรมร้ายแรงอย่างไร และจะทําให้ชีวิตของเด็กน้อยราบรื่นขึ้น!”

แววตาของหลินชวนฮวาเปล่งประกายทันที “หากเป็นเช่นนั้นนางก็ต้องจ่ายส่วยให้เราเป็นการตอบแทน… ไปเอาเงินกับนางกันเถิด!”

เฉินเฉิงเยี่ยมองมารดาผู้โง่เขลาพลางถอนหายใจ “การที่นางประนีประนอมให้เราขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว! หากเราขอมากเกินไปนางอาจไม่พอใจได้! อีกอย่างนางสามารถหาครอบครัวอื่นที่จะอุปถัมภ์และลงนามเป็นแม่บุญธรรมของเฉินเฉินได้! การทําเช่นนั้นคงจะดีกว่า!”

“ท่านแม่ นี่เป็นทางออกเดียวสําหรับเราสองคน!”