ตอนที่ 188 ยืมชะตาชีวิต

เมื่อพูดถึงเรื่องลึกลับอย่างเทพเจ้าและผีสาง สตรีจะเชื่อมากกว่าบุรุษ และพวกนางเต็มใจที่จะใช้เงินจ่ายให้กับสิ่งเหล่านี้ง่ายกว่า

ดังนั้นหากนักต้มตุ๋นต้องการจะหาเงิน จะสามารถหาได้จากสตรีง่ายกว่าบุรุษเป็นอย่างมาก

คำพูดของฉินหลิวซีทั้งมหัศจรรย์และแม่นยำมาก ในฐานะหญิงชราที่เป็นแม่นมของเจาชิงม่านก็เชื่อแล้ว และรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

นางไม่ได้โง่ นางเป็นแม่นมของเจาชิงม่าน ดูแลเจาชิงม่านเหมือนบุตรสาวแท้ๆ ของตนเองจนเติบใหญ่ อยู่ข้างกายเจาชิงม่านมาหลายปี ย่อมรู้จักเจาชิงม่านเป็นอย่างดี

ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น ชะตาชีวิตของคุณหนูนับว่าดีจริงๆ นางเป็นบุตรีคนโตของตระกูล ทันทีที่เกิดนายท่านก็สอบติดเป็นขุนนางบัณฑิต เส้นทางราชการดำเนินไปอย่างราบรื่น ในสิบปีมานี้ได้รับความชื่นชมจากผู้สูงศักดิ์ มีผลงานโดดเด่นทางการเมืองอย่างน่าทึ่ง ระดับตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับสี่ และยังสูงขึ้นไปกว่านี้ได้อีก

ตัวคุณหนูเองเป็นคนอารมณ์ดี มีการศึกษาดี มีโชคลาภ หากทำเรื่องเดียวกัน อย่างเช่นแข่งโยนธนูลงแจกัน คนอื่นโยนซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่ลง ในขณะที่นางหลับตาก็ยังโยนลง นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางมักจะได้เจออาจารย์ที่ดี สิ่งที่ได้เรียนรู้ย่อมดีกว่าผู้อื่น เมื่อถึงอายุสมควร เรื่องหมั้นหมายก็ราบรื่นเป็นอย่างมาก เป็นการตกลงกันด้วยวาจา ตอนนี้คุณชายเมิ่งต้า หลานชายคนโตที่เป็นบัณฑิตเมิ่งต้าในราชสำนัก รอเพียงแค่จบงานฉลองวันเกิดของท่านป้าครั้งนี้แล้วก็จะแลกหนังสือสมรสกันแล้ว

หากจะเอ่ยถึงเรื่องโชคร้าย มันเริ่มขึ้นเมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา จู่ๆ คุณหนูเหมือนไปทำให้ผีหรือเทวดาขุ่นเคือง ทุกอย่างเกิดติดขัด จนถึงวันนี้แค่ยืนอยู่ก็เกือบจะถูกกระถางตกใส่ พอโชคร้ายขึ้นมา แม้แต่ดื่มน้ำเย็นก็ยังติดฟัน

และฉินหลิวซียังเอ่ยว่าคุณหนูถูกยืมชะตาชีวิตไปจึงได้โชคร้ายเช่นนี้ น่ากลัวเกินไปแล้ว!

การยืมชะตาชีวิตหมายความว่าอย่างไร แค่ได้ยินก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัว

“ท่านนักพรตน้อย การถูกยืมชะตาชีวิตหมายความว่าอย่างไร ข้าจะบอกอะไรให้ ท่านอย่าได้หลอกพวกเราเด็ดขาด นายท่านของพวกเราคือรองเสนาบดีเฟิ่งเทียน หากเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกล ก็สามารถให้คนมาถล่มอารามเต๋าของท่านได้” บ่าวรับใช้เอ่ยข่มขู่ไว้ก่อน

เจาชิงม่านขมวดคิ้วเล็กน้อย ตำหนิด้วยความโกรธ “แม่นม” นางคำนับฉินหลิวซี แล้วหันไปไหว้รูปปั้นเจ้าลัทธิเต๋า กล่าวจากใจจริงว่า “คนรับใช้ข้าไม่ได้ตั้งใจ ขอท่านนักพรตน้อยและท่านเทพทั้งหลายอย่าได้ขุ่นเคืองเลยเจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังยืนยันคำเดิม เป็นการหลอกลวงหรือไม่ ในใจพวกท่านรู้ดี แม่นางเป็นสตรีที่ดี สั่งสมคุณงามความดีในชาติที่แล้ว จึงได้เกิดมามีฐานะร่ำรวยและสูงส่งในชาตินี้ แต่กลับถูกยืมชะตาไป ช่างน่าเสียดาย”

“ท่านนักพรตน้อย หากชะตาชีวิตของข้าถูกยืมไปจริงๆ อย่างที่ท่านว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ” เจาชิงม่านไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนก ยังคงอ่อนโยนเช่นเดิม

“ท่านว่าอย่างไรล่ะ จริงๆ แล้วท่านเองก็สังเกตเห็นแล้วว่าเมื่อโชคร้ายมาถึง ท่านก็สามารถประสบได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก เมื่อโชคดีของท่านใช้หมดสิ้นแล้ว ต่อไปเมื่อเจอโชคร้ายอีก อย่างเบาก็เลือดตกยางออก อย่างหนักก็ถึงแก่ชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าท่านโชคดีแค่ไหน”

เจาชิงม่านเลิกคิ้ว เอ่ยถามว่า “ท่านนักพรตรู้หรือไม่ว่าใครยืมชะตาชีวิตข้าไป”

“การยืมชะตาชีวิตไม่เหมือนการรับชะตาชีวิตแทน การรับชะตาชีวิตแทน คือเมื่อท่านไปเอาของใครมาก็ย่อมต้องได้รับสิ่งที่ต้องได้รับแทนอีกฝ่าย แต่การยืมชะตาชีวิตต้องรู้จักแปดตัวอักษรเวลาตกฟากของท่านเป็นอย่างดี มีวิธีการทำที่แม่นยำ จึงจะสามารถยืมชะตาชีวิตของท่านไปทดแทนได้”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นเจาชิงม่านกับสาวใช้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

แปดตัวอักษรเวลาตกฟากเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แปดตัวอักษรเวลาตกฟากของชายหญิง นอกจากญาติสนิทแล้ว ก็จะแลกกับชายหญิงที่เป็นคู่สมรสเพื่อแลกเปลี่ยนหนังสือสมรสกันเท่านั้นจึงจะสามารถรู้ได้

แม้ว่าเจาชิงม่านจะตกลงหมั้นหมายด้วยวาจา แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นแลกหนังสือสมรส เช่นนั้นใครจะรู้แปดตัวอักษรของนางได้

มีเพียงแค่ญาติสนิทแล้ว

“ท่านนักพรตน้อย เช่นนั้นจะแก้ได้หรือไม่” หญิงชราค่อนข้างใจร้อน เอ่ย “หากช่วยคุณหนูของข้าให้แก้วิบากครั้งนี้ได้ ฮูหยินของข้าจะต้องตบรางวัลมากมายอย่างแน่นอน”

“แน่นอนว่าแก้ได้ เพียงแค่ทำลายมนต์ดำนี้ทิ้งเสีย” เป็นเพียงการต่อสู้กับพิธีกรรมของนักพรตสายดำ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

สาวใช้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอเพียงแก้ไขได้ก็พอแล้ว

ห่างออกไปไม่ไกล มู่ซีเอ่ยด้วยความเวทนา “ไม่มีทาง ถูกเจ้านักต้มตุ๋นหลอกให้เชื่อจนได้ สตรีช่างหลอกง่ายเสียจริง”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาโกหก” อวี้ฉังคงมองด้วยความไม่พอใจ ยิ้มหยันพลางเอ่ย “หากออกจากอารามเต๋าแห่งนี้ เจ้ากล้าถอดยันต์หรือของขลังบนร่างกายของเจ้าออกหรือไม่”

ในอารามเต๋าเต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์ ย่อมไม่มีวิญญาณชั่วร้ายที่ไม่ดูตาม้าตาเรือกล้าเข้ามา

แต่หากออกจากอารามเต๋าล่ะ

สีหน้ามู่ซีเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า อารมณ์โกรธปะทุขึ้นมา อ้าปากกล่าวว่า “มีหรือข้าจะไม่…อุ๊บ”

ซวงเฉวียนปิดปากของเขาอย่างแม่นยำ

มู่ซี ‘บ่าวโง่เง่า บังอาจนัก!’

อวี้ฉังคงยิ้มหยัน

มู่ซีที่ถูกเยาะเย้ย โกรธจนแทบจะเป็นลม

อีกด้านหนึ่ง ฉินหลิวซีได้นำยันต์แคล้วคลาดมอบให้กับเจาชิงม่าน เอ่ย “ยันต์นี้สามารถปกป้องท่านจากภัยพิบัตินองเลือดได้ หลังจากที่แม่นางกลับไปปรึกษากับฮูหยินแล้ว หากอยากแก้เคราะห์กรรมนี้ ค่อยกลับมาที่อารามชิงผิง”

เจาชิงม่านรับมา ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงหันไปเอ่ยกับแม่นมว่า “แม่นม เพิ่มค่าน้ำมันตะเกียงด้วย”

“เจ้าค่ะ”

เมื่อเจาชิงม่านและคนอื่นๆ เติมน้ำมันตะเกียงเสร็จก็รีบออกไป

อวี้ฉังคงจึงได้เดินไปหา เอ่ย “สตรีผู้นั้นคือคนที่เราเห็นเมื่อสองวันก่อน นางจะเป็นอะไรหรือไม่”

ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ไม่”

“ทำไมเล่า เจ้าไม่ได้บอกว่านางถูกคนยืมชะตาชีวิตไปหรอกหรือ หรือว่านักพรตหลอกลวงอย่างเจ้าไปโกหกนาง” มู่ซีก้าวเข้ามาแทรกระหว่างทั้งสองคนพลางเอ่ยถาม

ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “ข้าจะโกหกนางทำไม ข้าบอกว่านางจะไม่เป็นอะไรเพราะว่านางได้มาพบข้าแล้ว เมื่อนางมาหาข้าอีกครั้ง ข้าก็จะช่วยแก้เคราะห์กรรมครั้งนี้ให้นาง”

“พูดเหมือนว่านักพรตต้มตุ๋นอย่างเจ้าจะมีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ ” มู่ซียิ้มเย้ย

ฉินหลิวซียิ้มอย่างจริงใจ “ให้ข้าเรียกผีสาวมาเข้าสิงเจ้าดีหรือไม่ แล้วค่อยช่วยเจ้าไล่ออกไป เจ้าจะได้รู้ว่านักต้มตุ๋นอย่างข้ามีความสามารถเช่นนั้นหรือไม่ ส่วนค่าไล่ผี อย่างมากก็เรียกเก็บเจ้าถูกหน่อยก็แล้วกัน”

มู่ซี “…”

อวี้ฉังคงไม่ใส่ใจเขาแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับฉินหลิวซี กล่าวว่า “มีผู้ที่ใช้มนต์ดำเพื่อยืมชะตาชีวิตเช่นนี้จริงๆ หรือ ท่านว่าเขาเป็นใครกัน”

“การยืมชะตาชีวิตต้องใช้แปดตัวอักษรเวลาตกฟาก นอกจากคนในตระกูลแล้ว ใครจะสามารถรู้แปดตัวอักษรของนางได้ ต้องดูว่าในบรรดาญาติๆ ของนางเป็นผู้ใดที่จู่ๆ โชคดีขึ้นมา ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นคนผู้นั้น”

“หากทำลายได้แล้วจะเป็นอย่างไร”

“หากทำลายได้ โชคของนางก็จะค่อยๆ กลับมา และผู้ที่ทำพิธีกับผู้ที่ยืมชะตาชีวิตไปก็จะถูกของย้อนกลับ” ฉินหลิวซีกล่าว

อวี้ฉังคงยิ้มหยัน “สิ่งที่เรียกว่าญาติมิตรนั้น ก็คงเท่านี้แหละ”

ใครว่าไม่ใช่ล่ะ

ทางด้านเจาชิงม่านกำลังถือยันต์แคล้วคลาดอย่างเหม่อลอย เมื่อกลับไปถึงจวนเล็กที่พักอยู่ชั่วคราว ก็เดินไปเรือนฮูหยินเจาด้วยเรื่องที่กังวลในใจ

ฮูหยินเจากำลังดูบุตรชายรำหอก นางไออยู่เป็นพักๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าบุตรสาวกลับมาแล้วก็กวักมือเรียก “ม่านเอ๋อร์มาเร็ว น้องอวี้ของเจ้าได้หอกยาวใหม่มาจากข้างนอก รำอย่างคล่องแคล่วเชียว…”

ในเวลานี้เจาชิงอวี้เหวี่ยงหอกยาวในมือราวกับมังกรสะบัดหาง หัวหอกหลุดออกจากด้ามจับ พุ่งตรงไปยังเจาชิงม่าน

“แย่แล้ว คุณหนูระวัง!”

“ม่านเอ๋อร์!” ฮูหยินเจากรีดร้อง

เจาชิงม่านมองดูหัวหอกแหลมคมแวววาวพุ่งมาที่กลางหว่างคิ้วของนาง รูม่านตาเล็กลง ยกมือขึ้นบังตามสัญชาตญาณ ทันใดนั้นมือของนางก็รู้สึกร้อนราวกับไฟ นางร้องด้วยความตกใจ เมื่อเอามือออก

เพล้ง

หัวหอกที่บินไปถึงปลายจมูกของนางเหมือนถูกขวางด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น ร่วงหล่นลงพื้นด้วยเสียงดัง

หลังจากที่เจาชิงม่านเอามือออก ยันต์แคล้วคลาดที่ถืออยู่ในมือนางก็ถูกเผาไหม้หายไปในอากาศ