บทที่ 116 กับดักโยนความผิด

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 116 กับดักโยนความผิด
เพราะเหตุการณ์ผีตามหลอกหลอนเมื่อคืนนี้ ทุกคนจึงอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก โดยเฉพาะเจียงเทา เขามีอาการหงุดหงิดมาก คอยปั่นป่วนอยู่กับเฟิ่งชิงหัวตลอดทั้งวัน บอกว่าต่อให้ต้องตายก็จะหาคนมารับผิดเรื่องนี้ให้ได้

เฟิ่งชิงหัวคร้านจะสนใจ วุ่นวายกับธุระของตนเอง นางกำลังจะตอบกลับจดหมายของใต้เท้าเหยียน เดิมที่ใต้เท้าเหยียนที่ควรจะมาในวันนี้อยู่ดี ๆ ก็ได้รับคดีที่ซับซ้อน ดังนั้นวันนี้จึงไม่สามารถมาที่นี่ได้แล้ว

ภายในพลับพลา เจียงเทาหลังจากรับประทานอาหารก็เริ่มเข้ามาวนเวียนพูดกับเฟิ่งชิงหัวไม่หยุดหย่อน

“เอ้ย เจ้าได้ยินหรือไม่? เจ้าไม่เชื่อสิ่งที่ข้าพูดแม้แต่สักนิดเลยหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้ หากข้าเป็นผู้ต้องสงสัย ทุกคนก็ต้องเป็นผู้ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ราชทายาทน่าสงสัยมากที่สุด! หรือว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงกับตระกูลหนานกงทั้งสองคนยิ่งน่าสงสัยยิ่งกว่า ข้าเห็นพวกนางอยู่ตามลำพังกับนาง หนำซ้ำยังข่มขู่นางอีกด้วย หากไม่มีข้าอยู่ เกรงว่าในวันนั้นนางก็คงถูกฆ่าตายไปแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้น “ระหว่างพวกเขายังมีการบาดหมางต่อกันด้วย?”

“หรือไม่ใช่? สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้าที่ค้นพบ ข้าจะบอกเจ้าให้ เซียวรัวสุ่ยผู้นั้นหลงใหลองค์ราชทายาท กระทั่งบุกเข้าไปในห้ององค์ราชทายาทหลายครั้ง องค์ราชทายาทก็ทรงรำคาญเหลือทนมานานแล้ว ส่วนหนานกงเยว่หลีก็เคยเป็นคู่หมายขององค์ราชทายาท ข้าได้สอบถามกับคนรับใช้แล้วมาก่อนแล้วว่า ที่นางมาที่นี่ก็เพื่อยื้อองค์ราชทายาทคืนมา ส่วนคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียง ตระกูลเจียงก็ใจกล้าไม่น้อย สถานะไม่ได้สูงส่ง แต่กลับฝันถึงตำแหน่งชายาแห่งองค์ราชทายาท”

น้ำเสียงของเจียงเทาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน แต่กลับสอดคล้องกันกับความคิดในใจของเฟิ่งชิงหัว

แต่เฟิ่งชิงหัวก็พูดพร้อมเอ่ยปาก “แล้วเจ้าเล่า หรือว่าเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดต่อเซียวรัวสุ่ยเลย? ไม่เช่นนั้น เหตุใดนางจึงมาหาเจ้าด้วย?”

เจียงเทาได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา ราวกับว่าเขาไม่ต้องการพูดสิ่งใดเลย

“ถึงอย่างไร ฆาตกรก็คือหนึ่งในพวกเขาสามคน ไม่ผิดแน่นอน!” เจียงเทายืนยันหนักแน่น

“เจียงเทา ข้าวสามารถกินส่ง ๆ ได้ แต่คำพูดไม่สามารถพูดไปอย่างส่ง ๆ ได้” เฟิ่งชิงหัวพูดตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบ

เจียงเทาเมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงหัวไม่เชื่อคำพูดของตน ก็สะบัดชายแขนเสื้อเดินจากไป

ในตอนที่เจียงเทาออกไปได้ไม่นาน หนานกงเยว่หลีก็เข้ามาในพลับพลาด้วยการพยุงจากผู้คน ราวกับเพิ่งเห็นว่าในพลับพลามีคนอยู่ พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ “คาดไม่ถึงว่าท่านชายเฟิ่งอยู่ที่แห่งนี้ด้วย”

“อืม” เฟิ่งชิงหัวตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

เมื่อหนานกงเยว่หลีเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองตนด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีใจให้ตนเลย จึงทำได้เพียงละทิ้งท่าทางที่แต่เดิมดูอ่อนแอของนาง แล้วพูดออกไปพูดตรง ๆ “ท่านชายเฟิ่ง ข้ามาที่นี่เพื่อเจรจาข้อตกลงกับเจ้า”

“อ้อ?” เฟิ่งชิงหัวพูดด้วยความสนอกสนใจ “ข้อตกลงใดหรือ?”

“ที่ข้ามีหลักฐานบางอย่าง สามารถยืนยันได้ว่าฆาตกรก็คือท่านผู้นั้นแห่งตระกูลเจียง ไม่รู้ว่าท่านชายเฟิ่งต้องการค่าตอบแทนเท่าใด” หนานกงเยว่หลีพูดเสียงเบา

“คุณหนูหนานกงคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร มอบมันให้ข้าก็จบแล้ว เหตุใดจึงต้องให้ข้าจ่ายค่าตอบแทนซื้อมันมาอีก?“

“ท่านชายเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือ ให้ค่าตอบแทนกับท่าน”

“คุณหนูหนานกงมันยิ่งทำให้ข้าสงสัยเข้าไปอีก เหตุใดเจ้าให้หลักฐานกับข้า ยังจะต้องให้ค่าตอบแทนกับข้าด้วย?” เฟิ่งชิงหัวหน้าสับสน

หนานกงเยว่หลีมองสายตาของเขาอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจจริง ๆ ในใจรู้สึกดูถูกแต่ก็ชอบใจในเวลาเดียวกัน ที่แท้ก็เป็นคนโง่นี่เอง แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว

ดังนั้นจึงได้พูดตรง ๆ เรื่องที่นางต้องการให้โยนความผิด และสัญญาว่าจะให้เงินจำนวนมาก

เฟิ่งชิงหัวหัวเราะ “เกรงว่า มันจะไม่สามารถโยนความผิดได้ง่ายดายเช่นนั้นสิ?”

หนานกงเยว่หลีเห็นว่านางเริ่มติดกับ ก็พูดเสียงเบา “ท่านชายโปรดวางใจ ข้ามีแผนของข้า เพียงแค่เมื่อถึงเวลาท่านชายก็ร่วมมือแสดงละครกับข้าก็เพียงพอแล้ว”

พูดจบ ก็หยิบธนบัตรเงินออกมาปึกหนึ่งด้วยสีหน้ามีเลศนัย “นี่คือมัดจำครึ่งหนึ่ง เมื่อเรื่องเสร็จสิ้น จะตอบแทนให้ท่านอย่างงาม”

เฟิ่งชิงหัวรับเอาธนบัตรเงินไว้ พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถึงขนาดเดินไปส่งคนถึงด้านนอกพลับพลา