แม้ว่าผู้เล่นจะไม่คุ้นเคยกับความผิดปกตินี้ในตอนแรก แต่หลังจากที่พวกเขาทำความคุ้นเคยกับทักษะแล้ว การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดก็ง่ายขึ้น

ท้ายที่สุด หากไม่มีพลังเหนือธรรมชาติ สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้กับสัตว์ประหลาดก็คือการฟัน ตีลังกา ม้วนหน้าม้วนหลัง ไม่ต้องพูดถึงว่าการต่อสู้นั้นซ้ำซากจำเจและน่าเบื่อแค่ไหน หากขาดวิธีรุกที่มีประสิทธิภาพและการหลบหลีกที่ดี มันก็อันตรายมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด

ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์ประหลาดในโลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่ได้โหดเท่า AI ใน Monster Hunter*…แถมใน Monster Hunter ก็ยังมีพวกม็อบ*อยู่ด้วย

(Monster Hunter เป็นซีรีส์วิดีโอเกมแนวแอ็คชั่นแนวแฟนตาซี พัฒนาโดยบริษัท Capcom)

(ม็อบ ลูกกระจ๊อก /สมุน)

หลังจากเสียความได้เปรียบจากการลอบโจมตีในไมแอชม่า ในที่สุดราชาแมงมุมกะโหลกก็ถูกรุมโจมตีโดยทักษะของผู้เล่น มันถูกฆ่าอย่างง่ายดายแม้ว่ามันจะมีเลเวลสูงกว่าพวกเขา

ภายใต้คอมโบทักษะการโจมตีอันต่อเนื่องของผู้เล่น ประสบการณ์ต่อสู้ที่แทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณของราชาแมงมุมกะโหลก ไม่เพียงแต่ไร้ความหมาย มันยังกลายเป็นอุปสรรคในการต่อสู้อีกด้วย

ไม่ต้องพูดถึงว่าผู้เล่นกลุ่มนี้เป็นเด็กจากหมู่บ้านเคนนิงตัน พวกเขาต่อสู้ด้วยกันมานานแล้ว พวกเขาเข้าขากันมาก พูดได้ว่าพวกเขาเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยการต่อสู้อย่างระมัดระวังและพยายามหลีกเลี่ยงขากรรไกรล่างของราชาแมงมุมกะโหลก พวกเขาจึงฆ่ามันได้ไม่ยาก แม้ว่ามันจะมีเลเวลสูงกว่าพวกเขามากก็ตาม

ความจริงพวกเขาอาจจบการต่อสู้ได้เร็วกว่านี้ หากแต่ละคนไม่ต้องถือคบเพลิงไว้ในมือ

เมื่อผู้เล่นทั้ง 4 ออกเดินทางต่อหลังจากที่ราชาแมงมุมกะโหลกถูกฆ่าตาย ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นปัญหาร้ายแรงในการสำรวจครั้งนี้

การเดินทางในหมอกม่วงนั้นยากกว่าที่พวกเขาคิด ถึงพวกเขาจะมองเห็นได้ไกลหลายสิบเมตร แต่มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมอกทุกทิศทาง มันไม่มีอะไรให้พวกเขาใช้แยกแยะทิศทางได้เลย

เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะจำเส้นทางในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้

ดังนั้นหลังจากเดินไปได้สักพัก ทั้ง 4 คนก็ตระหนักว่าพวกเขากำลังหลงทาง

หากไม่ใช่เพราะรอยเลือดสีเขียวที่กระเซ็นอยู่เต็มพื้นของราชาแมงมุมกะโหลก พวกเขาคงไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าพวกเขาเดินวนกลับมาที่เดิม

“ไม่ได้การ” โกวต้านทำสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าเรายังตาบอดกันอยู่แบบนี้ เราอาจได้เดินกลับออกไปทางเดิมที่เราเข้ามา!”

คนอื่น ๆ ก็จริงจังไม่แพ้กัน

พูดตามตรง ตั้งแต่ที่ทั้งกลุ่มตกลงจะมาสำรวจหุบเขาแห่งความตายเป็นกลุ่มแรก พวกเขาก็ได้เตรียมตัวมาเป็นวีรบุรุษผู้อุทิศชีวิตเพื่อการสำรวจแล้ว

แต่การที่ต้องวิ่งวนเป็นวงกลมไปเรื่อย ๆ และเดินออกจากดันเจี้ยนไปอย่างงง ๆ จากทางเดิมที่เข้ามา แบบนั้นคงจะน่าอายอยู่ไม่น้อย…

“แล้วจะให้เราทำยังไง” โจถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง เขาทิ้งน้ำหนักตัวไปที่ดาบที่ปักอยู่บนพื้น “เรามองไม่เห็นดวงอาทิตย์หรือดวงดาวเลย ที่นี่ถูกสาป มันไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น ถึงจะเป็นพรานที่เก่งกาจก็หาทิศทางในที่แบบนี้ไม่ได้หรอก”

“เราทำเครื่องหมายลูกศรบนพื้นดีไหม” เอลีน่าเสนอความคิด

“ไม่ได้ผลหรอก” เอ็ดเวิร์ดส่ายหัว “ดินนุ่มเกินไป มีพวกเรเวแนนท์เดินผ่านไปมาตลอด สัญลักษณ์จะถูกลบหายไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่เพราะรอยเลือดของแมงมุมตัวใหญ่ที่เราฆ่ากระเซ็นไปทั่วพื้น เราคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรากำลังเดินเป็นวงกลม!”

“แล้วข้าจะทำยังไงดี?” โกวต้านเริ่มฟุ้งซ่าน

เอ็ดเวิร์ดลูบคางขณะใช้ความคิด จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น “อันที่จริงข้าก็สงสัยมาตลอด ว่าทำไมเทพเจ้าแห่งเกมต้องกำหนดให้มีผู้เล่น 3-6 คนในปาร์ตี้ ถึงจะรับเควส ‘สำรวจหุบเขาแห่งความตาย‘ ได้ แถมพอได้เข้ามาในหมอก ข้าก็สังเกตเห็นว่าแสงจากคบเพลิงเพียงอันเดียว ก็เพียงพอที่จะครอบคลุมระยะการมองเห็นของคน 6 คนได้แล้ว! เงื่อนไขที่ทุกคนต้องมีคบเพลิงเป็นของตัวเองนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย มันเหมือนเป็นบัตรผ่านมากกว่า”

“ข้อกำหนดในการเข้าร่วมเควสที่บอกว่า ‘หนึ่งคบเพลิงต่อหนึ่งคน‘ ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพราะต้องการให้พวกเราต้องเสียเวลาและพลังงานไปเปล่า ๆ หรอก เทพเจ้าแห่งเกมนั้นฉลาดและทรงพลังมาก เขาจะไม่คิดกลอุบายที่น่าเบื่อและไร้ค่าแบบนี้แน่นอน ถ้าข้าเดาไม่ผิด ข้อกำหนดนั้นต้องเกี่ยวข้องกับการเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้!”

เอ็ดเวิร์ดอธิบายสมมติฐานของเขาออกมาให้เพื่อนในปาร์ตี้ฟัง “พวกเจ้าลองคิดดูสิ ตั้งแต่เราเข้ามาที่นี่ ข้าพบก็ว่าพวกเรเวแนนท์ระดับต่ำที่หลงอยู่ในหุบเขาแห่งความตาย ดูเหมือนจะกลัวพลังของคบเพลิง และพวกมันจะไม่เข้ามาโจมตีพวกเรา ทำให้การเดินทางของเราราบรื่นมาก”

“เอ็ดเวิร์ด เจ้ากำลังจะบอกอะไรกันแน่” โจที่ยืนเอามือเท้าด้ามดาบอยู่รู้สึกสับสนมาก ในขณะที่เอลีน่าและโกวต้านดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

“ที่ข้าจะพูดก็คือ” เอ็ดเวิร์ดทำท่าทางราวกับว่าเขาได้สะดุดเข้ากับความลับที่จะทำให้โลกต้องตะลึง “ถ้าเราปักคบเพลิงลงไปที่พื้น มันจะช่วยให้เราจำทางได้!”

คบเพลิงจะส่องสว่างให้พวกเขาเห็นได้แม้จะอยู่ห่างออกไปนับ 100 เมตรในหมอกม่วง และพวกเรเวแนนท์ส่วนใหญ่ก็จะไม่โจมตีมัน ทำให้มั่นใจได้ว่าคบเพลิงจะไม่สูญหายไปอย่างง่ายดาย แถมมันยังทำหน้าที่เป็นสัญญาณเตือนภัยให้พวกเขาได้ในระดับหนึ่ง เมื่อมันหายไป พวกเขาก็จะรู้ทันทีว่ามีศัตรูที่ทรงพลังอยู่ข้างหลัง!

นอกจากนี้เงื่อนไขการเคลียร์เควส ‘สำรวจรอบนอกหุบเขาแห่งความตาย‘ แต่ละครั้ง คือระดับการสำรวจต้องถึง 1% ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องของการต่อสู้ ตราบใดที่พวกเขาสามารถเดินไปได้ในระยะทางที่ไกลพอ แค่นั้นก็ผ่านแล้ว

“ข้าเข้าใจแล้ว! หัวเจ้าดีจริง ๆ เลยเอ็ดเวิร์ด!” ในที่สุดโจก็เข้าใจ

“ใช่แล้ว! เจ้าฉลาดมากเอ็ดเวิร์ด” โกวต้านเสริม

“พี่เอ็ดเวิร์ดสุดยอดมาก!” เอลีน่าพูดชมเอ็ดเวิร์ด

เอ็ดเวิร์ดเกาหลังหัว เขาเขินนิดหน่อย “ไม่หรอกน่า เพราะเทพเจ้าของเรายอดเยี่ยมมากต่างหาก เขาซ่อนเงื่อนงำนี้ไว้อย่างรอบคอบทั้งในคำใบ้เควสและการสำรวจ”

***

ขณะเดียวกัน ซีเว่ยก็ถอนหายใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์

ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้คิดมากขนาดนั้น…

ที่เขาต้องการให้ทุกคนนำคบเพลิงของตัวเองเข้าไปในหุบเขา เขาก็ทำเพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ผู้เล่นเข้าดันเจี้ยนไวเกินไป ไม่มีความหมายอื่นแอบแฝงเลย อันที่จริงซีเว่ยลืมคิดไปเลยด้วยซ้ำว่าผู้เล่นจะหลงทางในหมอกม่วง เนื่องจากเขามีมินิแมพทุกครั้งที่เขาเล่นเกม

ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว ซีเว่ยก็ไม่อาจอวตารลงมาต่อหน้าพวกเขาเพื่อบอกว่าพวกเขาคิดผิด และพระเจ้าของพวกเขาไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น

ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เฝ้าดู ในขณะที่เด็กทั้ง 4 คนจากหมู่บ้านเคนนิงตัน ปักคบเพลิงลงดินและก้าวต่อไปข้างหน้า

น่าเสียดายที่เมื่อคบเพลิงอันสุดท้ายถูกใช้จนหมด และระดับการสำรวจสูงถึง 0.95% แล้ว จู่ ๆ พวกเด็ก ๆ ก็โดนสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในไมแอชม่าซุ่มโจมตีจนตาย

แม้แต่เอลีน่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถหลบหนีได้ เด็กทั้ง 4 คนเสียชีวิตไปทีละคน จากนั้นทีมสำรวจหุบเขาแห่งความตายทีมแรกก็ถูกทำลายลง

3 วันต่อมา เมื่อพวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาข้างไลฟ์สโตน พวกเขาก็เห็นมาร์นี่ที่ฟื้นขึ้นมาก่อนกำลังคุยโวกับผู้เล่นที่ไม่กล้าเข้าไปในหุบเขา

“ข้าจะบอกให้ว่าแมงมุมตัวนั้นน่ะ ดวงตาของมันกลมโตและใหญ่มาก” เขาเริ่มวาดภาพในอากาศเมื่อเขานึกไปถึงตอนที่เขาตาย “ข้านี่ช็อกมาก ตอนที่ถูกมันซุ่มโจมตี!”

“แล้วทำไมเจ้าไม่โจมตีมันคืนล่ะ” ใครบางคนถาม

“ข้ากะจะทำอยู่แล้ว แต่ข้ากลับถูกฆ่าตายทันที แล้วข้าจะไปทำอะไรได้?!” มาร์นี่คร่ำครวญขณะที่เขาตบต้นขาตัวเอง

“ไอ้บ้า ไปแจกมันง่าย ๆ ซะงั้น!” ผู้เล่นคนอื่นหัวเราะ

“การแจกเป็นเรื่องปกติเมื่อเราต้องอยู่แนวหน้า” มาร์นี่พึมพำ

ผู้เล่นพากันหัวเราะและเติมเต็มพื้นที่รอบ ๆ ไลฟ์สโตนด้วยบรรยากาศแห่งความสุข

—————————————————————————————