ตอนที่ 3 จุดตันเถียนน้ำวน

ข้างบ่อน้ำภายในหุบเขาวายุเหมันต์ หยางเย่นั่งหลับตาไขว้ขาบนพื้นอย่างสงบ เขาเพ่งจิตไปยังร่างกาย

หลังอาการตื่นเต้นก่อนหน้านี้ หยางเย่รู้สึกประหลาดไม่น้อย เขาคิดไม่ตกกับการมีตันเถียนสองจุด ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจหาคำตอบถึงตันเถียนน้ำวนต่อไป

ยามนี้ เขาเห็นจุดตันเถียนน้ำวนอย่างชัดเจน ขนาดมันเท่าฝ่ามือเท่านั้น มันยังคงดูดพลังที่เล็ดลอดออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง มันจะดูดพลังที่ไหลออกมาจากการฝึกฝนของเขาตลอดเวลา

ตันเถียนน้ำวนนี้ดูดซับพลังปราณอย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้เขาไม่สามารถเป็นผู้ใช้พลังปราณได้ ไม่หรอก อันที่จริงเขาเข้าสู่ขั้นผู้ใช้พลังปราณมานานแล้วต่างหาก การเป็นผู้ใช้พลังปราณขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัว หากสามารถดูดซับพลังปราณล้ำลึกโดยไม่ส่งผลกระทบใดต่อผู้ใช้ ถึงจะเรียกว่า ผู้ใช้พลังปราณ

เมื่อเขามีพลังปราณล้ำลึกเข้าสูู่ร่างกาย ทั้งหมดจะถูกดูดไปโดยตันเถียนน้ำวนทันที เหตุนี้ทำให้เขาคิดไปเองว่าสามารถเป็นผู้ใช้พลังปราณได้ แต่จากที่เห็น เขาเป็นผู้ใช้พลังปราณแล้ว

หยางเย่พยายามควบคุมจุดตันเทียนน้ำวน อันที่จริงน้ำวนนี้อยู่ในตัวเขาอยู่แล้ว มันควรจะเป็นพลังของเขา ทุกครั้งที่ตั้งใจจะควบคุมพลังน้ำวน ดูเหมือนมันจะถูกกระตุ้นจากบางสิ่งและเร่งการโคจรพลังจนสลายไป เหตุนี้ ทำให้เขาไม่สามารถดึงพลังลมปราณล้ำลึกออกมาใช้ได้

“พลังปราณมันเป็นของข้า!” หลังจากพยายามอย่างหนัก หยางเย่ค่อนข้างหงุดหงิดเมื่อเห็นตันเถียนน้ำวนไม่ยอมคายพลังปราณออกมา เขาสาปแช่งในใจ หากไม่สามารถควบคุมพลังนี้ได้ เขาไม่ต้องทำงานเพื่อสิ่งนี้ไปตลอดชีวิตหรือ?

ที่สำคัญ หากไม่สามารถใช้พลังปราณล้ำลึกได้ เขาจะฝึกฝนอย่างหนักเพิ่มได้เช่นไร? ยิ่งไปกว่านั้น การฝึกฝนของเขามันถึงขีดจำกัดแล้ว ในตอนนี้ เขาไม่มีทรัพยากรในการฝึกฝนพลังและพลังปราณล้ำลึกสำหรับฟื้นฟูร่างกาย ยิ่งเขาฝึกหนัก ร่างกายมีแต่จะรับภาระหนักยิ่งขึ้นตาม

“แบ่งให้ข้าสักนิดเถอะ แค่นิดเดียว เจ้าทราบดีหากไม่มีข้า เจ้าก็ไม่สามารถดูดซับพลังได้ แบ่งให้ข้าสักหน่อยได้ไหม เมื่อข้าสามารถดูดซับพลังปราณล้ำลึกได้มากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนั่นข้าก็ให้เจ้าต่ออยู่ดีไม่ใช่หรือ? เจ้าคิดเห็นเช่นไร? มันเป็นการดีหากเราจะร่วมมือกัน หากเจ้าไม่ให้ความร่วมมือมันก็ไม่ดีต่อเราทั้งคู่หรอกนะ!”

จากการพยายามทุกหนทาง หยางเย่จำต้องเจรจากับมัน แม้จะต้องใช้วิธีใดก็ตาม เพราะพลังนี้เป็นผลจากการฝึกฝนของเขา เขาไม่มีทางเลือก พลังปราณล้ำลึกคือกุญแจสู่การเป็นผู้ใช้พลังปราณที่แท้จริง ทั้งยังเป็นตัวบ่งชี้การกลายเป็นศิษย์นอกสำนัก ดังนั้น เขาไร้ซึ่งทางเลือกใดอีกต่อไป

ผ่านไปชั่วครู่ ก่อนที่หยางเย่จะสบถคำด่าออกมา น้ำวนที่ไร้ซึ่งการตอบสนองปรากฏเส้นใยพลังปราณทองคำไหลออกมา เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ หยางเย่ถึงกับกระโดดโลดเต้น เส้นใยนั้นยังไหลออกมาไม่สิ้นสุด จนเมื่อมันถึงยี่สิบสาย ทำให้ตันเถียนน้ำวนหยุดหมุน

เส้นใยพลังปราณทองคำไหลเข้าสู่จุดตันเถียนปกติของเขา หยางเย่ตะโกนออกมาเมื่อเส้นใยพลังปราณทองคำไหลตรงเข้าสู่จุดสำคัญของร่างกายภายในตัวเขา จากนั้น เส้นใยทองคำไหลเข้าไปอย่างช้าสู่กล้ามเนื้อ หยางเย่ได้ยินเสียงเซลล์ร้องดีใจออกมาจากกล้ามเนื้อของเขา ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้จางหายไปหมดสิ้นก่อนที่มันจะแทนที่ด้วยพลังงานมหาศาล

ขณะที่หยางเย่กำลังสับสน เขารู้สึกราวกับบางสิ่งเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนตัว เขารีบถอดเสื้อออกพร้อมก้มลงมองดู หยางเย่ต้องตะลึง ผิวหนังกำลังร่วงออกอย่างไว

ผิวหนังของเขากำลังถูกแทนที่ใหม่!

มันเป็นสัญญานการบรรลุสู่วิชากระตุ้นกายขั้นที่สี่ หมายความว่าเขากลายเป็นผู้ใช้พลังปราณขั้นที่สี่แล้ว

“ฮ่าฮ่า!” เมื่อเขานึกถึงสิ่งนี้ หยางเย่กระโดดขึ้นจากพื้นพร้อมหัวเราะลั่นออกมา จากนั้นไม่นาน เขารู้สึกมีบางสิ่งผิดปกติจึงหยุดหัวเราะและมองไปที่ร่างกายอีกครั้ง

ขณะมองไปยังร่างกายที่กำลังผลัดผิว หยางเย่รีบถอดเสื้อผ้ากระโจนลงบ่อน้ำ เขาพลิกตัวขึ้นลงหลังจากเห็นผิวหนังผลัดเปลี่ยน ก่อนที่จะพุ่งขึ้นมาลูบไปยังผิวหนังและหน้าอก ทุกครั้งที่สัมผัส มันรู้สึกราวกับสัมผัสหินเรียบ สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกประหลาดยิ่งนักกลางฝ่ามือเขา

ปัป! ปัป! ปัป!

หยางเย่ระงับอาการตื่นเต้นในหัวใจเขาพร้อมหยิบกิ่งไม้ขึ้นมา จากนั้น เขาเริ่มใช้วิชาดาบพื้นฐาน เมื่อเริ่มใช้พลัง เสียงลมพายุกระหน่ำพัดสิ่งที่อยู่บนพื้นลอยขึ้นสู่อากาศ พลังในอดีตเทียบสิ่งนี้แทบไม่ติด

หลังจากทดสอบพลัง หยางเย่รีบควบคุมพลังปราณจิตสู่ร่างกายอีกครั้ง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความดีใจ ถูกต้อง มันไม่ใช่ความผิดพลาดอีกต่อไป เขาบรรลุพลังปราณมนุษย์ขั้นที่สี่แล้ว

ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าสู่ขั้นพลังปราณมนุษย์ขั้นสี่ทันทีหลังจากเป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึก หยางเย่รู้สึกราวกับความฝัน จากนั้นเขาเข้าใจในทันใด ตั้งแต่ที่เข้ามายังสำนักดาบราชัน เขาฝึกฝนวิชากระตุ้นกายอย่างหนักหน่วง แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ที่พากเพียรที่สุดในหมู่ศิษย์นอกสำนัก แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสามอันดับแรกเป็นแน่

ตั้งแต่แรกที่เขาฝึกฝนวิชากระตุ้นกาย เวลาผ่านไปถึงสองปีแล้ว ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก พลังปราณล้ำลึกที่เข้าสู่ร่างกาย มันราวกับเขาถือใบเบิกเงินอยู่ในมือที่สามารถใช้มันได้ตลอดเวลา

กล่าวคือ การสะสมพลังอันมากมายของเขาแสดงผลออกมาในที่สุด!

หยางเย่ขมวดคิ้วทันทีเมื่อนึกถึงปัญหาอีกอย่าง มันคือสีทองคำของพลังปราณล้ำลึก! พลังปราณล้ำลึกทองคำ? “มันเป็นเฉพาะข้าผู้เดียว หรือเกิดขึ้นกับผู้ใช้พลังปราณล้ำลึกผู้อื่นด้วยนะ?” หยางเย่ค่อนข้างสับสน

ช่างมันสิ! เมื่อข้ากลายเป็นศิษย์นอกสำนักแล้ว มันคงกระจ่างเองเมื่อพบปะกับผู้ใช้พลังปราณท่านอื่น หยางเย่ไม่ใช่คนที่จะเก็บเรื่องเล็กน้อยมาคิด เขาเพียงแค่นึกถึงมันชั่วครู่และวางลงอย่างง่ายดาย

หยางเย่นั่งไขว้ขาบนพื้นก่อนที่จะเริ่มประสานพลังอีกครั้ง แต่ตอนนี้ พลังปราณทองคำที่พุ่งเคยเข้าสู่จุดตันเถียนก่อนหน้าหายไปหมดสิ้น

“น้องชาย ข้านึกว่าเจ้าเข้าใจข้าแล้ว ใยต้องทำเช่นนี้อีก? มาแบ่งพลังปราณล้ำลึกที่ข้าดูดซับให้เท่าเทียมกัน ข้าจะมอบพลังปราณล้ำลึกที่ดูดกลืนแก่เจ้า จากนั้นเจ้าจึงค่อยให้พลังปราณทองคำกลับสู่ข้า นี่ไม่ใช่การคิดใช้ประโยชน์จากเจ้า เพราะเจ้าเองก็คงจะตระหนักได้ว่า เหากข้าแข็งแกร่งขึ้น เจ้าก็สามารถดูดกลืนพลังปราณได้มากขึ้น หากข้าไม่แกร่งขึ้นก็อาจมีพลังไม่เพียงพอ เช่นนั้นหากข้าแข็งแกร่งขึ้น ก็เท่ากับเจ้าได้รับพลังปราณล้ำลึกมากขึ้น เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

หยางเย่รู้สึกไร้สาระเมื่อคิดว่าตันเถียนน้ำวนสามารถเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด มันไร้ซึ่งเหตุผลใด มันแค่ความรู้สึกของเขา ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจสนทนากับตันเถียนน้ำวน มิเช่นนั้น หากเขาไร้ซึ่งพลังปราณนี้ในอนาคต มันคงเหลือแค่ความรู้สึกปวดร้าวเช่นเดิม

ชั่วขณะหนึ่ง หยางเย่รู้สึกกระวนกระวายใจไม่น้อย ทันใดนั้น ตันเถียนน้ำวนเริ่มโคจรพลังอีกครั้งและหยุดลง

หยางเย่เริ่มยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกถึงการกระทำของตันเถียนน้ำวน สัญชาตญาณบอกว่ามันเห็นด้วยกับสิ่งนี้ เพราะเห็นได้ชัดว่าตันเถียนน้ำวนไม่ค่อยพอใจกับความเร็วในการดูดซับพลังของเขา มันจึงตัดสินใจให้เขาแข็งแกร่งขึ้นก่อน ราวกับเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง

หลังจากสวมเสื้อผ้า หยางเย่เดินออกมายังโขดหินที่เขาเก็บชิ้นเหล็กไว้ เขาสวมมันอีกครั้ง ตอนนี้มันไม่รู้สึกถึงความหนักอึ้งอีกแล้ว

เขาไม่รู้วิชาสำหรับฝึกฝนในตอนนี้ จึงทำได้แค่ใช้วิชากระตุ้นกายเพื่อดูดซับพลังงานล้ำลึก ยิ่งเขาฝึกอย่างหนักแค่ไหน พลังปราณล้ำลึกที่สามารถดูดซับได้มากเท่าไหร่ ก็เท่ากับได้รับพลังปราณทองคำมากเท่านั้น ด้วยพลังปราณทองคำที่เขาได้มานั้น มันสามารถใช้เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายและพัฒนาการฝึกฝนของเขาได้

“อ๊า!!! ช่วยด้วย!! อย่าตามเปาเอ๋อมานะ!! ท่านปู่! ช่วยข้าด้วย!!” ขณะที่หยางเย่ฝึกอย่างหนักจนถึงขีดสุด เสียงร้องไห้แหลมดังออกมาจากในป่า จากการฟังเสียงนั้น เห็นได้ชัดว่าคือเสียงเด็กผู้หญิง

ขณะที่หยางเย่กำลังงุนงง พื้นแผ่นดินก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้น สัตว์ประหลาดร่างมหึมากำลังอาละวาดอยู่ข้างหลังเด็กผู้หญิง

จ้าวแห่งอสรพิษ !

เมื่อเขาเห็นสัตว์ประหลาดยักษ์ สีหน้าหยางเย่กลายเป็นซีดเหมือนเด็กผู้หญิง นั้นงูตัวน้อยเหรอ? ไม่ใช่ มันคือจ้าวอสรพิษ!

จ้าวอสรพิษคือสัตว์อสูรทมิฬระดับห้า ร่างกายที่ใหญ่โตเท่ากับผู้ใหญ่สามคน ความยาวประมาณสิบเมตร ดวงตาขนาดเท่ากำปั้น สิ่งน่ากลัวที่สุดของมันคือผิวหนังและพลังป้องกันที่ฟันแทงไม่เข้าแม้จะมีวิชาดาบก็ตาม!