บทที่ 101 โอกาสของถังหว่าน
บทที่ 101 โอกาสของถังหว่าน
ศูนย์กีฬาโอลิมปิกจินหลิง
ยังมีเวลาอีกสามชั่วโมงก่อนที่คอนเสิร์ตของอู๋หมิ่นหรูจะเริ่ม ผู้คนจำนวนมากอยู่นอกสถานที่จัดงาน ถนนทุกสายในระยะไม่กี่กิโลเมตรเป็นอัมพาต ตำรวจจราจรจำนวนมากปิดทางแยกทั้งหมดและห้ามรถทุกคันผ่านเข้าออก เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจำนวนมากกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
หยาดน้ำฝนปรอย ๆ ไม่สามารถทำให้ความกระตือรือร้นของแฟน ๆ ลดลงได้ พวกเขาเข้าต่อคิวเข้าแถวอยู่นอกทางเข้าสนามกีฬา
จ้าวเสี่ยวเสียนเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยสื่อจินหลิง ด้วยภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี ทั้งยังมีบุคลิกร่าเริงและรูปลักษณ์งดงาม เธอจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามดอกไม้สีทองของวิทยาลัยสื่อจินหลิง และเป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ
วันนี้เธอและรูมเมทสามคนรีบมาที่นี่เพื่อดูคอนเสิร์ตของอู๋หมิ่นหรู แต่แล้วก็ต้องตกใจกับจำนวนฝูงชนจำนวนมาก
ครั้นฟังรูมเมทของตนชื่นชมอู๋หมิ่นหรู จ้าวเสี่ยวเสียนจึงรู้สึกอิจฉา เธอเองก็อยากเป็นดาราดัง แม้ว่าจะไม่สามารถเป็นท็อปสตาร์ได้ แต่ตราบใดที่เธอสามารถเป็นเหมือนถังหว่านนักร้องหญิงที่ตนเองชื่นชอบ ชื่อเสียงระดับนั้นเธอก็พอใจแล้ว
“เอ๊ะ ดูเฉินอันฉีด้านหลังทางขวานั้นสิ” จู่ ๆ หญิงสาวคนหนึ่งก็พูดขึ้น
“นั้นเฉินอันฉีจริง ๆ ด้วย เธอก็มาคอนเสิร์ตด้วยงั้นเหรอ? เธอเป็นแฟนคลับของอู๋หมิ่นหรูด้วยเหรอ?” หญิงสาวอีกคนประหลาดใจ
จ้าวเสี่ยวเสียนมองไปทางด้านหลัง และแน่นอนว่าเห็นเฉินอันฉียืนพูดคุยกับหญิงสาวสองคนในแถว
จ้าวเสี่ยวเสียนไม่ชอบเฉินอันฉี
เธอเป็นคนสวยและมีฐานะครอบครัวที่ดี แต่เฉินอันฉีสวยกว่าและมีบุคลิกเฉพาะตัวมากกว่าเธอและสภาพครอบครัวก็ไม่เลว แม้เฉินอันฉีจะไม่ได้เป็นหนึ่งในสามดอกไม้ของวิทยาลัย แต่เฉินอันฉีก็เคยขึ้นบัลลังก์ดอกไม้ประจำโรงเรียนอันดับหนึ่ง
เมื่อจ้าวเสี่ยวเสียนพบเฉินอันฉีที่วิทยาลัย เธอมักจะรู้สึกว่า ‘ให้จิวยี่มาเกิดเเล้ว ไฉนขงเบ้งต้องเกิดมาด้วย’
“ฉันไม่ใช่แฟนคลับของอู๋หมิ่นหรู” จู่ ๆ จ้าวเสี่ยวเสียนก็พูดขึ้น
เสียงของเธอไม่ได้ดังนัก แต่คนรอบตัวกลับได้ยินอย่างชัดเจน
รูมเมทหลายคนของเธอสบตากัน และหญิงคนหนึ่งก็พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เสี่ยวเสียน แม้ว่าเธอจะไม่ใช่แฟนของอู๋หมิ่นหรูก็อย่ามาพูดที่นี่ ถ้าเธอพูดดังกว่านี้ ฉันเกรงว่าพวกแฟน ๆ ที่อยู่รอบข้างจะโกรธเอา และเข้ามาทุบตีได้”
“ใช่ เราทุกคนรู้ดีว่าเธอชอบถังหว่าน แต่ช่วยทำตัวสงบเสงียมหน่อยได้ไหม อย่าปล่อยให้เราที่ติดตามเธอต้องถูกทุกคนรังเกียจเลย” หญิงอีกคนพูดอย่างหมดหนทาง
จ้าวเสี่ยวเสียนจึงปิดปากเงียบไม่พูดสิ่งใดอีก
หลังเวทีคอนเสิร์ต ภายในศูนย์กีฬาโอลิมปิก
ถังหว่านกำลังนั่งอยู่ในห้องรับรองชั่วคราวและพูดคุยกับหญิงวัยสามสิบอย่างมีความสุข หญิงคนนี้คืออู๋หมิ่นหรูราชินีแห่งเสียงเพลง ตัวเอกของคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้
“เสี่ยวหว่าน ระหว่างการซ้อมคุณทำได้ดีมาก แต่ฉันสงสัยว่าทำไมช่วงหกเดือนที่ผ่านมาคุณถึงไม่ปล่อยเพลงใหม่เลย? เป็นเพราะคุณกำลังเตรียมอัลบั้มใหม่ยู่หรือเปล่า” อู๋หมิ่นหรูถาม
“ใช่ค่ะ ฉันกำลังทำอัลบั้มใหม่” ถังหว่านพยักหน้า
“เตรียมตัวเป็นไงบ้าง”
“เรายังไม่พบเพลงที่ใช่” ถังหว่านกล่าวด้วยความเสียใจ
อู๋หมิ่นหรูพยักหน้าช้า ๆ
เนื่องจากเธอได้รับโทรศัพท์จากอู๋ฉี่หางพี่ชายของเธอ ดังนั้นจึงส่งคนไปสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของถังหว่าน และพบว่าเม่ยอิงเอนเตอร์เทนเมนท์ต้นสังกัดของถังหว่านไม่ค่อยลงทุนกับหญิงสาวคนนี้เลย แต่กลับไปลงทุนกับนักร้องหญิงอีกคนของค่ายแทน
อาจกล่าวได้ว่าถังหว่านกำลังนั่งอยู่ตั่งเย็น[1]
“อ่า ฉันได้ยินมาว่าสัญญาของคุณกำลังจะหมดลง?” อู๋หมิ่นหรูถาม
“ใช่ค่ะ เหลือเวลาอีกแค่เจ็ดแปดเดือน”
“คุณมีความคิดที่จะเปลี่ยนงานไหม” อู๋หมิ่นหรูถามเคล้ารอยยิ้ม
ถังหว่านเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย
อู๋หมิ่นหรูฉลาดเมื่อเห็นถังหว่านลังเล เธอรู้สึกเหมือนมีกระจกอยู่ในใจและรู้ว่าถังหว่านตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญากับเม่ยอิงเอนเตอร์เทนเมนท์
เธอชอบถังหว่านมาก
ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นเกี่ยวกับสไตล์ของถังหว่านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ระดับการร้องเพลง หรือรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอ ทั้งหมดนี้ต่างก็มีศักยภาพที่จะจุดประกายครั้งใหญ่ หากสามารถลงทุนกับถังหว่านได้มากกว่านี้ แม้ว่าจะหาเพลงดี ๆ ให้เธอฟังอีกสักสองสามเพลงก็น่าจะสามารถทำให้เป็นนักร้องที่ดีได้
“เสี่ยวหว่าน คุณรู้สถานการณ์ของฉันในตอนนี้ไหม” อู๋หมิ่นหรูถาม
“ฉันเคยได้ยินมาบ้าง”
“ตั้งแต่คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณควรรู้ว่าฉันยกเลิกสัญญากับบริษัทเดิมเมื่อไม่กี่ปีก่อน และก่อตั้งบริษัทเล็ก ๆ ขึ้นด้วยตัวเอง จนถึงตอนนี้นอกจากฉันแล้ว บริษัทของฉันได้เซ็นสัญญากับนักร้องไปสองคนเท่านั้น ทั้งยังเป็นนักร้องผู้ชายทั้งคู่” อู๋หมิ่นหรูมองไปที่ถังหว่านและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณยินดีที่จะมาที่บริษัทของเรา ฉันสามารถให้ข้อกำหนดการเซ็นสัญญาได้ คุณคิดว่ายังไง”
“ฉัน…” ถังหว่านอ้ำอึ้ง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
“ฉันให้อิสระกับคุณได้ หากคุณเต็มใจที่จะออกเพลงใหม่ ฉันจะออกไปหาเพลงใหม่ที่เหมาะกับคุณ ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะรับโฆษณาและเข้าร่วมกิจกรรม ฉันจะไม่บังคับให้คุณทำ สิ่งเหล่านี้สามารถเขียนลงในสัญญาได้” อู๋หมิ่นหรูยิ้ม
จิตใจของถังหว่านสั่นไหว
เธอต้องการเป็นอิสระ เพราะเธอมีลูกสาวที่ต้องดูแลนอกเหนือจากอาชีพการงาน
อู๋หมิ่นหรูตระหนักดีว่าดวงตาของถังหว่านเป็นประกาย จึงรีบขว้างอาวุธสังหารออกมาอีกครั้งทันที “ตอนนี้ฉันกำลังส่งเสริมการลงทุน ฉันมีช่องทางและการติดต่อทั้งหมด แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือการสนับสนุนทางการเงิน หากคุณเต็มใจที่จะลงทุน คุณสามารถเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเราได้ด้วย”
ถังหว่านตกใจมาก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในวงการบันเทิง เธอเข้าใจความจริงอย่างลึกซึ้งว่าการทำงานให้กับผู้อื่นมักจะเป็นงานพาร์ทไทม์เสมอ ถ้าเธอสามารถถือหุ้นในบริษัทได้ เธอก็จะเป็นเจ้าของมันด้วย
“งั้น…” ถังหว่านลังเลที่จะถาม
“แน่นอน!” อู๋หมิ่นหรูยิ้ม
“ต้องลงทุนเท่าไหร่คะ”
“การประเมินมูลค่าปัจจุบันของบริษัทอยู่ที่ประมาณสามร้อยล้านหยวน และฉันจะขายหุ้นเพียง 10% เท่านั้น หากมีคนอื่นลงทุน ฉันต้องเพิ่มมูลค่าตลาดของบริษัทเป็นสองเท่า อย่างน้อยก็หกสิบล้าน เพื่อให้ได้ 10% ของจำนวนหุ้น” อู๋หมิ่นหรูยิ้ม เธอชี้ไปที่ถังหว่านแล้วพูดว่า “หากคุณเต็มใจเข้าร่วม คุณจะต้องจ่ายเพียงสามสิบล้านหยวน แต่จะไม่ได้รับค่าการเซ็นสัญญา”
สามสิบล้านหยวน?
ใบหน้าของถังหว่านกระตุกเล็กน้อย
ปัจจุบันเธอมีเงินฝากทั้งหมดเพียงยี่สิบล้าน
อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาเหลืออีกประมาณเจ็ดแปดเดือน หากเธอทำงานหนักในช่วงเวลานี้ รับงานเกี่ยวกับกิจกรรมให้มากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการกินและซื้อเสื้อผ้า เท่านี้ก็จะไม่มีปัญหาในการหาเงินอีกสิบล้าน
“พี่อู๋ ฉันมีคำถาม”
“คุณถามได้เลย!”
“เท่าที่ฉันรู้ ครอบครัวของอู๋รวยมาก นับประสาอะไรกับเงินสามสิบล้าน ต่อให้ถึงสามร้อยล้าน พวกเขาก็ลงทุนให้คุณได้ง่าย ๆ ทำไมคุณไม่ไปหาพวกเขาล่ะ”
“พวกเขาก็คือพวกเขา และฉันก็คือฉัน ฉันไม่ต้องการให้บริษัทของฉันยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นในครอบครัว” อู๋หมิ่นหรูกล่าวอย่างจริงจัง
ถังหว่านพยักหน้าอย่างใช้ความคิดก่อนจะพูดว่า “ฉันจะคิดเรื่องนี้แน่นอน และจะตอบกลับคุณโดยเร็วที่สุด”
“โอเค ฉันรอข่าวดีของคุณอยู่นะ” อู๋หมิ่นหรูยิ้ม
[1] เป็นการอุปมา หมายถึง ว่าง ไม่มีงานทำ