ตอนที่ 127 วันส่งท้ายปีเก่า

ตอนที่ 127 วันส่งท้ายปีเก่า

ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่ก็คิดว่าหล่อนสนใจปักกิ่ง จึงเล่ารายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงให้หล่อนได้ฟัง

ซูหว่านอี๋ได้ยินดังนั้น จึงเอ่ยถาม “แล้วพวกลูกได้ไปหาหรูฮวนไหม ถ้าอย่างนั้น…ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาอยู่ที่บ้านพ่อบุญธรรมน่ะสิ ไม่ได้ไปหาใครเลยเหรอ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็มองด้วยความสงสัย

“แม่ นอกจากหรูฮวน หนูก็ไม่รู้จักใครในปักกิ่งแล้วนะคะ ไม่เห็นจะต้องไปหาใครเลย”

ซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนั้นจึงแอบโล่งใจ

จากนั้นฉินมู่หลานก็ได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้วซูหว่านอี๋ไม่ได้สนใจอะไรเมืองหลวงเลยสักนิด เพียงแค่อยากรู้ว่าเธอไปทำอะไรที่เมืองหลวงมาบ้าง เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เธอก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรซูหว่านอี๋ถึงกังวลเรื่องที่เธอไปเมืองหลวงมา หากแม่อยากจะถามก็น่าจะถามเรื่องที่ไปอยู่ฐานทัพกับอาหลี่ด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง

“แม่คะ ทำไมอยู่ ๆ ถึงถามเรื่องพวกนี้กับหนูล่ะ?”

ซูหว่านอี๋ได้ยินคำพูดของลูกสาว จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “แม่ก็แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ”

ขณะที่กำลังพูด หล่อนก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาอีกครั้ง แล้วไปถามถึงตอนที่เธออยู่ที่ฐานทัพแทนอย่างละเอียดแทน “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเล่าเรื่องที่อยู่กับอาหลี่ที่นู่นให้แม่ฟังหน่อยสิ แล้วหลังปีใหม่ลูกจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลยหรือเปล่า ลูกอยู่ที่นั่นชินหรือยัง?”

เมื่อเห็นว่าซูหว่านอี๋ไม่ได้อยากจะอธิบายเรื่องนั้น ฉินมู่หลานจึงไม่เซ้าซี้ไปมากกว่านี้ ทำเพียงเล่าเรื่องตอนอยู่ที่ฐานทัพให้ฟังเพียงสั้น ๆ เท่านั้นโดยไม่ได้เอ่ยอะไรมาก

เมื่อแม่และลูกสาวคุยกันใกล้จบแล้ว หวังจาวตี้ก็เข้ามาเรียกไปกินข้าว

“ป้ารอง มู่หลาน กินข้าวได้แล้วค่ะ”

ซุนฮุ่ยหงและลูกสะใภ้ทั้งสองของหล่อนเป็นคนทำอาหารกลางวัน ตอนนี้ซุนฮุ่ยหงไม่ต่อต้านฉินมู่หลานแล้ว เป็นเพราะฉินมู่หลานทำให้สะใภ้ทั้งสองตั้งครรภ์ได้สำเร็จ ดังนั้นตอนนี้เมื่อได้เจอฉินมู่หลานหล่อนจึงยิ้มออก

ตอนแรกตระกูลฉินก็คนเยอะอยู่แล้ว พอวันนี้มีฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่มาที่นี่ด้วย จึงยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้น

หลิวชุ่ยฮวาพยายามขอให้หลานสาวกับหลานเขยกินข้าวเยอะ ๆ ส่วนหลานชายกับหลานสะใภ้นั้นปล่อยให้พวกเขาได้กินกันเอง ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นมื้ออาหารที่อู้ฟู่ หากได้กินก็คงดีไม่น้อย

ตระกูลฉินไม่ได้มีกฎเกณฑ์มากมายในเรื่องการกิน ทุกคนจึงพูดคุยกันระหว่างรับประทานอาหารได้

และซุนฮุ่ยหงก็ได้เล่าเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านขึ้นมา

“จริงสิ พวกเธอรู้กันหรือเปล่า เย่เสี่ยวเหอลูกสาวผู้ใหญ่บ้านน่ะ หลังจากแต่งงานกับเฝิงจื้อหมิงก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย กระทั่งช่วงปีใหม่ก็ไม่กลับมาด้วยซ้ำ เป็นลูกสาวที่แต่งงานแล้วเหมือนน้ำที่โดนสาดทิ้งเลยนะ ทำอย่างกับว่าไม่เคยมีลูกสาวอย่างนั้นล่ะ”

ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นก็มองเซี่ยเจ๋อหลี่

เซี่ยเจ๋อหลี่มองสบตาก่อนจะรู้ใจ แล้วทำเพียงก้มหน้าก้มตากินไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจรู้สึกพอใจกับข่าวนี้มาก งานที่เขาลงมือไปก่อนหน้านี้ไม่เสียเปล่าเลยจริงๆ

หลังจากทั้งสองกินข้าวเสร็จแล้ว ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับบ้านพร้อมกัน

“มู่หลาน อาหลี่ พวกลูกรีบกลับกันเถอะ ฉันดูแล้วมู่หลานเหมือนจะง่วง หลังจากพวกเธอกลับไปก็งีบหลับกันสักหน่อย”

ไม่นานมานี้ฉินมู่หลานได้เปลี่ยนนิสัยการนอนไป จึงตั้งใจจะกลับไปงีบหลับจริง ๆ แต่ตอนนี้จะเข้าสู่ปี 1976 แล้ว เธอจึงหันมองฉินเคอวั่งน้องชายของตน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “เคอวั่ง ได้อ่านหนังสือบ้างหรือเปล่า?”

“พี่สบายใจได้ครับ ช่วงนี้ผมอ่านหนังสือทุกวัน และก็ไม่ลืมที่จะหาเงินด้วย หมอซ่งที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนชมยาที่ผมปรุงว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยครับ”

เมื่อเห็นว่าฉินเคอวั่งดูภูมิใจนิดหน่อย ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะยิ้มและเอ่ยชม “เคอวั่งของพวกเราสุดยอดมากเลยนะ แต่ต้องตั้งใจอ่านหนังสือดี ๆ ด้วยล่ะ ต้องอ่านความรู้ม.ต้นกับม.ปลายทุกจุดให้แตกฉาน”

ซูหว่านอี๋ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “มู่หลาน แม่จะกวดขันน้องเอง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาอ่านครบถ้วนแล้ว” ถึงอย่างไรหล่อนก็ได้ทราบจากลูกชายด้วยว่าลูกสาวของหล่อนเองก็ตั้งใจเรียนมากเช่นกัน จึงเอ่ยถามเธอไปในแบบเดียวกัน

“มู่หลาน แล้วตอนนี้ลูกอ่านหนังสือบ้างไหม?”

เมื่อคิดว่าตัวเองไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ ฉินมู่หลานจึงรู้สึกผิดนิดหน่อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งปี เธอจึงมั่นใจว่าตัวเองจะอ่านได้ทันเวลาแน่นอน “แม่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ หนูเองก็อ่านทุกครั้งที่มีเวลา”

“ก็ดี อ่านหนังสือเยอะถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าลูกเหนื่อยก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะ”

ซูหว่านอี๋ย่อมอยากเห็นลูกสาวของตนพัฒนาขึ้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ลูกสาวกำลังตั้งครรภ์ สุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญสุด

“แม่ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูรู้ตัวเองดี”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

ฉินมู่หลานพูดคุยกับซูหว่านอี๋อยู่อีกสองสามคำ เธอก็กลับไปพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่ หลังจากกลับไปถึง ฉินมู่หลานก็หลับพักผ่อนอยู่สักพักหนึ่ง จนกระทั่งตกเย็น เธอก็ลุกขึ้นแล้วไปช่วยเตรียมอาหารเย็นในคืนวันส่งท้ายปีเก่าด้วย

เหยาจิ้งจือและหลี่เสวี่ยเยี่ยนกำลังยุ่งอยู่ในครัว เมื่อทั้งสองเห็นฉินมู่หลานมา จึงรีบบอกให้เธอนั่งพักทันที

“มู่หลาน เดี๋ยวฉันกับแม่จัดการเรื่องอาหารเอง เธอไปนั่งพักให้สบายเถอะ”

ฉินมู่หลานรู้สึกเกรงใจนิดหน่อย

เหยาจิ้งจือเองก็เอ่ยบอกเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน มีแค่ฉันกับเสวี่ยเยี่ยนก็พอแล้ว เธอไปนั่งพักให้สบายเถอะ หรือจะไปหาอะไรกินรองท้องก่อนก็ได้”

“แม่คะ ฉันไม่หิว ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้สักพักแล้วกันค่ะ”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ยอมให้ทำอะไร ฉินมู่หลานก็ไม่คัดค้าน แต่เมื่อพบว่าเสี่ยวอวี่กำลังเล่นอยู่คนเดียว เธอจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับเจ้าตัวเล็ก แล้วเล่นกับเขาอยู่สักพักหนึ่ง

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นฉินมู่หลานเล่นกับลูกชายของตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “มู่หลาน เจ้าเด็กคนนี้อยากใส่เสื้อผ้าใหม่ที่ได้ตอนเที่ยงมากเลย ฉันต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานว่าให้ใส่พรุ่งนี้แทน”

ฉินมู่หลานได้ยินเข้าก็แตะศีรษะของเสี่ยวอวี่แล้วพูดขึ้น “เดี๋ยวครั้งหน้าอาจะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้อีกสองชุดนะ ถ้าเสี่ยวอวี่ของเราอยากจะใส่ทุกวันก็จะได้ใส่”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นทันที “มู่หลาน ไม่ต้องซื้อให้เขาหรอก เด็ก ๆ น่ะโตเร็ว ไม่ต้องรีบซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้หรอก”

“พี่สะใภ้ เด็กเองก็คงอยากใส่ชุดใหม่เหมือนกันค่ะ”

เสี่ยวอวี่ได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน จึงรู้สึกดีใจ “ขอบคุณครับอาสะใภ้”

ฉินมู่หลานก็กำลังตั้งครรภ์ จึงมีจิตใจอ่อนโยนมากขึ้น เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอวี่มีไหวพริบและทำตัวดีก็คิดแค่ว่าเขาช่างน่ารัก

เซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ก็เห็นฉินมู่หลานกำลังเล่นกับเสี่ยวอวี่ “มู่หลาน คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ก็ยกยิ้มแล้วตอบกลับ “ฉันเพิ่งตื่นนี่เองค่ะ คุณไปไหนมาคะ?”

“ในหมู่บ้านกำลังเชือดหมู ผมกับพี่ใหญ่ก็เลยไปซื้อเนื้อกันมา”

เมื่อพูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็นำหมูสามชั้น ซี่โครง และกระดูกหมูชิ้นใหญ่ที่ไปซื้อมาเข้าไปที่ห้องครัวโนเวลพีดีเอฟ

เหยาจิ้งจือและหลี่เสวี่ยเยี่ยนทำอาหารกันเร็วมาก จนกระทั่งประมาณห้าโมงเย็น อาหารก็เตรียมเสร็จเรียบร้อย

หลังจากทุกคนในครอบครัวนั่งลงแล้ว เซี่ยเหวินปิงผู้รับบทเป็นหัวหน้าครอบครัวก็ยกยิ้มแล้วพูดเปิด “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า หวังว่าทุกคนในครอบครัวของเราจะมีสุขภาพดี ชีวิตรุ่งโรจน์ ขอให้เป็นปีมงคล”

พูดจบเขาก็ยกแก้วขึ้นดื่มเฉลิมฉลองกับทั้งครอบครัว

วันนี้แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ดื่มเหล้า ซึ่งเป็นเรื่องที่พบเจอยากมาก ส่วนเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ดื่มกับพ่อของเขาเยอะมากเช่นกัน

ฉินมู่หลานและพวกหญิงสาวคนอื่น ๆ ไม่ดื่ม เพียงแค่กินอาหารไปเรื่อย ๆ เสี่ยวอวี่กินอาหารจนริมฝีปากเลอะคราบน้ำมันแวววับ ใบหน้าเล็กแสดงออกค่อนข้างพอใจ

ขณะคนตระกูลเซี่ยกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในโถงกินข้าวกันอย่างอบอุ่น เสียงประทัดจากข้างนอกก็ดังขึ้น

เสียงประทัดถือเป็นสัญญาณส่งท้ายปี และทุกอย่างจะกลับมาสดใสในช่วงปีใหม่

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่ซูถามแบบนี้คืออะไรคะ อย่าบอกนะว่าซูอวี้เจี๋ยนั่นก็เป็นญาติของคุณแม่ด้วย?

บรรยากาศปีใหม่ดูสงบสุขจัง ขออย่าให้มีมารผจญเลย

ไหหม่า(海馬)