บทที่ 91 การพุ่งทะยานของหยกพิสุทธิ์ ความกริ่งเกรงของเฒ่าประหลาดอู้เต้า

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 91 การพุ่งทะยานของหยกพิสุทธิ์ ความกริ่งเกรงของเฒ่าประหลาดอู้เต้า
เมื่อได้ยินว่ามู่หรงฉี่ต้องการกราบเขาเป็นศิษย์ สวินฉางอันก็หรี่ตาลง พินิจพิเคราะห์มู่หรงฉี่

ตบะของสวิฉางอันอยู่ในระดับรวมแก่นปราณเช่นกัน ขอบเขตพลังสูงกว่ามู่หรงฉี่อยู่เล็กน้อย รับเขาเป็นศิษย์ก็ไม่ได้ลำบากอันใด หากแต่เรื่องนี้จำเป็นต้องสอบถามอาจารย์ก่อน

“เจ้าคำนับต่อไปเถิด”

ทิ้งประโยคนี้ไว้แล้ว สวินฉางอันก็ขึ้นเขาไป

มู่หรงฉี่ได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทดสอบตน

เขาคำนับต่อไป

มาถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน สวินฉางอันเล่าเรื่องที่มู่หรงฉี่อยากกราบตัวเป็นศิษย์ของตนให้หานเจวี๋ยได้ฟัง

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกฝนอยู่ลืมตาขึ้น สีหน้าของเขาแปลกประหลาด

มู่หรงฉี่อยากจะกราบสวินฉางอันเป็นศิษย์หรือ

หานเจวี๋ยเอ่ยถามว่า “เจ้าคิดเห็นเช่นไร”

สวินฉางอันที่อยู่ตรงปากถ้ำ เอ่ยว่า “ข้าถูกชะตากับคนผู้นี้ยิ่งนัก หากอาจารย์ไม่ว่าอะไร ข้าก็จะรับเขาไว้”

หานเจวี๋ยครุ่นคิดเล็กน้อย อีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิเทพเมี่ยวเจินกลับชาติมาเกิด เชื่อมสัมพันธ์ไว้ก็ไม่เลว

“เช่นนั้นก็รับไว้เถอะ”

หานเจวี๋ยเอ่ยอีกว่า “จะพาเขาไปฝึกฝนที่หน้าต้นฝูซังก็ได้ จากนี้เจ้าก็รับหน้าที่ดูแลเขา ไม่อนุญาตให้ออกห่างต้นฝูซังโดยพลการ”

สวินฉางอันดีใจเป็นอย่างมาก รีบร้อนคารวะขอบคุณหานเจวี๋ย

ไม่นาน เขาลงเขาเปิดค่ายกล ก่อนจะพามู่หรงฉี่เข้ามา

มู่หรงฉี่เดินมาเบื้องหน้าสวินฉางอัน คุกเข่าลงคำนับอย่างหนักแน่น เปลี่ยนคำเรียกเป็นอาจารย์ทันที

สวินฉางอันดีใจเป็นอย่างมาก นี่ก็คือศิษย์คนแรกของเขา

“ไปเถิด ตามข้าขึ้นไปบนเขา เขาลูกนี้นอกจากข้าแล้วยังมีอาจารย์ปู่ของเจ้า อาจารย์ย่า รวมไปถึงไก่ดำระดับเปลี่ยนวิญญาณ”

สวินฉางอันนำทางไปพลางกล่าวแนะนำ

มู่หรงฉี่ลอบรู้สึกตื่นตระหนก คาดไม่ถึงว่าบนเขาลูกนี้ก็มีวิหคปีศาจระดับเปลี่ยนวิญญาณด้วย!

นี่คือสิ่งที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในสำนักหยกพิสุทธิ์หรือ

เดี๋ยวก่อน!

อาจารย์ปู่?

หรือว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ผู้อาวุโสสังหารเทพ?

มู่หรงฉี่พลันสังเกตเห็นว่าสวินฉางอันเป็นพระ หรือเขาก็คือพระที่ผู้อาวุโสกวนกล่าวว่าเคยคุกเข่าคำนับมาห้าปีท่านนั้น?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มู่หรงฉี่กลับไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนหรือโกรธเคือง

เขาสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ดึงดูดตนเองก็คือสวินฉางอัน!

ทั้งสองเร่งฝีเท้า เมื่อมาถึงใต้ต้นฝูซัง มู่หรงฉี่ก็มองเห็นไก่คุกรัตติกาล

ต้นฝูซังนี้ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก

นี่คือต้นอะไรกัน

ไก่คุกรัตติกาลลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ฉางอัน เจ้าบอกกฎระเบียบกับเขาแล้วใช่หรือไม่ คารวะเข้ามาอยู่กับนายท่านของข้าแล้ว ใช่ว่าจะก่อเรื่องวุ่นวายไปทั่วเหมือนหยางเทียนตงได้ หลังจากนี้เจ้าต้องอบรมดูแลเขาให้ดี หากเขาสร้างความวุ่นวายขึ้นมาเมื่อใด ข้าก็ไม่เกรงใจแน่”

สวินฉางอันก่นด่าในใจ ‘เจ้าไก่เหม็นโฉ่ เจ้าโอ้อวดอะไรกัน’

เมื่อคิดว่าหานเจวี๋ยอาจจะกำลังดูอยู่ภายในถ้ำเทวา เขาจึงทำได้เพียงรับปากกับไก่คุกรัตติกาล

สวินฉางอันให้มู่หรงฉี่คุกเข่าลง หันหน้าไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทาน โขกศีรษะลงคำนับ

“อดทนเพื่อทะเลกว้างและท้องนภาที่ไร้ขอบเขต?”

มู่หรงฉี่สังเกตเห็นอักขระแถวหนึ่งที่ปากถ้ำ ลอบครุ่นคิดกับตัวเอง

เขาคุกเข่าลงอย่างซื่อสัตย์จริงใจ โขกคำนับสามครั้ง

เพียงเท่านี้ มู่หรงฉี่ก็ได้เข้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแล้ว หานเจวี๋ยมีศิษย์หลานเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน

หลังจากฝึกฝนกับสวินฉางอัน มู่หรงฉี่ต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าพลังงวิญญาณของที่นี่เข้มข้นยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าฌานข้างๆ สวินฉางอัน ไม่เพียงไม่ถูกรบกวน แต่ยังดูดซับพลังวิญญาณได้มากขึ้น

เป็นโอกาสวาสนาอย่างที่คิดไว้จริงๆ!

มู่หรงฉี่พึงพอใจ ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของข้าจะไม่ผิด!

……

เวลาผ่านไปอีกปี

วันนี้หลิ่วปู๋เมี่ยเจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต และนักพรตเต๋าชิงเสียนมาเยือน

นักพรตเต๋าชิงเสียนรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะทิ้งวิญญาณอีกส่วนไว้ที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิต หากแต่ยังคงหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับหานเจวี๋ย

หานเจี๋ยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของพวกเขา รีบเร่งตรวจสอบสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที

[หลิ่วปู๋เมี่ย: ระดับสุญตาขั้นเจ็ด เจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต]

แค่นี้เองหรือ

หานเจวี๋ยไม่เข้าใจ สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกล้าท้าทายสำนักไร้ลักษณ์ได้อย่างไร

ทว่าเมื่อหวนคิดแล้ว เขาก็เข้าใจในทันที

ภายในขอบเขตของต้าเยี่ยน ความแข็งแกร่งของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตนับว่ามีเพียงหนึ่งเดียว อีกทั้งอยู่ไกลจากสำนักไร้ลักษณ์ ในโลกนี้ก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต ข่าวสารไม่แม่นยำก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

หานเจวี๋ยไม่ประมาท ยังคงใช้แบบจำลองการทดสอบต่อสู้กับพวกเขา

เขาสู้แบบสองต่อหนึ่งทันที

สังหารภายในพริบตา!

มั่งคงปลอดภัย!

พวกนักพรตเต๋าชิงเสียนไม่ได้บินไปยอดเขาหลัก แต่กลับมาที่หน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแทน

“เจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตหลิ่วปู๋เมี่ยและผู้อาวุโสนักพรตเต๋าชิงเสียนคารวะท่านผู้อาวุโสสังหารเทพ”

นักพรตเต๋าชิงเสียนคารวะ เขาเข้าใจดีว่ามีเพียงต้องทำให้ผู้อาวุโสสังหารเทพยินยอม สำนักหยกพิสุทธิ์ก็จะยินยอมด้วยเช่นกัน

หลิ่วปู๋เมี่ยคารวะตาม เขาเองก็รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง ได้ยินมาว่าเมื่อนักพรตเต๋าชิงเสียนเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์ก็ไม่พลังต้านทานแม้แต่น้อย ไหนเลยที่เขาจะกล้าดูแคลนหานเจวี๋ยได้

ใต้ต้นฝูซัง มู่หรงฉี่เบิกตาโต ก่อนเอ่ยด้วยความตกตะลึง “เจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมาหรือ”

ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้บำเพ็ญอิสระ เคยได้ยินชื่อเสียงของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมาบ้าง เท่าที่เขารู้มา สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตก็แข็งแกร่งกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่มากนัก

สวินฉางอันเอ่ยอย่างไร้อารมณ์ว่า “ฝึกฝนต่อไป”

มู่หรงฉี่พยักหน้า ก่อนจะหลับตาลง ทว่าความสนใจของเขากลับล่องลอยไปยังตีนเขา

หานเจวี๋ยปรากฏกายขึ้นในอากาศเบื้องหน้าของพวกหลิ่วปู๋เมี่ย จิตกระบี่หวนคืนระเบิดออก กักพวกเขาทั้งสองให้อยู่กับที่

ชั่วพริบตาเดียว หลิ่วปู๋เมี่ยและนักพรตเต๋าชิงเสียนไม่สามารถขยับกายเคลื่อนไหวได้ พวกเขามีความรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับความตาย

ที่หน้าผากของคนทั้งสองเริ่มมีเหงื่อเย็นๆ ผุดซึมขึ้นมา โดยเฉพาะนักพรตเต๋าชิงเสียนที่กลัวจนแทบขาดใจ เขากัดฟันเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย… เป็นพวกท่านที่เชิญพวกเรามาที่นี่”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างใจเย็น “ข้าหวังว่าหลังจากพวกเจ้าเข้าร่วมสำหนักหยกพิสุทธิ์แล้วอย่าได้มีความคิดที่จะทรยศ”

เขาวางมือกดลงบนไหล่ของทั้งสองคน ค่อยๆ ประทับตราประทับหกวิถีลงไป

ภายหน้า ไม่ว่าทั้งสองจะหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว หานเจวี๋ยก็สามารถตามรอยของพวกเขาไปได้!

ตบะของหานเจวี๋ยแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกเขามากนัก เดิมทีพวกเขาก็ไม่มีทางรู้สึกตัวเลย

นักพรตเต๋าชิงเสียนรีบเอ่ยปากยืนยันทันทีว่า พวกเขาต้องการเข้าร่วมกับสำนักพิสุทธิ์ด้วยใจบริสุทธิ์

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้กดดันต่อ ปล่อยให้พวกเขาเดินทางไปที่ยอดเขาหลัก

ไหนเลยที่ทั้งสองคนจะกล้าปฏิเสธ เมื่อจิตกระบี่หวนคืนหายไป พวกเขารีบคารวะและจากไปในทันที

ออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ระหว่างทางที่บินไปยังยอดเขาหลัก หลิ่วปู๋เมี่ยอดไม่ได้ที่จะส่งกระแสเสียงเอ่ยขึ้นว่า ‘ศิษย์พี่ สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้แข็งแกร่งระดับนี้ได้อย่างไร หรือเขาก็คือนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง?”

นักพรตเต๋าชิงเสียนส่งกระแสเสียงเอ่ยตอบว่า ‘ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่เขาไม่ใช่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งแน่นอน นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเดินทางออกไปต่างแดนนานแล้ว”

ภายในใจเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี ดูเหมือนว่าการมาขอพึ่งพาสำนักหยกพิสุทธิ์ในครานี้ล้วนเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว!

อีกด้านหนึ่ง

หานเจวี๋ยกลับเข้ามาในถ้ำเทวา เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มต้นสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้า

แม้โดยส่วนตัวเขาจะไม่หวาดเกรงสำนักไร้ลักษณ์ แต่สำนักไร้ลักษณ์นี้มีจำนวนคนมาก หากทั้งสำนักบุกโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว สำหนักหยกพิสุทธิ์คงสูญเสียอย่างหนักแน่

ตราบใดที่เฒ่าประหลาดอู้เต้ายังได้รับบาดเจ็บอยู่ตลอด เขาจะสามารถควบคุมสำนักไร้ลักษณ์ได้

หนึ่งเดือนผ่านไป

สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้ประกาศเข้าร่วมสำนักหยกพิสุทธิ์ หลิ่วปู๋เมี่ยนำคารวะเข้ายอดเขาสำนักพิสุทธิ์ด้วยตนเอง เรื่องเล็กใหญ่ในสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมีรองเจ้าสำนักเป็นผู้จัดการ เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ก็สั่นสะเทือนไปทั้งต้าเว่ย ต้าเยี่ยน เขตแก่นประจิมรวมถึงราชวงศ์และเขตอื่นๆ ใกล้เคียง

ทุกสายตาล้วนจับจ้องสำนักหยกพิสุทธิ์ สำนักนี้ดูเหมือนอ่อนแอ แต่ช่วงร้อยปีหลังมานี้ส่อให้เห็นเค้าลางที่เปลี่ยนผันอย่างมหาศาล

ข่าวนี้กระจายไปถึงสำนักไร้ลักษณ์

หลังจากเฒ่าประหลาดอู้เต้าได้ยิน คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น

“สำนักหยกพิสุทธิ์…”

เขาอดนึกถึงสิงหงเสวียนไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขายังคิดให้สิงหงเสวียนแต่งงานกับตงหวางเซียน ด้วยพลังเทพที่นางฝึกบำเพ็ญ หากร่วมฝึกฝนกับตงหวางเซวียนคงช่วยให้ตบะของตงหวางเซียนรุดหน้าอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่สิงหงเสวียนปฏิเสธ

สิงหงเสวียนก็มาจากสำนักหยกพิสุทธิ์

เบื้องหน้าของเฒ่าประหลาดอู้เต้ายังมีคนยืนอยู่จำนวนมาก ตงหวางเซียนก็รวมอยู่ในนั้น เขาแค่นเสียงเอ่ยว่า “สำนักหยกพิสุทธิ์เป็นสำนักเช่นใดกัน เดิมทีก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน อีกทั้งเป็นที่รู้กันว่าต้าเยี่ยนเองก็อ่อนแอยิ่งนัก อาจารย์ ข้าจะไปที่สำนักหยกพิสุทธิ์ด้วยตนเอง จับกุมหลิ่วปู๋เมี่ยกลับมา!”

เฒ่าประหลาดอู้เต้าขมวดคิ้วแน่น ไม่ได้เอ่ยตอบไปในทันที

ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์นั้นไม่ธรรมดา

ตั้งแต่ที่เขายื่นข้อเสนอให้สิงหงเสวียนในครานั้น ก็มักเผชิญกับการสาปแช่ง หรือว่าคนที่สาปแช่งเขาจะมาจากสำนักหยกพิสุทธิ์?

ผู้ทรงพลังรุ่นเดียวกันบางคนสามารถคาดเดาสาเหตุได้ หรือคนที่สาปแช่งเขาบางทีอาจจะเป็นสามีของสิงหงเสวียน?

เป็นไปได้มากทีเดียว!

เรื่องทั้งหมดนี้ช่างบังเอิญเกินไปแล้ว!

เฒ่าประหลาดอู้เต้าไม่เคยเผชิญเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน แต่หลังจากที่เขายื่นข้อเสนอให้สิงหงเสวียน หลายปีมานี้เขาก็ถูกสาปแช่งมาตลอด เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคำสาปแช่งนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้เจรจากับสำนักหยกพิสุทธิ์พอดี

จะประมาทสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ได้!

………………………………………………………………………………………..