ตอนที่ 5 เต๋าแห่งยันต์

ฟู่ ฟู่

เมื่อมันเห็นหยางเย่จะจู่โจมอีกครั้ง จ้าวอสรพิษเองก็ค่อนข้างเดือดดาลพอกัน ร่างของมันสั่นไหวก่อนหางขนาดยักษ์จะเหวี่ยงไปยังหยางเย่

ดวงตาหยางเย่ดูหนักแน่นขึ้นเมื่อเห็นหางที่ฟาดเข้ามา เขาไร้ซึ่งการป้องกันใด ปราณทองคำถูกโคจรพลังเข้าสู่หมัดขวา จากนั้น เขาปล่อยเสียงตะโกนออกมา หมัดอันหนักหน่วงกระทบอย่างจังกับหางของจ้าวอสรพิษ

ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นจากยันต์ลึกลับและพลังปราณทองคำ เส้นเลือดที่ปูดโปนราวกับหนอนนับไม่ถ้วน แสงสว่างวาบปรากฏบนหมัดเขา ทุกที่ที่หมัดผ่าน มันทำให้เกิดเสียงเสียดสีผ่านอากาศดังก้องชวนดูน่าประหลาดใจยิ่ง

ปั้ง!

กำปั้นและหางชนกัน เสียงกระแทกดังขึ้น หยางเย่ใช้เวลาชั่วอึดใจทำลายหางจ้าวอสรพิษกระเด็นไปข้างหลัง ไม่เพียงแค่นั้น ทุกจุดที่หยางเย่กระแทกหมัดมันจมลงไปอย่างหนักหน่วง เห็นได้ชัดถึงพลังอัดแน่นถึงขีดสุดในทุกการโจมตี!

หยางเย่รู้สึกดียิ่งนักเมื่อเห็นการโจมตีนั้นโต้กลับหางจ้าวอสรพิษกระเด็นได้ ดวงตาแสดงถึงความตื่นเต้นอย่างยิ่ง พลังปราณล้ำลึกถูกโคจรใหม่เมื่อเขาพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ทันใดนั้น หมัดอันทรงพลังกระหน่ำลงงยังจ้าวแห่งอสรพิษราวกับห่าฝน

ขณะที่นางมองหยางเย่โจมตีจ้าวอสรพิษจนมันถอยไปทีละน้อย ดวงตาเปาเอ๋อเกิดประกายแสงประหลาดใจฉายออกมา นางตบอกและเอ่ยคำด้วยเสียงใสแจ๋ว “ยันต์เสริมกำลังระดับกลางของข้าสามารถเสริมพลังเป็นเท่าตัว แต่เมื่อรวมเข้ากับพลังปราณทองคำของเขา มันทำให้พลังเพิ่มได้ถึงห้าเท่าเลยทีเดียว ถูกของท่านปู่ ในหมู่พลังปราณล้ำลึกห้าธาตุ พลังปราณทองคำคือปราณที่ร้ายกาจที่สุด”

หยางเย่แข็งแกร่งและตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่หางของจ้าวอสรพิษปะทะกับเขา แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วร่างกาย โชคดีนัก เขารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างคอยฟื้นฟูอยู่ตลอดเวลาในร่างกาย มิเช่นนั้น เขาคงร่วงลงพื้นไปนานแล้ว

ปั้ง!

ชายหนุ่มและอสรพิษชะงักไปนาน ทันใดนั้น หยางเย่ใช้จังหวะที่แม่นยำต่อยเข้าที่หัวของจ้าวอสรพิษทันที จ้าวอสรพิษร้องคร่ำครวญพร้อมร่างกายที่สั่นไหว เมื่อเห็นเช่นนั้น หยางเย่รีบโจมตีต่อไปอย่างรวดเร็วไปยังหัว เพียงไม่นานจ้าวอสรพิษจึงหยุดเคลื่อนไหว

ฟู่!

เมื่อเห็นจ้าวอสรพิษล้มลงพื้น หยางเย่เองก็ล้มลงเช่นกัน เขาลุกขึ้นนั่งหอบหายใจ ก่อนหน้านี้ เขาถูกหางจ้าวอสรพิษโจมตีอยู่สองสามครั้งแต่ไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ตอนนี้ ความเจ็บปวดกับความเหนื่อยล้าทั้งหมดมันกำลังถาโถมเข้าใส่ ทำให้เขาไม่อาจจะฟื้นความแข็งแกร่งใดขึ้นมาได้อีก

ขณะนั้นเอง เปาเอ๋อวิ่งไปยังจ้าวอสรพิษที่นอนกองอยู่บนพื้นก่อนจะแตะมันอีกทีพร้อมสบถคำ “ไล่เปาเอ๋อหรือ! ไล่เปาเอ๋อหรือ! ตอนนี้แกตายแล้วเห็นไหม? รอก่อนเถอะ! เปาเอ๋อจะเอาแกไปกลั่นแน่!” ขณะที่นางเอ่ยคำ นางนำขวดหยกขาวออกมาจากกระเป๋าหน้า และชี้ไปยังจ้าวอสรพิษ ทันทีที่จุกเปิดออก แรงดูดมหาศาลพวยพุ่งออกมา จากนั้น ร่างมหึมาของจ้าวอสรพิษกลายเป็นจุดดำและถูกดูดเข้าไปยังขวดหยกขาว

หยางเย่รู้สึกงงงวยเมื่อเขาเห็นฉากนี้เข้า เขาขยี้ตาและมองไปอีกครั้ง เขาเห็นว่างูยักษ์หายไปแล้วจริง ๆ หากไม่เห็นเลือดกองอยู่ตรงหน้า เขาคงคิดว่าเพิ่งสู้กับอากาศธาตุอยู่เป็นแน่

หลังจากเก็บขวดหยกขาว เปาเอ๋อเดินมาด้านข้างเขา จากนั้นนางนำยันต์สีเขียวออกมาพร้อมแปะไว้ที่หยางเย่

ทันทีที่มันถูกแปะ ยันต์ลึกลับเปลี่ยนเป็นพลังสีเขียวพุ่งเข้าสู่ร่างกายหยางเย่ หลังจากนั้น พลังแปลกประหลาดถูกโคจรขึ้นมาอีกครั้งเหมือนก่อนหน้านี้ ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น

“เจ้า… เจ้าคืออาจารย์ยันต์งั้นหรือ?” หยางเย่มองไปยังเปาเอ๋อที่ยื่นอยู่ด้านข้างพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสสะอาด

สีหน้าที่ภาคภูมิใจถูกแสดงออกทางมุมปากของเปาเอ๋อ “แน่นอน ข้าคืออัจฉริยะ ผู้ที่ฉลาดที่สุดหนึ่งเดียวในสำนักดาบราชัน ผู้ใช้ยันต์ระดับห้าอายุสิบสี่ปี เจ้าคิดเห็นเช่นไร? ข้าสุดยอดเลยใช่ไหม?”

หยางเย่สูดหายใจลึกเมื่อได้ยินเปาเอ๋อถาม เขาไม่ได้แสดงสีหน้าปกปิดสิ่งใด

ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาจะอ่อนแอแต่ก็ยังมีความรู้บ้าง ดังนั้น เขารู้ดีว่าอาจารย์ยันต์คืออะไร

อาจารย์ยันต์นั้นสูงส่งอย่างยิ่งในเขตแดนใต้ เหตุเพราะ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากอาจารย์ยันต์ทำให้ผู้ใช้ปราณล้ำลึกนับไม่ถ้วนเป็นบ้าได้ ดังเช่นก่อนหน้านี้ ยันต์เหล่านั้นสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งระหว่างการต่อสู้ได้โดยปราศจากผลข้างเคียงใด ยันต์ดังกล่าวยังสามารถปกป้องชีวิตในยามวิกฤตได้ด้วย

ไม่ใช่เพียงแค่ยันต์เท่านั้น อาจารย์ยันต์ยังสามารถประทับยันต์แปลกประหลาดลงบนชุดเกราะหรืออาวุธได้อีกด้วย

มากกว่านั้น ยันต์และสมบัติจารึกต่างเป็นแค่ส่วนหนึ่งของปลายยอดเขาน้ำแข็ง ตามตำนาน อาจารย์ยันต์สามารถจารึกวิชาต่าง ๆ ได้ หมายความว่า พวกเขาสามารถบันทึกวิชาล้ำลึกลงบนอาวุธและชุดเกราะได้ เมื่อผู้ใช้ปราณล้ำลึกใช้พลังปราณเพื่อปลุกวิชานั้นขึ้นมา เหล่าวิชาที่ถูกจารึกจะถูกใช้โดยอัตโนมัติ แน่นอน หยางเย่เองไม่เคยเห็นสมบัติเช่นนี้มาก่อน

ไม่เพียงแต่ไม่เคยเห็นสมบัติเหล่านั้น หยางเย่เพิ่งเคยพบเจออาจารย์ยันต์คนแรกในชีวิต ซึ่งก็คือเด็กผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้า สาเหตุที่อาจารย์ยันต์มีสถานะสูงส่งนั้นมีเหตุผลอันสำคัญ อาจารย์ยันต์มีจำนวนเพียงน้อยนิด ที่อื่นเขาไม่ทราบ แต่ว่า ณ เมืองทักษิณภิรมณ์ที่มีผู้คนเนืองแน่นนั้นไม่มีแม้แต่ผู้เดียว

ใช่แล้ว ตอนนี้เขาพบแล้ว ทั้งยังใช้งานยันต์ล้ำค่าเหล่านั้นอีกด้วย หยางเย่รู้สึกปวดใจเล็กน้อย หากเขาสามารถนำยันต์หรือหนึ่งในยันต์เหล่านั้นไปขายได้ คงจะสามารถช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างมาก

“ทำไมเมื่อครู่จึงไม่หนีไปเล่า?” เปาเอ๋อมองไปยังหยางเย่และเอ่ยถามด้วยถ้อยคำจริงจัง

“เจ้าหมายความเช่นไร?” หยางเย่งุนงง

“ข้ากำลังพูดถึงเรื่องเมื่อครู่ พลังเจ้าอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วเหตุใดจึงไม่หนี แต่กลับเลือกสู้กับงูน้อยนั้นแทน?” เปาเอ๋อเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมสีหน้าที่จริงจังอย่างมาก

“หากข้าวิ่งหนีไป ตอนนี้เจ้าคงอยู่ในท้องมันแล้วสิ!” หยางเย่หยอกล้อ ยามนั้นเขาคิดหลบหนีจริง แต่การกระทำของนางก่อนหน้านั้น หากวิ่งหนีไปเวลานั้น เขาคงหยามเหยียดตนเองไปตลอดชั่วชีวิต

เปาเอ๋อมองไปยังหยางเย่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ในอดีต ผู้คนมากมายล้วนประจบสอพลอข้า แต่ข้ารู้ พวกเขาต่างทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน หรือประจบกระทั่งท่านปู่ แต่เจ้านั้นต่างออกไป เจ้าไม่รู้จักเปาเอ๋อมาก่อน แต่กลับยอมเสี่ยงชีวิตช่วยข้าไว้ เรามาเป็นสหายกันดีกว่า! ข้า เปาเอ๋อ เจ้าล่ะ?”

“หยางเย่!” หยางเย่ยิ้มด้วย เด็กผู้หญิงข้างหน้าเขาอายุพอ ๆ กับน้องสาว ทั้งยังน่ารักคล้ายคลึงกัน เขาจึงแสดงความนับถืออย่างจริงใจต่อนาง

หยางเย่เหมือนจะคิดบางสิ่งได้และเอ่ยถาม “ใช่แล้ว อาจารย์ยันต์นั้นร้ายกาจอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมเจ้า…”

ใบหน้าจิ้มลิ้มของเปาเอ๋อพลันแดงก่ำยามได้ฟังความ นางกล่าว “ข้า… ถึงแม้จะอยู่ระดับแปดของขั้นปราณมนุษย์ และมีพลังปราณล้ำลึกห้าธาตุ พลังปราณล้ำลึกของข้าคือธาตุไม้ แต่มันอ่อนแอที่สุดในการต่อสู้ ยิ่งกว่านั้น… ยิ่งกว่านั้น เปาเอ๋อไม่เคยสู้กับใครมาก่อนเลยนะ เช่นนั้น…เช่นนั้นแล้ว เปาเอ๋อไม่รู้วิธีต่อสู้เลย…” หลังกล่าวเสร็จ หน้าเล็ก ๆ ของนางกลายเป็นสีแดงยิ่งขึ้นไปอีก

หยางเย่หยุดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเปาเอ๋อ ระดับแปดของขั้นปราณมนุษย์ นางเพิ่งจะ 14 ปี เมื่อเขาคิดสิ่งนี้ หยางเย่สับสนมึนงงเล็กน้อย พรสวรรค์โดยธรรมชาติช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!

แต่เมื่อได้ยินว่าเปาเอ๋อไม่รู้วิธีต่อสู้ หยางเย่แสดงท่าทีแปลกออกมา นางมีีความสามารถท้าทายสวรรค์ แต่กลับไม่รู้จักวิธีการต่อสู้…

เมื่อนางสังเกตเห็นท่าทีแปลกไปของหยางเย่ เปาเอ๋อมองจ้องเขม็ง จากนั้นจึงเปลี่ยนบทสนทนา “ใช่แล้ว เจ้าเองก็มีพลังปราณห้าธาตุเช่นกัน มันคือพลังปราณทองคำ พูดตรง ๆ เลย เจ้าควรบ่มเพาะพลังอย่างรวดเร็ว ทำไมเจ้าถึงยังอยู่เพียงแค่ระดับสี่ของขั้นปราณมนุษย์กันล่ะ?” นางทำให้หยางเย่อึดอัด

“พลังปราณห้าธาตุ? พลังปราณทองคำ?” หยางเย่งงเล็กน้อย เขาไม่เคยได้ยินสิ่งนี้มาก่อน

เปาเอ๋อไม่อธิบายสิ่งใด นางกลับถามแทน “เจ้ารู้ว่าอาจารย์ยันต์นั้นสูงส่งมากใช่ไหม?”

หยางเย่พยักหน้าและเอ่ย “สูงส่งอย่างมาก ในอดีต ข้าแค่ได้ยินชื่อเสียงแต่ไม่เคยเจอมาก่อน ข้าไม่คาดคิดว่าจะมีอยู่ในเมืองทักษิณภิรมณ์ของเรา!”

“เหตุผลที่อาจารย์ยันต์สูงส่งยิ่งนักมาจากอัจฉริยะที่ใช้พลังปราณล้ำลึกห้าธาตุ มันเป็นสิ่งจำเป็นในการเป็นอาจารย์ยันต์ ทว่า ผู้เป็นอัจฉริยะพร้อมกับพลังปราณล้ำลึกห้าธาตุปรากฏขึ้นน้อยมากในล้านคน สิ่งมีค่านั้นหายากยิ่ง ดังนั้น อาจารย์ยันจึงสูงส่งอย่างยิ่งในเขตแดนใต้ เข้าใจหรือยัง?” เปาเอ๋อพยายามอธิบาย

“เจ้าบอกว่าพลังปราณล้ำลึกของข้าคือพลังปราณล้ำลึกห้าธาตุอย่างงั้นหรือ?” ดวงตาหยางเย่สว่างขึ้น ตัวตนของอาจารย์ยันต์สูงส่งยิ่งกว่าศิษย์นอกสำนักแห่งสำนักดาบราชันเสียอีก หากเขากลายเป็นอาจารย์ยันต์ เหล่าข้าหลวงแห่งเมืองทักษิณภิรมณ์ต้องเคารพเขาอย่างยิ่ง ตระกูลหลิวอันใดล้วนไม่ต้องกล่าวถึง

เปาเอ๋อพยักหน้าและกล่าว “มันควรเป็นเช่นนั้น พลังปราณทองคำเป็นหนึ่งในพลังปราณห้าธาตุ มันคือสีทอง และพลังปราณของเจ้าก็มีสีทอง ดังนั้นมันควรเป็นแบบนั้น เจ้าสามารถกลายเป็นอาจารย์ยันต์ได้! ยิ่งกว่านั้น พลังปราณทองคำคือพลังปราณที่แข็งแกร่งที่สุดในพลังปราณห้าธาตุ เปาเอ๋อเองยังไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอ!”

เมื่อได้ยินคำกล่าว หยางเย่รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง จากนั้นไม่นาน เขาขมวดคิ้วและสงบใจลง พลังปราณทองคำคือสีทอง แต่พลังของเขาคือสีทองอ่อน เหตุเพราะมันถูกแปลงเป็นสีทองอ่อนจากตันเถียนน้ำวน “พลังปราณห้าธาตุของข้านั้นเป็นของจริงหรือเปล่านะ?”

“เปาเอ๋อ เจ้าบอกว่ามีเพียงอัจฉริยะพร้อมพลังปราณห้าธาตุเท่านั้นที่สามารถเป็นอาจารย์ยันต์ได้ ทำไมกัน?” หยางเย่เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“เพราะว่ามีเพียงพลังปราณห้าธาตุที่สามารถคงอยู่ในอากาศ!” เปาเอ๋ออธิบาย “หลังจากพลังปราณล้ำลึกปกติออกจากร่างแล้ว มันจะหายไปโดยไม่สามารถใช้วิชาบ่มเพาะพลังรักษาเอาไว้ได้ ทว่าปราณห้าธาตุจะสามารถคงอยู่ในอากาศได้นานตราบเท่าที่ไม่มีผู้ใดทำลาย และยังจะอยู่เช่นนั้นไปได้ตลอดกาล เข้าใจหรือยัง?”

หยางเย่ไตร่ตรองคำที่ได้รับฟังอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงใช้พลังปราณล้ำลึกในร่างกายและนิ้วเขียนไปที่บนก้อนหินที่พื้น ทันใดนั้น แสงสีทองพลันปรากฏบนก้อนหิน หยางเย่รู้สึกยินดียิ่ยามได้เห็น เขาได้เขียนมันต่อไป เพียงไม่นานคำ‘杨’(หยาง) สีทองปรากฏขึ้นบนก้อนหิน

เขารออย่างเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ‘杨’ ยังอยู่บนก้อนหินอีกชั่วขณะ สีหน้าปีติยินดีปรากฏบนใบหน้า เขาไม่มั่นใจว่ามีหนึ่งในพลังห้าธาตุหรือไม่ แต่เขามั่นใจว่าพลังปราณล้ำลึกของเขาเข้าข่ายการเป็นอาจารย์ยันต์แน่นอน

เมื่อนางเห็นหยางเย่แสดงอาการตื่นเต้น เปาเอ๋อลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่เมื่อนึกถึงฉากก่อนหน้าที่หยางเย่พุ่งเข้าสู้จ้าวอสรพิษ นางเลิกลังเลทันทีและล้วงมือไปยังกระเป๋าหน้าพร้อมหยิบคัมภีร์ออกมา จากนั้นยื่นให้หยางเย่พร้อมเอ่ย ”ผู้ใช้แรงงานน้อย คัมภีร์นี้คือวิชาฝึกฝนพลังปราณห้าธาตุ มันไม่เหมือนวิชาพลังปราณห้าธาตุเล่มอื่นหรอก เพราะท่านปู่ข้าเขียนมันขึ้นมาเอง ข้าร่ำเรียนจากมันหมดแล้ว ตอนนี้ข้าจะมอบมันให้ และเจ้าห้ามนำไปให้ผู้แก่ผู้อื่น เข้าใจใช่ไหม?” เมื่อนางกล่าวจบ เปาเอ๋อทำสีหน้าเคร่งขรึม

หยางเย่หวั่นไหวยามได้รับฟัง เขาลังเลว่าควรรับมันไว้ดีหรือไม่ สายตายามนี้มองที่เปาเอ๋อและจึงกล่าวคำจริงจัง “ขอบคุณ อย่าได้กังวลไป ข้าไม่มอบมันให้แก่ผู้ใดแน่” นี่คือโชคที่นำพาเขาได้กลายเป็นอาจารย์ยันต์ มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่ย่อท้อ

เปาเอ๋อพยักหน้า จากนั้นนางตอบด้วยเสียงใส “ท่านปู่ข้าไปยังจักรวรรดิต้าฉินแล้ว ดังนั้น ข้าจึงไม่สามารถพาเจ้าไปยังยอดเขาผู้ใช้ยันต์ได้ เมื่อท่านปู่กลับมา ข้าจะพาท่านมาชี้แนะพรสวรรค์ของเจ้าเพื่อกลายเป็นอาจารย์ยันต์ หากเป็นไปได้ เปาเอ๋อจะให้เขารับเจ้าเป็นศิษย์ด้วย ไม่ต้องห่วงว่าพรสวรรค์ของเจ้ายังไม่แกร่งมาก เมื่อถึงเวลา เจ้าสามารถอยู่ข้างเปาเอ๋อ เปาเอ๋อเป็นผู้เก่งกาจยอมเยี่ยม!”

คำกล่าวของนางทำให้หยางเย่เกิดความประทับใจ ไม่เพียงแค่คัมภีร์ปราณพลังห้าธาตุที่ล้ำค่า แต่นางยังเตรียมแนะนำเขาให้กับปู่ เด็กหญิงผู้นี้เห็นเขาเป็นสหายจริง ๆ

“ผู้ใช้แรงงานน้อย เจ้าต้องจำไว้ว่าเจ้าไม่สามารถหยุดบ่มเพาะพลังได้ เมื่อเจ้าสามารถเป็นอาจารย์ยันต์ หลังจากนั้น พลังปราณล้ำลึกในตัวเจ้าจะเข้มข้นยิ่งขึ้น ผลจากยันต์ที่เจ้าสร้างจะควบคู่ไปด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างยันต์ต้องแลกกับความเหนื่อยล้าจากการใช้พลังปราณล้ำลึก ด้วยพลังปราณที่มีในตัวของเจ้าตอนนี้ เจ้าจะสามารถสร้างยันต์ได้เพียงไม่กี่แผ่น เข้าใจไหม?” เปาเอ๋อกล่าวจริงจัง

หยางเย่พยักหน้าพร้อมเอ่ย “ข้ารู้ดี เป้าหมายของข้าคือการเป็นศิษย์ภายในสำนัก!” ถึงแม้การเป็นอาจารย์ยันต์นั้นสูงส่งอย่างยิ่ง เขาก็ไม่ยอมแพ้ที่จะเป็นผู้ใช้พลังปราณที่ร้ายกาจ เพราะเขาสามารถปกป้องครอบครัวได้ดีกว่าหากมีพลังที่แข็งแกร่ง สำหรับการเป็นอาจารย์ยันต์ยังค่อนข้างห่างไกลจากเขาอยู่

“ศิษย์ภายในสำนักงั้นหรือ? ไม่เลวเลย!” เปาเอ๋อยิ้มพร้อมเงยหน้าขึ้นคำนวณวันเวลา เมื่อทราบว่านางช้าแล้ว นางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหยิบขวดหยกขาวสองขวดและยันต์จากกระเป๋าเล็ก “นี่คืออยาบำรุงโลหิตจากสัตว์อสูรทมิฬและน้ำสมุนไพรวิญญาณ เจ้าสามารถฝึกฝนวิชาพลังปราณห้าธาตุก่อน ข้าจะกลับมาเล่นกับเจ้าเร็ว ๆ นี้ ข้าต้องไปแล้ว!” ทันทีที่เอ่ยเสร็จ นางโบกมือเล็กจิ๋วให้หยางเย่ก่อนจะทิ้งเขาไว้ข้างหลัง จากนั้น นางกระโดดไปมาตามทางมุ่งสู่ทางเข้าหุบเขา

ขณะมองเปาเอ๋อหายเข้าสู่ทางเข้าหุบเขา หยางเย่จึงเผยยิ้มก่อนจะกางม้วนคัมภีร์ในมือ…

วิชาพลังปราณห้าธาตุ เต๋าแห่งยันต์…..