นที่ 15 เครื่องสำอางเมดีก
———–
หลังจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ได้โปรดกลับมารับที่ร้านด้วยนะครับ
ในช่วงระหว่างนั้นผมจะเตรียมแป้งทาผิวขาวไว้ให้
ดังนั้นกรุณาอย่าไปทำอะไรสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางอีกนะครับจนกว่าจะถึงตอนนั้น
และนั่นคือคำมั่นสัญญาที่ฟาร์มาได้มอบให้กับบุตรสาวคนเล็กแห่งตระกูลมาควิส โคลเอ้
ตอนนี้ภายในเมืองหลวงนั้นมืดสนิทแล้วร้านค้าต่างๆ ก็ปิดตัวลงหมดแล้ว
“เดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ นี่ฟาร์มาคุงไม่ใช่ว่าเธอฝืนทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า?”
“ครับ คือว่าตอนนี้ผมกำลังตรวจสอบอะไรนิดหน่อยอยู่น่ะ”
ลอตเต้เดินขึ้นบันไดไปบนชั้น 4
“ท่านฟาร์มาคะ พวกเราจะกลับคฤหาสน์กันแล้วนะคะ ไว้ท่านค่อยมาทำมันต่อวันพรุ่งนี้ดีหรือเปล่าคะ? รถม้ากำลังจะมารับแล้วด้วย”
ลอตเต้ผู้เป็นกังวล เธอได้เคาะประตูห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบสถานะของฟาร์มาที่อยู่ข้างหลังประตูนั้น ขอบคุณนะครับแต่ไม่เป็นไรหรอกเธอกลับบ้านไปก่อนได้เลยวันนี้ผมจะพักอยู่ที่นี่ นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาตอบกลับมาให้ลอตเต้ที่ยืนรออยู่หน้าของปฏิบัติการฟัง ที่ฟาร์มาล็อกห้องในระหว่างวิจัยหรือค้นคว้าอะไรอยู่บางที่เขาอาจจะมองไม่เห็นพวกสารเคมีที่เป็นอันตรายหลุดออกไปนอกห้องโดยไม่ได้ตั้งใจหรือมีคนอื่นเข้ามาและได้รับอันตรายจากมัน เขาจะอนุญาตให้คนที่รู้วิธีในการปฏิบัติและสามารถจัดการกับสิ่งพวกนี้ได้เข้ามาเท่านั้น ซึ่งรวมถึงเอเลนที่เข้ามาช่วยงานของเขาในบางครั้ง
“เหมือนกับที่ท่านได้บอกพวกเราไปก่อนหน้านี้ ท่านฟาร์มาคะ กรุณาอย่าฝืนทำงานหนักจนเกินไปนะคะ ฉันเป็นห่วงเหลือเกินเพราะวันนี้ท่านยังไม่ได้ทานข้าวมื้อกลางวันเลย”
หลังจากนั้นประตูห้องปฏิบัติการก็เปิดออก
“ขอบคุณที่เตือนผมนะลอตเต้ วันนี้หยุดไว้แค่นี้ก่อนละกัน กลับบ้านกันเถอะ”
“ค่ะ!”
ฟาร์มาซึ่งกำลังนึกออกว่าเขากำลังจมอยู่กับการทำงานของเขาอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นไปโดยอัตโนมัติเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องระวังเรื่องนี้อย่างมากเพราะร่างกายเป็นเด็กด้วย แน่นอนว่าภาระที่รับนั้นต้องหนักขึ้นกว่าเดิม
ในตอนนี้เขาจึงเลือกที่จะไม่โหมงานหนักจนตัวตายอีกแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องพักผ่อนและมองตัวเองคนก่อนที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของตน
“ผมอยากรู้จักเลยนะว่ามื้อเย็นนี้จะเป็นอะไร”
“ค่ะ! เพราะท่านดูหิวมากเลยนี่นา”
ทั้งสองนั่งอยู่บนรถม้าที่มารับกลับไปยังคฤหาสน์ของตระกูลเดอ เมดิซิส
หลังจากนั้นอีกหลายวันเขาก็ยังคงทำงานในช่วงเวลางานของเขาเท่านั้นโดยไม่ฝืนร่างกายของตัวเองให้เสียสุขภาพ เมื่อถึงช่วงเวลาพักเบรกเขาได้ลงมาจากชั้น 4 เพื่อพัก ซึ่งเหล่าพนักงานนั้นกำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มของพวกเขาอยู่เช่นกัน
“พร๊วดดด! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!?”
เอเลนที่เพิ่งกลับมาจากการเปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวที่เปื้อนของเธอ พ่นเสียงหัวเราะออกมา
“ท่านฟาร์มาคะ หน้าท่านขาวเกินไปแล้วค่ะ!”
ลอตเต้เบิกตากว้าง
“ยังไงกัน? ขาวเหรอ?”
ฟาร์มารู้สึกอายขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากใจของ
เอเลนหลังจากเธอไปเปลี่ยนชุดคลุมมา
“ทำไมนายถึงเอาไปใช้กับผิวบนหน้าตัวเองกันน่ะ…!? หน้าของนายเองเชียวนะคิดได้ยังไงเนี่ย…!? ฉันบอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าให้เอาไปลองกับผู้หญิงคนนั้นเองน่ะ”
เขาไม่ได้เห็นหน้าตัวเองผ่านกระจก แต่ฟาร์มาเชื่อว่าตอนนี้หน้าเขาคงเหมือนคนสวมหน้ากากสีขาวล้วนเอาไว้อยู่
“ฉันไม่เคยเห็นอะไรมันจะขาวได้ขนาดนี้มาก่อนเลยนะ รู้สึกเหมือนมีความโปร่งแสงและดูมีความลึกหนาบนผิวมากด้วย!”
เอเลนมือสั่นเล็กน้อยขณะสัมผัสผิวหน้าของเขา
“ความขาวที่แปลกประหลาด”
แต่เดิมฟาร์มานั้นไม่ใช่คนผิวขาวแต่กำเนิด อีกทั้งช่วงที่ผ่านมาเขาได้ฝึกฝนศาสตร์แห่งเทพอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานด้วยผิวของเขาจึงค่อนข้างออกไปทางสีแทน แต่ตอนนี้ผิวของเขานั้นเป็นสีขาวราวกับหิมะ แน่นอนว่าแค่หน้านะ
ผู้หญิงบนโลกใบนี้ต้องการผิวที่ขาวสวยอย่างมาก ดังนั้นเป้าหมายของเขาคือการวางรากฐานการทำให้ผิวสีขาวด้วยการแพทย์ที่แท้จริง
เอเลนดูเหมือนจะลำบากใจ
“ท่านอาจารย์บรูโนบอกกับฉันว่าผิวที่ขาวเกินไปมันก็ไม่ดีนะ แล้วนายเป็นอะไรหรือเปล่าผิวขาวซะขนาดนั้น?”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกมันไม่มีสารตะกั่วหรือปรอทผสมอยู่เพราะฉะนั้นปลอดภัยหายห่วง ก่อนที่ผมจะเอาให้เธอใช้นั้น ผมว่าผมน่าจะทดสอบอาการแพ้กับเธอก่อนน่าจะดี”
ฟาร์มาจำได้ว่าแม่ของเขานั้นกำลังมองหาหนทางแห่งความขาวอย่างหมกมุ่นดังนั้นสิ่งที่เขาทำนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี
“เดี๋ยวนะ ทำไมปรอทกับตะกั่วถึงไปสิ่งที่ไม่ดีล่ะ?”
บรูโนนั้นสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้ด้วยสัญชาตญาณแต่กับเอเลนนั้นยังไม่รู้ถึงโทษของมัน
“มันเป็นพิษกับคนใช้น่ะ”
“แต่ทุกคนก็ยังใช้เป็นผงแป้งทาหน้ากันนะ!? ทั้งตะกั่วกับปรอทเนี่ยนะไม่ดีต่อร่างกาย!?”
เอเลนถึงกับตกใจเมื่อได้รู้เหตุผล
“ทั้งสองคนช่วยลองมันกับผิวตัวเองที่ได้ไหม? ผมอยากจะฟังความเห็นของผู้หญิงบ้างน่ะ”
ลอตเต้ผู้เพิ่งเคยใช้รองพื้นเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอได้ตะโกนด้วยความปีติยินดี เมื่อเห็นตัวเองที่ยืนอยู่หน้ากระจก
“ว๊าว… มันปรับเข้ากับผิวได้เร็วจังค่ะ!”
“เธอยังไม่ควรใช้มันนะลอตเต้ー เธอยังเด็กแล้วผิวก็อ่อนนุ่มอยู่แล้วด้วย”
“เอ๋? คุณเอเลโอนอร์ก็ยังใช้ได้เลยนี่ค่ะ!”
“ห้ามใช้เด็ดขาด เข้าใจนะ?”
และทั้งคู่ก็เริ่มคุยกันในเรื่องที่มีแต่สาวๆ จะเข้าใจ
“เป็นยังไงบ้างครับรู้สึกแสบคันบนผิวหรือเปล่า?”
“ไม่เลย”
ทางเซดริกนั้นได้ทามันลงไปที่หลังมือของเขาและเขารู้สึกประทับใจกับมันพอสมควร แต่เพราะเขาเป็นชายโสดที่เข้าใกล้คำว่าวัยทองจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้มัน ส่วนเอเลนนั้นได้ใช้มันกับผิวของเธอซึ่งผลคือมันเข้ากับผิวเธอได้ดีมากสืบเนื่องจากเธอนั้นมีความกังวลเกี่ยวกับกระ ของเธอและรอยแผลจากสิว แต่ตอนนี้มันกลับหายไปหมดแล้ว
“ฟาร์มาคุง ฉันก็อยากได้สิ่งนี้เหมือนกันนะ”
เอเลนไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปดูได้จากมือของเธอที่กอดครีมเอาไว้
“แล้วนายไปรู้จักสิ่งนี้มาจากไหนกัน”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น…”
ในชาติก่อนของเขานั้นเคยเป็นนักเภสัชวิทยามาก่อน ซึ่งเคยผ่านการเป็นรองศาสตราจารจากสาขาเภสัชกรรมมาก่อนซึ่งเขามักจะได้ทำงานวิจัยร่วมกับบริษัทเภสัชกรรม และได้อยู่ในส่วนเป็นผู้ทำการประเมินในฐานะบุคคลที่สามเกี่ยวกับเครื่องสำอางตัวใหม่ที่ออกมาเพื่อทดสอบสารก่อภูมิแพ้ เขาจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับภูมิหลังของเรื่องพวกนี้
“เพราะภูมิปัญญาในชาติที่ยังเป็นเทพโอสถหรือเปล่าครับ?”
เซดริกเริ่มกลายเป็นเหมือนเอเลนซะแล้วสิ
“ไม่ครับมันค่อนข้างแตกต่างออกไปจากนั้นนะครับ”
“แล้วมันเป็นครีมแบบไหนกันล่ะ?”
“มันเป็นรองพื้นกันแดด ดังนั้นมันจึงสามารถทำให้ผิวขาวเนียนได้ด้วยทั้งยังสามารถกันแดดได้อีก”
“นายกำลังจะบอกว่ามันป้องกันแสงจากแดดข้างนอกได้งั้นเหรอ?”
เอาจริงดิ? แม้ว่านายจะเดินออกไปอาบแสงอาทิตย์ข้างนอกก็ตามเหรอ? นั่นคือสิ่งที่เอเลนกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ มันสามารถทำแบบนั้นได้”
แสงนั้นประกอบไปด้วยคลื่นหลายประเภท เขาบอกว่าครีมตัวนี้มีส่วนผสมพิเศษที่มีส่วนผสมในการดูดซับป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเลท ฟาร์มาอธิบายเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดให้กับพวกพนักงานฟัง
“ฉันล่ะตามไม่ทันเลยจริงๆ”
เอเลนพูดขณะที่กำลังนั่งพักหาว ส่วนลอตเต้ได้แต่พยักหน้าเหมือนเข้าใจ
“นายบอกว่ามันกันแสงอาทิตย์ได้ งั้นหมายความว่าแสงก็จะไม่โดนตัวนายเลยงั้นสินะ ถ้าเป็นแบบนี้พวกลูกๆ ของชนชั้นสูงก็สามารถออกไปข้างนอกโดยไม่ต้องกลัวผิวคล้ำแดดแล้วสิ”
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม นี่มันสุดยอดผลิตภัณฑ์เลยนะ! ทีนี้เราจะก็ได้เห็นพวกนั้นโยนร่มกันแดดของตนทิ้งไปแน่นอน!”
“ผมว่าพวกเขาไม่ทำแบบนั้นกันหรอกครับ”
ผู้หญิงของที่นี่นั้นมีแนวโน้มว่าสามารถผิวคล้ำได้อย่างง่ายดาย เพราะพวกเธอนั้นมันจะออกไปข้างนอกเพื่อเดินซื้อของที่พวกเธอชอบกัน แม้ว่าจะอยู่บนรถม้าก็ตามทีแต่ผิวของพวกเธอก็ยังค่อยๆ คล้ำขึ้นทีละน้อยทุกๆ วันเนื่องจากแสงสะท้อนผ่านหน้าต่าง ซึ่งผิวของพวกเธอจะกลับมาขาวได้ด้วยการป้องกันจากสิ่งนี้
สำหรับหญิงสาวที่ฟาร์มาสัญญาไว้นั้นเขาได้พยายามสร้างเครื่องสำอางตัวทดลองขึ้นมาบางส่วนที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผิว
1 : ซีซี ครีม (CC Cream)
พื้นฐานมาจากบีบีครีม (BB Cream) ซึ่งถูกใช้ครั้งแรกในการศัลยกรรมความงามซึ่งใช้ปิดในส่วนของผิวหนังที่อักเสบหลังการผ่าตัด มันถูกปรับปรุงเพิ่มเต็มจนออกมาเป็น ซีซี ครีม ซึ่งมันได้ออกตัวมาในรูปแบบผลิตภัณฑ์ชั้นนำของแบรนด์ดังต่างๆ ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก ส่วนผสมของครีมนั้นมีผลดังต่อไปนี้
ป้องกันแสงยูวี, ปรับผิวให้กระจ่างใส, เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว, และ มีวิตามินต่างๆ ที่มาส่วนสำคัญในการบำรุงและป้องกันผิว
เพียงแค่ใช้ทาหน้าทันทีหลังจากล้างหน้าทันทีและจากนั้น30วินาทีก็สามารถแต่งหน้าได้เลย การใช้ ซีซีครีมนั้นไม่เพียงทำให้ผิวมีความอ่อนโยนมากขึ้น มันยังสามารถหักเหแสงที่เข้ามากระทบกับใบหน้า จึงเรียกได้ว่าไม่ทำให้เพียงหน้าขาว แต่ยังส่งผลให้ใบหน้านั้นมีความเปล่งประกายออกมาและเพิ่มความโดดเด่นให้กับใบหน้าของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น
2: แป้งฝุ่นที่มีส่วนผสมของแร่เซริไซท์ เป็นสิ่งที่จะทำให้ใบหน้านั้นรู้สึกขาวเป็นประกาย
เขาทำเป็นรูปแบบผงสำเร็จรูปตามคำขอของเธอที่ว่า สีขาวเหมือนกับหิมะ
3: และสุดท้ายคือสิ่งที่เขาห้ามลืมเป็นอันขาด เครื่องสำอางสำหรับการล้างเครื่องสำอางและซ่อมแซมผิว มันจะทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้าเพื่อป้องกันรูขุมขนอุดตัน เพราะการดูแลผิวนั้นเป็นพื้นฐานของความงาม
ส่วนโลชั่นที่ทำความสะอาดผิวและสบู่สมุนไพรนั้นมีขายอยู่ในร้านตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ชุดเครื่องสำอางเหล่านี้จึงถูกทำขึ้นเพื่อเธอคนเดียวบนโลกใบนี้
แล้ววันที่สัญญากันไว้ก็มาถึง
รถม้าของลูกสาวตระกูลมาร์ควิส โคลเอ้ หยุดอยู่หน้าร้านขายยาต่างโลกในยามเช้า
ฟาร์มาไม่สามารถปล่อยให้เธออยู่คนเดียวได้ แม้เข้าจะติดพันงานอยู่แต่ก็ต้องปล่อยมันเอาไว้ก่อน
“เป็นยังไงบ้างท่านแพทย์โอสถ ฉันขอขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณทำในอาทิตย์ก่อนนะ…แล้วผงแป้งทาหน้าของฉันเสร็จแล้วหรือยัง?”
“ครับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว”
ฟาร์มาพาเธอไปยังมุมให้คำปรึกษาและนำชุดเครื่องแต่งหน้า 5 ชิ้นที่วางอยู่ในกล่องมาให้เธอ พร้อมกับส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบอาการแพ้ของเธอ เขาบอกว่าหากมีอาการระคายเคืองเขาจะชดใช้ค่าเสียหายให้
“ฉันอยากได้มากกว่านี้อีกค่ะ ส่วนนี่คือเงินค่ะ”
โคลอี้มอบกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเหรียญทองไว้บริเวณข้างหน้าของฟาร์มา
“ด้วยเงินจำนวนนี้ ผมสามารถให้ของกับคุณเพิ่มได้อีกเยอะเลยครับถ้าหากไม่มีอาการแพ้นะครับ งั้นมาลองกันเลยนะครับ”
ตอนนี้ฟาร์มาได้กลายเป็นเหมือนที่ปรึกษาด้านความงามที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าไปเสียแล้ว เขาได้บอกให้เธอไปล้างหน้าและหลังจากนั้นค่อยๆ ใช้ผ้าฝ้ายที่แช่โลชั่นทำความสะอาดผิว เช็ดบนใบหน้า
“ต่อไปคือผงแป้งทาหน้านะครับ”
ฟาร์มาได้นำไม้พายตักครีมสีขาวออกมาจากภาชนะ ในขณะที่เธอกำลังมองดูสิ่งผิดปกตินั้น
“ทั้งๆ ที่บอกว่าผงแป้งทาหน้า แต่นี่มันไม่ใช่ผงนี่?”
“สิ่งนี้มันสามารถเข้ากับผิวได้ง่ายกว่าครับ ที่ผมเตรียมมานั้นมันอยู่ในรูปแบบของครีม มันมีส่วนผสมหลายตัวที่ช่วยในการเสริมความงาม อีกทั้งยังมีความสามารถในการป้องกันแสงแดดด้วยครับ”
“โอ้โห!… สิ่งที่มันเหลือเชื่อมากเลยนะที่จะกันแสงแดดได้! แต่หน้าตาของมันก็น่าจะมีผลดีกับผิวอยู่เหมือนกันนะ”
โคลเอ้ยื่นหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ เนื้อครีมนั้นไม่เหนียวมากมันทำให้เธอประหลาดใจมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่น้ำมันด้วย
“ด้วยผงที่เป็นแบบนี้มันง่ายที่จะใช้ด้วยครับ ผมจะลองลงมันที่หน้าคุณดูนะครับ”
“โอ้! ดูเหมือนมีประกายออกมาเลย”
เอเลนเริ่มใช้แปรงปัดด้วยความรวดเร็วประกายสีขาวกระจายออกมาเมื่อสะท้อนกับแสงผิวของหญิงสาวคนนั้นถูกคลุมไปด้วยแสงสีอ่อนๆ ของแดด มันแตกต่างจากการใช้ผงแป้งทาหน้าทั่วไป สีของใบหน้าในขณะนี้นั้นแลดูเป็นธรรมชาติมาก
“นี่ฉัน… จริงๆ เหรอ?”
ราวกับหญิงงามที่ถอดแบบมาจากในตำนาน โคลเอ้กำลังสรรเสริญตัวเองด้วยความหลงใหลและคลั่งไคล้ขณะมองกระจกอยู่
“ด้วยสิ่งนี้ทำให้ทุกอย่างมันแตกต่าง…จากทุกสิ่งที่เคยผ่านมาจนกระทั่งวันนี้!!”
“คุณชอบมันหรือเปล่าครับ? จะรับมันไว้ไหมครับ? ด้วยเครื่องสำอางพวกนี้จะสามารถดึงความงดงามของผู้หญิงออกมาได้ดีอย่างแน่นอนครับ”
ฟาร์มากำลังพูดเหมือนที่ปรึกษาด้านความงาม
“โอ้ให้ตายสิ…! ฉันจะทำยังไงดี?!”
เธอมองลงพื้นอย่างเอียงอาย จากนั้นก็คว้าตัวอย่างสินค้าอันเลอค่านั้นไปนี่มันราคาถูกยิ่งกว่าการเรียกแพทย์มาเจาะเลือดของเธอออกทุกๆ วันเสียอีกและมันก็มีคุณภาพมากกว่าผงแป้งทาหน้าที่เธอเคยใช้มาก่อนหน้านี้ เธอหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปีติยินดี และคำแนะนำเพิ่มเติมที่เธอได้นั้นคือควรจะสวมหมวกและพกร่มกันแดดหรือถ้าจะดียิ่งกว่าเดิมคือสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ด้วย
“ขอบคุณมากจริงๆ ด้วยสิ่งนี้แหละจะทำให้ฉันเหนือกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ไว้ฉันจะกลับมาซื้อของที่นี่อีกนะ!”
โคลเอ้ก้มศีรษะของเธอลงอย่างรวดเร็วหลายครั้ง ก่อนจะเดินจากไป
วันถัดมาลอตเต้ได้ตะโกนเรียกความสนใจจากเหล่าหญิงสาวที่เดินผ่านบริเวณหน้าร้านขายยาต่างโลก
“ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ค่ะ! ผงแป้งทาหน้าและชุดเครื่องดูแลผิวอยู่ที่นี่แล้ว! ทุกท่านสามารถซื้อชุดทดสอบในราคาเพียง 3 เหรียญทองแดงเท่านั้นค่ะ”
จากข้อเสนอของลอตเต้นั้นการขายผลิตภัณฑ์รุ่นทดลองในราคา 3 เหรียญทองแดง และเมื่อลอตเต้นำมันใส่ตะกร้าแล้วเดินบริเวณถนน ก็มีมือของหญิงสาวมาสะกิดเธอแล้ว พูดว่า
“ขอให้ฉันด้วย ฉันด้วย”
“ฉันก็ซื้อได้ใช่ไหม?”
มือที่อ่อนแรงของหญิงชราที่กำสามเหรียญทองแดงไว้ในมือ
“แน่นอนค่าเพราะคำขวัญของพวกเราคือ ผู้หญิงทุกคนต้องสวยสดและงดงามค่ะ”
สำหรับผู้ที่อ่านตัวหนังสือไม่ออกนั้น บริเวณหน้าร้านมีป้ายภาพแสดงถึงวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตั้งอยู่
มีหลายครั้งที่พวกเขานั้นไม่สามารถหักห้ามใจกับสิ่งที่เรียกว่าความปรารถนาและใช้เงินของพวกเขานั้นซื้อเครื่องสำอางของชนชั้นสูงที่ขายในร้านสำหรับชนชั้นสูงได้ ซึ่งพวกเขาสามารถซื้อได้เพียงตัวอย่างสินค้าด้วยเงินอันน้อยนิดที่พวกเขามี
แต่สำหรับร้านขายยาต่างโลกนี้
“ข้าขอลูกอมลงเรือ 10 เม็ด”
“นี่ค่ะ ขอบพระคุณมากที่คอยมาใช้บริการทุกวันนะคะ”
“ถ้าอย่างงั้นข้าขอดื่มน้ำล่ะนะ!”
พวกเขาชักไม่แน่ใจว่าตาณองนั้นกำลังเล็งลูกอมหรือน้ำกันแน่ แต่เขาก็เป็นลูกค้าประจำ นอกจากนั้นปริมาณที่เขาซื้อนั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย จากการคาดเดาของฟาร์มาดูเหมือนเขาจะเอาไปให้พวกเพื่อนร่วมทางของเขาข้างนอกด้วย
เพราะฟาร์มาคิดว่าปริมาณขนาดนั้นมันเยอะพอสมควร
ไม่ใช่เพียงแค่นั้นลูกค้าคนใหม่ๆ ที่เข้ามายังร้านขายยาต่างโลกนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้หญิง
หญิงสามัญชนส่วนใหญ่นั้นสนใจในเรื่องของผงแป้งทาผิวซึ่งปริมาณนั้นมีอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจมากและกลายเป็นลูกค้าประจำไปเลย ส่วนทางด้านของรองพื้นนั้นก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ครีมบำรุงผิวกับที่ล้างเครื่องสำอางก็เช่นกัน
.
“ลูกค้าเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ”
ลูกค้าผู้หญิงนั้นมักจะแนะนำเรื่องพวกนี้ให้กับครองครัวและเพื่อนของพวกเธอ ดังนั้นฐานลูกค้าจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชนชั้นสูง สามัญชน พ่อค้าต่างเข้ามาที่ร้านแห่งนี้ด้วยชุดลำลองเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว
ลอตเต้ซึ่งเป็นพนักงานขายอยู่ส่วนเคาน์เตอร์นั้นก็ยุ่งมากทีเดียว
“ค่ะ ผงแป้งทาหน้าสามชิ้นสินะคะ? เอ๋ ห้าเหรอคะ? เราจำกัดสิทธิ์ไว้ที่สามชิ้นต่อคนนะคะ!”
ลอตเต้กำลังให้บริการลูกค้าด้วยความยินดี ทั้งเหล่าหญิงสาวสามัญชนและชนชั้นสูงก็ต่างเข้ามาที่นี่เพื่อแสวงหาความงาม
“วันนี้พวกเราขายหมดแล้วครับー!”
เมื่อชาวบ้านที่เข้ามายังร้านขายยาต่างโลกนี้ พวกเขาได้เห็นถึงตัวยาที่ถูกจัดวางไว้บนชั้นขายซึ่งป้ายราคานั้นถูกอย่างเหลือเชื่อมากเมื่อเปรียบเทียบกับร้านขายยาอื่นๆ ซึ่งมันกลายเป็นหัวข้อที่โด่งดังกันมากในหมู่สามัญชน
และเหล่าสามัญชนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาในร้านแห่งนี้นั้นไม่ใช่แค่เพียงพวกที่ต้องการเครื่องสำอาง เท่านั้นแถวอันยาวเหยียดบริเวณตู้กดน้ำก็เป็นคำตอบหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน
การให้คำปรึกษาทางด้านสุขภาพเริ่มปรากฏมามากขึ้น ซึ่งฟาร์มาและเอเลนรับหน้าที่ในส่วนแนะนำยาไป แม้ว่าเหล่าลูกค้าจะไม่ได้ใช้คำที่สุภาพกับพวกตนแต่เขาก็ไม่ได้ดูถูกคนพวกนั้นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามฟาร์มาและเอลเลนนั้นต่างใช้คำพูดที่สุภาพกับลูกค้าทุกคนทำให้พวกเขากลับไปพร้อมกับอารมณ์ที่ดีกันทุกคน ทั้งค่าธรรมเนียมที่ถูกมากอย่างไม่น่าเชื่อและยาที่เด็กน้อยซึ่งเป็นผู้จัดการร้านทำออกมาก็ดีเลยทีเดียว
“เอาละค่ะ ฉันจะเริ่มประกาศผลการสำรวจครั้งที่ 3 แล้วนะคะ!”
ลอตเต้ประกาศอย่างเสียงดัง จนมันกลายเป็นประเพณีที่จะต้องมีการสำรวจกับผู้คนเกี่ยวกับร้านขายยาต่างโลกนี้ไปแล้ว
“รอบนี้ผมรู้สึกคาดหวังพอสมควรนะครับ”
เซดริดกุมมือของเขาไว้เหมือนกำลังอธิษฐาน
“ยาราคาถูกและมีประสิทธิภาพมากー 44 เสียงค่ะ”
“เปลี่ยนเป็นร้านขายยาส่วนบุคคลน่าจะดีกว่านะ ー 39 เสียงค่ะ” (ทำยาให้เฉพาะเป็นคนๆ ไปเลย)
“ฉันอยากให้เธอทำเครื่องสำอางให้เยอะกว่านี้ー 36 เสียงค่ะ”
“ต้องมองผู้จัดการร้านเด็กคนนั้นใหม่เลยー 25 เสียงค่ะ”
“ลูกอมอร่อยมากー 15 เสียงค่ะ”
“น้ำดื่มสุดยอดー 10 เสียงค่ะ”
ทั้งปริมาณและความพอใจของลูกค้าต่อร้านขายยาต่างโลกนั้นเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
โดยส่วนใหญ่นั้นจะหนักไปทางเครื่องสำอางซึ่งดูจากปริมาณหญิงสาวที่อยู่หน้าร้าน ทางด้านของลอตเต้นั้นแอบเป็นห่วงว่าเธอจะไม่สามารถจัดการจัดการลูกค้าบางรายได้หรือเปล่า ส่วนลูกสาวของมาร์ควิสโคลเอ้นั้นได้เสนอกับเขาว่านอกเหนือจากร้านขายยาแล้ว ควรจะสร้างแผนกเครื่องสำอางโดยเฉพาะไปเลยทางที่ดีก็สร้างสาขาย่อยเลยก็ได้ ซึ่งเธอที่กลับมาคราวนี้นั้นมีผิวที่เรียบเนียนและสวยงามมาก
“ฉันขอเป็นผู้จัดการลงทุนให้กับส่วนนี้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์เลยก็ได้นะ ฉันจะจ้างแพทย์โอสถกับพวกคนเฝ้าร้านเองด้วย”
เหตุมาจากการที่เธอนั้นรู้สึกหงุดหงิดมากที่บางครั้งเธอมาถึงร้านแต่เครื่องสำอางนั้นหมดลงไปแล้ว และเพราะฟาร์มานั้นไม่ได้ทำงานในส่วนของเครื่องสำอางด้วย
“นั่นก็เป็นไอเดียที่ดีนะครับ! คุณเซดริกช่วยเตรียมดำเนินการตามขั้นตอนให้ทีนะครับ”
“กรุณาไว้ใจกระผมได้เลยครับ ท่านฟาร์มาผมจะรีบดำเนินการร่างเอกสารครับ”
ฟาร์มายอมรับข้อตกลงและเลือกที่จะขายเครื่องสำอางในแผนกนั้นโดยเฉพาะไปเลยโดยโคลเอ้นั้นจ้างแพทย์โอสถขั้นสองและทำการฝึกสอนพวกเขาเป็นอย่างดี พวกเขาได้รับการสอนเกี่ยวกับสูตรผสมเครื่องสำอางอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะทำให้พวกเขานั้นสามารถขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้เอง และฟาร์มาก็จะเป็นคนใส่ส่วนผสมพิเศษสำหรับเครื่องสำอางลงไปเอง เพราะมีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถทำส่วนผสมพิเศษนั้นได้
“ในที่สุดฉันก็จ้างพวกแพทย์โอสถขั้นสองมาจนได้”
ชนชั้นสูงที่กระทำเรื่องแบบนี้โดยพลการนั้นจะถูกมองว่าเป็นพวกชั้นต่ำ แต่โคลเอ้ก็ไม่ได้สนใจและภูมิใจกับสิ่งที่ตนทำถึงเธอจะใช้อำนาจของชื่อมาร์ควิสก็ตาม และดูเหมือนพวกเขาค่อนข้างมั่งคั่งพอสมควร
“นี่มันสุดยอดมากเลยไม่ใช่เหรอ?! ตอนนี้ทุกคนก็สามารถซื้อเครื่องสำอางกันได้แล้ว! ปัญหาเรื่องของหมดก็จะไม่มีอีกต่อไปด้วย!”
เอเลนรู้สึกประหลาดใจมากที่ร้านแห่งที่สองนั้นถูกสร้างเสร็จสิ้นแล้ว เธอได้มายังที่ร้านแห่งนี้และได้รับการดูแลอย่างดี ตัวเธอนั้นได้ทำการจัดหาเครื่องสำอางที่เหมาะสำหรับตัวเอง ผลคือรายได้จากเงินเดือนของพนักงานในร้านหลักนั้นได้ถูกหมุนเวียนมาไว้ในร้านที่สองด้วย แม้ว่าราคาของสินค้าจะต่ำแต่เงินที่หมุนอยู่นั้นก็ถือว่าเป็นกำไรอยู่ดี
“ผมชักสงสัยแล้วสิว่าเรากำลังเดินมาในทิศทางที่ถูกต้องไหม”
ฟาร์มาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ขณะนี้ร้านแห่งที่สองซึ่งเป็นสาขาเครื่องสำอางของร้านขายยาต่างโลก เหล่าเครื่องสำอางที่เลอค่าราวกับถูกส่งมาจากสรวงสวรรค์! ชื่อแบรนด์ของเครื่องสำอางที่ถูกประกาศต่อสาธารณชนนั้นคือ เมดีก (MEDIQUE-หากอ่านตามภาษาบัลกาเรียน)
สัญลักษณ์มงกุฎซึ่งเป็นตราจากราชสำนักและสัญลักษณ์ตัวMได้ถูกสลักไว้บนบรรจุภัณฑ์ของสินค้า
แล้วไม่นานนักที่ฟาร์มาได้คุยเรื่องนี้กับจักรพรรดินีเกี่ยวกับสารตะกั่วและปรอทรวมถึงสารพิษอื่นๆ สิ่งเหล่านั้นก็ได้ถูกระบุว่าห้ามขายในร้านขายยาทุกแห่งของจักรวรรดิแห่งนี้ ในนามของจักรพรรดินี
————