บทที่ 130 คำเตือน

บทที่ 130 คำเตือน

เซี่ยจิ่งเยว่ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็รีบไล่ตามน้องสาวของเขาออกไป

เสิ่นอี้โจวก็รีบตามไปเช่นกัน

แต่กงเหลียนซินหยุดเขาไว้ “ฉันจะไปเอง”

หลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งออกไป

เมื่อเห็นแบบนี้ จางอวี้เจียวก็มีท่าทีร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก*[1] สีหน้าของเธอในตอนนี้ดูแทบไม่ได้

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเธอเลย จางอวี้เจียวก็กระทืบเท้าก่อนจะหยิบนมผงสองกระป๋องบนโต๊ะ และกำลังจะกลับไปที่ห้องของเธอเอง

เซี่ยโย่วหมิงก็หยุดเธอด้วยการตะโกนว่า “สะใภ้รอง!”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ จางอวี้เจียวก็หยุดเดิน หัวใจของเธอเริ่มหวั่นไหว

เซี่ยโย่วหมิงไม่เคยเรียกเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน

เธอหันกลับมาและตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม “คะคุณพ่อ?”

เซี่ยโย่วหมิงพยักหน้าและชี้ให้เธอนั่งลง

จางอวี้เจียวได้แต่นั่งประหม่าอยู่ที่โต๊ะ

เมื่อเห็นสิ่งนี้หวังผิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณต้องการจะทำอะไร?”

เซี่ยโย่วหมิงเบิกตามองเธอและพูดว่า “เดิมที ผมว่าจะไม่พูดหรอก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจำเป็นต้องพูดแล้ว ถ้าคุณอยากฟังก็นั่งลงด้วยกัน แต่ถ้าไม่ต้องการฟังก็ไปทำอาหารในครัวซะ!”

“คุณ…” หวังผิงสำลักกับคำพูดของเธอที่เหมือนจุกอยู่ในอก เธอรู้สึกหายใจแทบไม่ออก

ในความทรงจำของเธอ เซี่ยโย่วหมิงไม่ค่อยแสดงท่าทีเช่นตอนนี้

ปกติเธอมักจะโต้แย้งกับเขาในเรื่องเล็ก ๆ แต่ตอนนี้เซี่ยโย่วหมิงดูโกรธอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก

เธอได้แต่นั่งลงข้าง ๆ ด้วยใบหน้าบึ้งตึง

เซี่ยโย่วหมิงพูดกับเสิ่นอี้โจวอีกครั้ง “อี้โจว นั่งลง”

เสิ่นอี้โจวเข้าใจได้ในทันทีว่าพ่อตาต้องการสะสางเรื่องราวกับจางอวี้เจียว

เขานั่งลงและรอดูสถานการณ์

ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นสถานการณ์ที่เซี่ยโย่วหมิงและอีกสองคนเผชิญหน้ากับจางอวี้เจียว

จางอวี้เจียวอดประหม่าไม่ได้ จนเธอกำเสื้อผ้าไว้แน่น

เธอระงับความตื่นตระหนกและพูดว่า “คุณพ่อ ซือถงกับซือเหยียนไม่รู้ไปเล่นที่ไหนแล้ว หนูอยากไปดู”

เมื่อพูดจบ เธอกำลังจะลุกขึ้นยืน

เซี่ยโย่วหมิงยกมือขึ้นห้ามทันที “คู่พี่น้องไป่ตามไปดูแล้ว มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน และเวลาที่พวกเขาเล่นด้วยกัน ฉันก็ไม่เห็นเธอจะเคยไปยืนดูอยู่ข้าง ๆ สักครั้ง!”

หลานชายทั้งสองมีนิสัยคล้ายกับพ่อแม่ พวกเขาทั้งใจเย็นและไม่เคยไปเสี่ยงในสถานที่อันตราย

ดังนั้นผู้ใหญ่จึงค่อนข้างไว้ใจ

ตั้งแต่เซี่ยชิงหยวนแต่งงาน เด็กชายผู้เป็นพี่มักจะพาน้องสาวสองคนของพวกเขาไปเล่นด้วยกัน เพราะจางอวี้เจียวก็ไม่เคยพาพวกเด็ก ๆ ออกไปเล่นเลย

นานวันเข้า คนในครอบครัวก็ชินชากับเรื่องนี้

จางอวี้เจียวต้องการพูดมากกว่านี้ แต่เธอไม่สามารถหาเหตุผลที่ดีได้เพราะเป็นความจริงที่เธอไม่ได้ดูแลลูก ๆ ของตัวเองมากนัก

ดังนั้นขาของเธอจึงเริ่มสั่นอย่างช่วยไม่ได้

เพราะเซี่ยโย่วหมิงไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้

เธอจึงตะโกนออกมาอีกครั้ง “คุณพ่อ!”

เซี่ยโย่วหมิงไม่ได้หวั่นไหวเลยสักนิด

เขาปรายตามองจางอวี้เจียวและพูดว่า “สะใภ้รอง เธอแต่งงานกับครอบครัวของเรามาหลายปีแล้ว ฉันอยากถามเธอหน่อยว่ามีใครในครอบครัวของเราที่ทำอะไรผิดกับเธอหรือเปล่า?”

เซี่ยชิงหยวนได้ถามคำถามนี้ไปแล้ว

ไม่มีแน่นอน

แม้แต่กงเหลียนซินที่ไม่ค่อยถูกกับเธอก็ไม่ได้สนใจเธอมากนัก

แม้ว่าเธอมักจะเกียจคร้านและเอาแต่บอกให้ลูกสาวไปเล่นกับพี่ชายทั้งสอง กงเหลียนซินก็ไม่เคยปริปากบ่น

จางอวี้เจียวรู้สึกผิดกับคำถามนี้อย่างมาก

เธอทำได้เพียงต้องยอมรับและพูดว่า “ไม่มีค่ะ”บราวนี่ออนไลน์

เซี่ยโย่วหมิงพูดต่อ “งั้นฉันถามอีกครั้ง ชิงหยวนปฏิบัติตัวกับครอบครัวของเธอทั้งสี่คนยังไง?”

เซี่ยโย่วหมิงถามชัดเจนมากว่า ‘ครอบครัวของเธอทั้งสี่คน’

เรื่องราววุ่นวายในครอบครัวจางของเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซี่ยชิงหยวนเลยสักนิด

จางอวี้เจียวพยักหน้าอีกครั้ง “เธอ…ปฏิบัติต่อพวกเราเป็นอย่างดี”

จากนั้นเธอก็หยุดพูดชั่วครู่ ราวกับเธอไม่ต้องการยอมรับว่าตัวเองผิด แล้วพูดว่า “แต่น้องสาวของฉัน…”

“สะใภ้รอง นั่นคือน้องสาวของเธอ!” เซี่ยโย่วหมิงพูดขัดเธอทันที

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอแต่งงานเข้าบ้านเราแล้ว อีกทั้งชิงหยวนยังดูแลเธออย่างดี ยิ่งกว่านั้น ลูกสาวของฉันยังดูแลทั้งซือถงและซือเหยียนเองกับมือ ถ้าไม่ใช่เพราะชิงหยวนกับอี้โจวช่วยเหลือ สามีของเธอจะเข้าทำงานในศาลากลางได้ไหม?! อย่ากล่าวถึงเรื่องที่เธอชี้นิ้วสั่ง เธอไม่รู้หรือไงว่ามีคนอยากไปทำงานที่นั่นมากแค่ไหน ทั้งส่งของขวัญและใช้เส้นสายสารพัด ทำไมพวกเขาถึงให้งานนี้กับสามีของเธอ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยโย่วหมิงก็เริ่มโมโหมากขึ้น “ชิงหยวนกับอี้โจวไม่เคยติดหนี้บุญคุณเธอเลย และถ้าจะพูดให้ถูก เธอต่างหากที่เป็นหนี้ชิงหยวนอย่างสาหัส!”

เขาถอนหายใจ “สะใภ้รอง เธอต้องรู้จักพอได้แล้ว!”

ใบหน้าของจางอวี้เจียวเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำสลับขาวซีด ขณะเซี่ยโย่วหมิงพูด เธอแทบจะเงยหัวไม่ได้

เขาจุดไฟเผาเธอแบบนี้ที่นี่ เมื่อพบกับเสิ่นอี้โจวในอนาคต เธอคงจะต้องเดินหลบเลี่ยงเขาแน่นอน

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอย่อมรู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมาอีกครั้ง

เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา และมองไปยังหวังผิงโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยพูดให้เธอเหมือนเคย

แต่ดูเหมือนหวังผิงจะติดอยู่ในความทรงจำ และไม่ได้สังเกตเห็นเธอเลย

ในที่สุดจางอวี้เจียวก็กัดริมฝีปากและลุกพรวดเสียงดัง

จากนั้นเธอก็โพล่งว่า “ฉันรู้ดี ทุกคนเอาแต่ช่วยพูดให้เซี่ยชิงหยวนอยู่นั่นล่ะ!”

เธอคิดจะกลับไปร้องไห้ที่ห้องนอน

โดยไม่คาดคิด เมื่อเธอพูดจบ เซี่ยโย่วหมิงก็ตบโต๊ะทำให้หวังผิงตื่นจากภวังค์

ใบหน้าของเซี่ยโย่วหมิงดูแทบไม่ได้

เขามองไปยังจางอวี้เจียวและกล่าวว่า “สะใภ้รอง ถ้าเธอยังทำตัวแบบนี้ ตระกูลเซี่ยของเราก็ไม่จำเป็นต้องมีเธอไว้!”

วาบ!

คำพูดเหล่านี้เหมือนสายฟ้าฟาดกระหน่ำที่หัวใจของจางอวี้เจียว

เซี่ยโย่วหมิงตั้งใจจะให้เธอหย่ากับเซี่ยจิ่งเฉินงั้นเหรอ?

แม้แต่ใบหน้าของหวังผิงก็เปลี่ยนไป “นี่คุณ!”

หากคนทั้งสองหย่ากันจริง ๆ มันจะไม่เป็นการพิสูจน์สิ่งที่คนอื่นพูดว่าครอบครัวของพวกเขาไม่ชอบใจจางอวี้เจียวเพราะเธอไม่สามารถมีลูกได้หรอกเหรอ?

ไม่ เธอไม่เห็นด้วย!

เซี่ยโย่วหมิงชำเลืองมองหวังผิงอย่างด้วยสายตาลุ่มลึกและพูดว่า “ถ้าเธออยากเสียลูกสาวไปจริง ๆ เธอก็ทำอย่างที่เคยทำต่อไป!”

ทันใดนั้น ใบหน้าของหวังผิงก็ซีดลง

ร่างกายของเธอสั่นเทา

เซี่ยโย่วหมิงไม่สนใจปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอีกต่อไป

เขายืนขึ้นพร้อมกับงอหลัง “จบการสนทนา จากนี้เธอก็ไปพิจารณาตัวเองให้ดี!”

จากนั้นเขาพูดกับเสิ่นอี้โจว “อี้โจว เราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”

เสิ่นอี้โจวยืนขึ้นและช่วยพยุงเขา “ครับ”

หลังจากเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยโย่วหมิงจากไป มีเพียงหวังผิงกับจางอวี้เจียว เท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในบ้าน

จางอวี้เจียวร้องออกมาอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม “คุณแม่!”

หวังผิงหันไปจ้องเขม็งใส่จางอวี้เจียว

จางอวี้เจียวตกใจกับการถูกจ้องมองแบบนี้ และน้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป “คุณแม่?”

หวังผิงพูดอย่างฉุนเฉียว “อย่ามาเรียกฉันว่าแม่! เธอได้ยินสิ่งที่พ่อสามีเธอพูดแล้ว ดังนั้นกลับไปคิดทบทวนตัวเองให้ดีซะ!”

คำพูดของเซี่ยโย่วหมิงนั้นทั้งเตือนจางอวี้เจียวและเตือนตัวเธอเช่นกัน

ถ้าเธอยังทำตัวเหมือนเดิม บางทีเซี่ยชิงหยวนอาจจะตัดความสัมพันธ์กับเธอจริง ๆ

แถมยังเป็นลูกที่เธอตั้งท้องตั้งสิบเดือน เธอจะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้ยังไง?

แค่เธอรู้สึกว่าลูกชายของเธอเป็นรากฐานและเสาหลักของครอบครัว เธอจึงพยายามยึดลูกชายไว้

ทว่าก็อย่างที่ทุกคนรู้ เซี่ยชิงหยวนมีความทุกข์ใจมากมายจริง ๆ

เธอเริ่มสงสัยว่าเธอทำผิดไปจริง ๆ ใช่ไหม

หลังจากพูดจบ หวังผิงก็หยิบนมผงสองกระป๋องบนโต๊ะมาไว้ในอ้อมแขน “ฉันจะเก็บนมผงพวกนี้ไว้ จากนี้ไปฉันจะทำนมผงสำหรับหลาน ๆ ของฉันด้วยตัวเอง!”

[1] ร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ออก หมายถึง ทำอะไรไม่ถูก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

———————–