ฮั่วเทียนหลันในตอนนี้โมโหเป็นอย่างมาก ส่วนอะไรที่เป็นสาเหตุของการกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้นั้น บอกตามตรงว่าเขาเองก็ยังตอบไม่ได้

เพียงแค่นายอ้วนกอคนนี้มันแตะต้องผู้หญิงของเขาอย่างนั้นหรือ ถ้าเพราะเหตุนี้จริง ฮั่วเทียนหลันเองก็ไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่

นายอ้วนกอนี่กำลังยั่วยุและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตระกูลฮัว!

บรรดาเศรษฐีหนุ่มที่มองดูการแสดงอยู่เมื่อกี้เริ่มตัวสั่น ไม่สนใจผู้หญิงที่อยู่ข้างตัวอีกต่อไป และยังมีบางส่วนที่วิ่งหลบหนีออกไปเพราะกลัวโดนลูกหลง

ด้วยกลัวว่าอารมณ์ของฮั่วเทียนหลันจะปะทุขึ้นมาอีกรอบ แล้วจัดการกับพวกเขาทั้งหมดไปด้วย

ฮั่วเทียนหลันรู้สึกว่าอารมณ์โกรธของเขายังจุกแน่นอยู่เต็มอก เหมือนยังไม่ทันได้ระบายออกยังไงยังงั้น

เขาจึงคว้าเอาขวดเบียร์ฟาดลงบนหัวนายอ้วนกอขวดแล้วขวดเล่า ในคราแรกนายอ้วนกอยังคงมีแรงร้องโอดครวญอยู่ แต่ในตอนท้ายเขาทำได้เพียงขยับนิ้วเพื่อบ่งบอกว่าตัวเองยังหายใจอยู่แค่นั้น

ส่วนใบหน้าของเขานั้นแทบจะมองไม่ออกแล้วว่าคือใคร

เศษแก้ว เบียร์ และเลือดผสมกันจนเลอะเทอะ มองดูน่าสยดสยอง

ฮัวเส้าซู่เฝ้าดูอยู่ระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าเขาเองก็อยากจะฆ่านายอ้วนกอให้ตายไปเสีย แต่เขารู้ดีว่าเขาไม่ควรปล่อยให้พี่ชายรองของตัวเองกระทำเช่นนั้นต่อไปได้ เพราะนายอ้วนกอนี้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลกอ

แม้ว่าตระกูลกอไม่อาจเทียบได้กับตระกูลฮัว แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ในเมือง Z เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของพวกเขาอยู่ในการเมืองแบบผสม ถ้าหากฮั่วเทียนหลันจัดการกับนายอ้วนกอนี้จนถึงตายจริงๆ

และถ้าหากว่าตระกูลกอโกรธแค้นไม่ยอมความล่ะก็ ฮั่วเทียนหลันคงต้องเข้าไปนั่งเล่นในคุกเป็นแน่แท้

ฮัวเส้าซู่รีบพุ่งไปคว้าขวดเบียร์ออกจากมือพี่ชายรอง ก่อนจะโยนลงบนโต๊ะด้านข้าง จากนั้นจึงเดินไปยืนขวางหน้าเอาไว้ไม่ให้พี่ชายรองเข้าไปทำร้ายนายอ้วนกอได้อีก

แต่ทันทีที่เขาไม่ทันระวัง ขวดเบียร์ที่เหลือก็ถูกทุบลงไปอีกรอบ

ฮัวเส้าซู่ในใจสั่นเทา เขาล้มลงนั่งกับพื้นทันทีด้วยความตกใจเมื่อตอนเขาได้ยินเสียงดังปัง ขาอ้วนของนายอ้วนกอที่ห้อยลงนั้นกระตุกขึ้นอีกครั้ง

ฮั่วเทียนหลันกำลังจะควานหาขวดเบียร์อีกครั้ง แต่พอยื่นมือออกไปกลับรู้สึกว่างเปล่า

เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าขวดเบียร์ที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นถูกเขาทุบทิ้งไปจนหมดเสียแล้ว

ฮัวเส้าซู่อาศัยจังหวะนี้รีบพุ่งเข้าไปกอดฮั่วเทียนหลันไว้ พวกเขามองหน้ากันก่อนที่ฮัวเส้าซู่จะเอ่ยขึ้น : “พี่ชายรอง พอได้แล้ว ถ้าเกิดลงมืออีกรอบพี่ได้ข้อหาฆ่าผู้อื่นแน่!”

ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองนายอ้วนกอที่ตอนนี้หมดสติไปแล้ว ฟันที่ขบกันแน่นเมื่อครู่ มือที่จับยึดขอบโต๊ะอยู่ ก็เริ่มคลายออก

เขาใช้แรงเล็กน้อยผละตัวออกจากอ้อมแขนของฮัวเส้าซู่ หลังจากเริ่มใจเย็นลงได้สักพักแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้น “ถ้าแกยังหลอกให้ฉันมาปาร์ตี้แบบนี้อยู่อีก ฉันจะฟ้องคุณแม่ แล้วมาดูกันว่าคุณแม่จะหักขาแกไหม!”

ฮั่วเส้าซู่รู้สึกหนาวที่ขาโดยไม่ทราบสาเหตุ และเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของการขาหักอีกด้วย

เขายิ้มหน้าเหยเกก่อนจะพูดขึ้น : “โถ่พี่ชายรอง พี่กำลังพูดถึงอะไรอยู่เนี้ย ที่ผมชวนก็เพราะอยากให้พี่มาสนุกด้วยกันทั้งนั้น ใครจะรู้ว่าพี่จะพาพี่สะใภ้สองมาด้วยเล่า … ”

คำพูดของฮั่วเส้าซู่เมื่อครู่ ทำให้อันหรันที่เพิ่งฟื้นจากอาการตกใจเมื่อครู่ถึงกับขมวดคิ้ว

เจ้าน้องชายของสามีคนนี้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ

หรือถ้าเกิดเขาไม่มาด้วยวันนี้ เขาก็จะปล่อยให้ฮั่วเทียนหลันมีสาวๆนั่งล้อมหน้าล้อมหลังยังงั้นหรือ

เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นได้ดำเนินมาจนถึงจุดนี้แล้ว ภายในห้องไพรเวทตอนนี้เริ่มปกคลุมด้วยความเงียบและความอึดอัดเล็กน้อย หากมีเพียงเสียงดนตรีที่ดังกึกก้องอยู่

ฮั่วเทียนหลันเอือมมือไปคว้ามือของอันหรันมากุมไว้ก่อนจะเดินมุ่งหน้าออกไป

ฮั่วเส้าซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่หญิงสาวที่นั่งรอเขามาสักพักอย่างอ้อยอิ่ง แต่กระนั้นก็ทำได้เพียงเดินตามฮั่วเทียนหลันออกไป

ประตูห้องไพรเวทถูกเศรษฐีหนุ่มผู้หนึ่งเปิดออก

ฮั่วเทียนหลันกำลังจะก้าวออกไป แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบาตามหลังเขา : “ฮัวเทียนหลัน แกอย่าหยิ่งพยองให้มันมากนัก… มันต้องมีสักวันที่แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ!”

ประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรง แต่กลับทำให้ฮั่วเทียนหลันหันหลังกลับไปมอง ด้วยความอยากรู้ว่าใครเป็นคนพูด ขณะที่สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่ร่างเกือบไร้สติของนายอ้วนกอ

นายอ้วนกอถูกทุบตีอย่างหนัก และมันไม่ง่ายเลยที่จะรู้สึกตัวขึ้นมาได้แบบนี้ แต่พอได้ยินเสียงคนรอบข้างพูดขึ้นว่าฮั่วเทียนหลันกำลังจะไปแล้ว นั่นทำให้เขาเกิดความแค้นขึ้นมาอย่างทันทีทันใด

“ไง ทำร้ายคนอื่นแล้วคิดจะหนีเหรอ”

ฮั่วเทียนหลันยิ้มเยาะก่อนจะเอ่ยขึ้น “นี่แกพูดอะไรอยู่เหรอ”

นายอ้วนกอคิดว่าวันนี้เขาถูกตีได้น่าสมเพชที่สุด จนเขารู้สึกอยากจะร้องไห้ให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเขายังมีลมหายใจ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม และแม้ว่าจะรู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถเอาชนะมันได้ เขาก็จะแซะกัดมันแบบนี้เพื่อแก้แค้นกับสิ่งที่มันทำ เขาอ้าปากขึ้นเตรียมจะพูดต่อ

แต่ทว่ากลับถูกหมอนยัดกระแทกเข้ามาในช่องปาก พร้อมกับเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างดุร้ายของฮั่วเส้าซู่ที่ดังขึ้นข้างหูของเขา : “ไอ้โง่เอ้ย พี่ชายรองของฉันไม่เคยมีใครกล้ามาหาเรื่องด้วยเลย แกนี่มันไม่อยากมีชีวิตรอดกลับไปจริงๆสินะ”

นายอ้วนกอพูดเสียงอื้ออึงในคอ เขาต้องการบอกให้ฮั่วเส้าซู่รู้ไว้ว่าเขาไม่เคยเกรงกลัวฮั่วเทียนหลันเลยแม้แต่น้อย

ฮั่วเส้าซู่รู้สึกว่านายอ้วนกอส่งเสียงดังเกินไปหน่อย ทั้งยังกลัวว่ามันจะทำให้พี่ชายรองเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมาอีกรอบ และโอกาสที่มันจะถูกจัดการให้ตายซะตรงนี้นั่นก็มีมากเหลือเกิน

เห็นดังนั้นเขาจึงกดหัวนายอ้วนกอลงกับหมอนจนกระทั่งนายอ้วนกออ่อนแรงและสลบไปเขาถึงยอมวางมือ

บางครั้งวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับการถูกคุกคามก็คือการทำให้เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้อีก

สำหรับเรื่องแบบนี้นั้น ฮั่วเส้าซู่จัดอยู่ในกลุ่มผู้ลงมือปฏิบัติที่มากประสบการณ์และมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้

ฮั่วเทียนหลันเหลือบมองอยู่แวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรต่อ เขากุมมือของอันหรันเดินออกจากห้องไพรเวทและตรงไปยังชั้นล่างของตึก

อันหรันก้าวตามเขาแทบไม่ทัน จนต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ตามทันจังหวะเท้าของฮั่วเทียนหลัน

ถ้าหากมองจากมุมมองของคนที่เดินผ่าน คงต้องคิดว่าฮั่วเทียนหลันกำลังลากจูงอันหรันอยู่เป็นแน่

อันหรันรู้สึกได้ถึงความอึมครึมที่แสดงออกทางสีหน้าของฮั่วเทียนหลัน ครั่นเมื่อนึกถึงท่าทางที่น่าหวาดกลัวของเขาในตอนนั้นแล้ว ก็รู้สึกขนลุกขนผองขึ้นมาซะดื้อๆ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ก็น่าสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย

อันหรันไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากคุยกับเขา เพราะกลัวว่าฮั่วเทียนหลันนั้นจะโกรธขึ้นมาอีกรอบ แล้วเอามาลงที่เธอ

ทันทีที่เดินโผล่พ้นจากประตูที่มีไฟแสงสีระยิบระยับ อันหรันก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เธอหลบซ่อนอยู่นั้น เธอเหมือนจะวางโทรศัพท์มือถือไว้ในห้องไพรเวท

เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณชายฮั่วคะ โทรศัพท์มือถือของฉันลืมไว้ที่ห้องไพรเวทเมื่อตะกี้… ”

ฮั่วเทียนหลันที่กำลังจะก้าวขาถึงรถก็หยุดชะงักฝีเท้าทันที เขาหันไปมองอันหรันด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

อันหรันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นลูกแมวที่กำลังถูกบีบคอ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยจนไม่กล้าเปล่งเสียงใดๆออกมา

กลัวว่าตัวเองจะไม่ทันระวัง แล้วถูกฮั่วเทียนหลันเชือดไก่ให้ลิงดู

ฮั่วเทียนหลันรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวเขาของอันหรัน แววตาที่ดูสั่นไหวนั้นทำให้ความโกรธในใจของเขายิ่งควบแน่นขึ้นอีก

เขาเป็นสามีของเธอแท้ๆ เธอจะกลัวอะไร?

“เธอกลัวฉันยังงั้นเหรอ?” ฮั่วเทียนหลันพูดขึ้นเสียงนิ่ง

อันหรันตัวสั่นเทา จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอพยักหน้า แต่ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเกิดพยักหน้าตอบไปเธออาจะตายเอาได้

คิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ใช่นะคะ คุณชายฮั่วดีกับฉันมากขนาดนี้ ฉันไม่ … ”

“เธอกลัว กลัวว่าฉันจะทำร้ายเธอเหมือนที่ทำกับไอ้อ้วนกอนั่นใช่ไหม” ฮั่วเทียนหลันก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะเชยคางอันหรันขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

อันหรันตกใจจนไม่กล้ากระพริบตา นี่ฮั่วเทียนหลันกำลังจะลงมือกับเธอใช่ไหม มือที่จับคางของเธออยู่ตอนนี้เริ่มออกแรงมากขึ้น ทำให้อันหรันรู้สึกว่าถ้าเขาเริ่มโมโห เขาอาจจะหักคอเธอตรงนี้ทันทีเลยก็เป็นได้

เธอรู้ว่าที่ฮั่วเทียนหลันโกรธมากขนาดนั้นก็เพราะเธอ และเธอก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

แต่อารมณ์ของเขานั้นรุนแรงจนเกินไป มันทำให้อันหรันกังวลว่าจะได้รับอันตรายอย่างไม่มีเหตุผล

เธอยังคงส่ายหัว พร้อมพูดด้วยความจริงใจว่า : “คุณชายฮั่วคะ ฉันไม่ได้กลัวคุณจริงๆนะ ฉันรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากซะด้วยซ้ำที่คุณช่วยฉันเอาไว้!”

ฮั่วเทียนหลันมองจ้องเข้าไปในตาของอันหรัน จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่มองจ้องไปยังดวงตาของอันหรันที่พยายามหลบสายตาของเขาอยู่นั้น ก็พอจะทำให้รู้แล้วว่าในใจลึกๆของอันหรันยังคงกลัวตัวเองอยู่

อยู่ๆส่วนลึกข้างในหัวใจของเขาก็ถูกสัมผัส เขาค่อยๆวางมือลงบนหัวของอันหรันแล้วลูบผมของเธออย่างเบามือ ความอ่อนโยนนี้ทำให้อันหรันชะงักงันเล็กน้อย

“ คุณชายฮั่ว คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

อันหรันคิดว่าไม่น่าพูดออกไปแบบนั้นเลย พอพูดปุ๊บสีหน้าของฮั่วเทียนหลันก็เปลี่ยนไปในทันที

เขารีบชักมือกลับ กระแอมขึ้นเพื่อปกปิดเรื่องน่าอายเมื่อครู่ ก่อนจะพูดกระแทกเสียง “หนวกหู!”

อันหรันรู้สึกเดาอารมณ์ของฮั่วเทียนหลันไม่ถูก เธอจึงกล่าวขอโทษขึ้นและเลือกที่จะเงียบ

ฮั่วเทียนหลันปลายตามองอันหรันอย่างคร่าวๆ ต้องบอกเลยว่าอันหรันสวมชุดกี่เพ้าชุดนี้แล้วยิ่งทำให้เธอดูงดงามขึ้นมาอีกเท่าตัว

รูปร่างโค้งเว้าหน้านู้นหลังแอ่นนี้ทำให้ฮั่วเทียนหลันผู้ที่เคยสัมผัสมาก่อนยังรู้สึกว่าเขาได้มองข้ามรูปร่างของอันหรันไปมาก

คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะดูเซ็กซี่ได้ขนาดนี้!

ฮั่วเทียนหลันคิดในใจ แต่พอเขานึกถึงแววตาที่น่ารังเกียจของไอ้อ้วนกอ และตอนที่เขาพาอันหรันเดินเข้าไป ยังมีสายตาของพวกผู้ชายกลุ่มนั้นที่มันมองสำรวจร่างกายของอันหรันอีก

เขาเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม : “ชุดนี้ไม่อนุญาตให้ใส่อีกแล้วนะ!”

อันหรันนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาหมายถึงชุดกี่เพ้าชุดนี้น่ะเหรอ แต่เธอคิดว่าชุดกี่เพ้าชุดนี้ใส่แล้วดูดีมากเลยนะ

และที่สำคัญคือชุดนี้ฮัวเสี่ยวน่าเป็นคนออกแบบให้เธอเองกับมือ มันคือความตั้งใจของฮัวเสี่ยวน่า เธอจะไม่ใส่มันได้อย่างไรกัน

ทั้งที่รู้ว่าไม่สามารถขัดขืนต่อคำพูดของฮั่วเทียนหลันได้ อีกทั้งตอนนี้เขายังอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย อันหรันจึงเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา : “คุณชายฮั่วคะ ชุดนี้นานาเขาตั้งใจตัดให้ฉัน ฉัน … ”

“เธอจะไม่เชื่อฟังฉันอย่างงั้นเหรอ” ฮั่วเทียนหลันพูดแทรกขึ้นมาเสียงเข้ม

อันหรันตัวสั่นเทา เธอมองไปที่ฮั่วเทียนหลันเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็เลือกที่จะเก็บไว้ สุดท้ายก็ทำแค่เพียงส่ายหัวและพูดขึ้น “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

ฮั่วเทียนหลันออกแรงกระชากอันหรันแล้วลากเธอขึ้นไปบนรถ ก่อนจะปิดประตูรถเสียงดังปัง

อันหรันถูกเขากระชากจนแขนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ทำตัวป่าเถื่อนกับเธอเสมอเลย

อันหรันเปรียบได้กับของเล่นสำหรับเขา ที่เขาสามารถจะปกป้องดูแลได้ แต่ประโยชน์ของอันหรันก็เป็นได้แค่ที่ระบายความปรารถนาของเขาก็เท่านั้น

ความรัก ที่แท้ก็เป็นเพียงสิ่งของราคาแพงและยากที่ทุกคนจะมีในครอบครองอย่างเท่าเทียมกัน!