ตอนที่ 185 เอะอะยกใหญ่ ตอนที่ 186 มีศัตรูคู่แค้นร่วมกัน

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 185 เอะอะยกใหญ่

อันดับแรก ยาสระผมที่ตนทำ คนครอบครัวตัวเองต้องได้ใช้กันด้วย

ส่วนเหล่านั้นที่เหลืออยู่ ซ่งอิงจึงนำมาให้หร่วนซื่อทั้งหมด

ทั้งยังเลือกหยิบยาสระผมโสมจากสองร้อยขวดนั่น ออกมามอบให้เหยาซื่อสะใภ้เล็กสองขวดเป็นการเฉพาะ นอกจากนั้น บ้านอื่นรวมไปถึงหญิงชราก็ได้ไปบ้านละขวดด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่ว่านางใจกว้าง แต่เพราะในฐานะลูกหลาน น้ำใจที่ควรมีเมื่อไปมาหาสู่กันจะให้ขาดตกบกพร่องไม่ได้

หากยาสระผมของนางขายดิบขายดี บรรดาชาวบ้านจะต้องมาถามคนครอบครัวซ่งเป็นแน่ว่ายาสระผมนี้ใช้แล้วเป็นเช่นไร หากสตรีของครอบครัวซ่งตอบไม่ได้แม้แต่คนเดียว ที่จะขายหน้าก็ไม่ใช่แค่คนตระกูลซ่งเท่านั้น

เพื่อเลี่ยงการที่เหยาซื่อสะใภ้เล็กจะไม่เข้าใจการใช้ยาสระผมตัวนี้ ซ่งต๋าและซ่งอู่เด็กน้อยทั้งสองคนก็เลยกลับมาด้วยเช่นกัน

“อาสะใภ้สี่ ของนี่ยอดเยี่ยมเชียวละ! ท่านลูบผมของข้าดูสิ นุ่มลื่นเป็นพิเศษเลยใช่หรือไม่ แล้วยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย! หากท่านใช้มันแล้ว เมื่ออาสี่กลับมาจะต้องดีใจเป็นพิเศษแน่! สูดดมเท่าไหร่ก็ไม่พอ!” ซ่งต๋ากล่าวเรื่อยเปื่อย

“เจ้าเด็กคนนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเลย!” เหยาซื่อสะใภ้เล็กหน้าแดงฉับพลัน

แม้จะเห็นว่าเหยาซื่อสะใภ้เล็กปกติแต่ละวันเอาแต่นึกคิดต่างๆ นานาเพื่อต่อกรกับพี่สะใภ้เหล่านี้ แต่เมื่อเอ่ยถึงซ่งหม่านซาน ก็จะเปลี่ยนเป็นกระต่ายน้อยตัวหนึ่งทันที

สายตาจับจ้องไปที่ขวดเครื่องเคลือบประณีตสองใบนั้นไม่วางตา มองดูแล้วกลับเกิดความชื่นชอบขึ้นมาไม่น้อย “ยังต้องให้พวกเจ้าพูดมากเสียที่ไหนกัน ของที่เอ้อร์ยามอบให้ต้องเป็นของดีอยู่แล้ว”

หลานสาวนางผู้นี้พบเห็นอะไรต่อมิอะไรมามากมาย!

น่าเสียดายก็แต่ตอนที่หลานสาวจากไปปีนั้น นางก็เพิ่งแต่งเข้ามาเพียงสองปี จึงไม่ได้คลุกคลีอยู่กับเด็กสาวคนนี้มากเท่าใด

ดังนั้นความรู้สึกที่มีให้กันจึงเป็นระดับธรรมดาทั่วไป

ไม่คิดเลยว่าวันนี้ มของดีๆ เช่นนี้แล้วยังนึกถึงนางด้วย

“อาสะใภ้สี่ บอกกล่าวท่านตามตรง ข้าก็มีเรื่องอยากขอร้องท่านด้วยเช่นกัน” ซ่งอิงตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่แอบโล่งใจ อดพูดในใจไม่ได้ว่า ‘มิน่าล่ะ’

“เจ้าว่ามาสิ” เหยาซื่อสะใภ้เล็กไม่ได้ไม่พึงพอใจเช่นกัน

มีการแลกเปลี่ยนกัน นางก็จะได้รับของชิ้นนี้เอาไว้อย่างสบายใจ ถึงอย่างไรก็ดีกว่ารับของคนเขามาโดยเปล่าๆ เช่นนั้นภายหลังหากจะยุแยงให้พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองมีปากเสียงกันคงละอายใจแย่

“ข้าอยากถามอาสะใภ้สี่ว่า ทุกครั้งที่อาสี่ซื้อเครื่องประทินโฉมให้ท่านจากตัวอำเภอซื้อมาจากร้านไหนหรือ แล้วใช้เป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งอิงกล่าว

เหยาซื่อสะใภ้เล็กมองนางอย่างแปลกใจ “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมหรือ”

“ยาสระผมนี้ข้าเตรียมเอาไปขาย แต่ไม่รู้จะร่วมมือกับร้านไหนดี ดังนั้นจึงมาถามดูก่อนสักหน่อย จะได้มีบรรทัดฐานอยู่ในใจสักหน่อย” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“อาสี่เจ้า…สองสามปีมานี้ซื้อเครื่องประทินโฉมให้ข้าไม่น้อย” เหยาซื่อสะใภ้เล็กเผยท่าทีออดอ้อเล็กน้อย “ทุกครั้งที่ซื้อมาก็จะถามข้าว่าใช้เป็นเช่นไรบ้าง หากใช้ดี ครั้งหน้าเขาก็จะซื้อร้านนั้นอีก ดังนั้นข้าจึงเข้าใจร้านเหล่านั้นอยู่บ้างจริงๆ นั่นละ”

“ที่ดีที่สุดน่ะหรือ ก็คงหนีไม่พ้นร้านชุ่ยเหยียนไจ ร้านนี้ชาด[1]สีเด่นชัด ทาไว้บนใบหน้าก็ค่อนข้างติดทน ไม่ต้องทาเครื่องประทินโฉมหนาเกินไปก็ดูสวยสดงดงามขึ้นมาได้ เพียงแต่ของร้านนี้ขายแพงไปหน่อย หลายปีมานี้ อาสี่เจ้าก็เคยซื้อให้ข้าตอนที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ ครั้งเดียวเท่านั้นเอง ลำพังชาดตลับเดียวครั้งนั้นก็จ่ายเงินไปตั้งสองตำลึงเงิน…”

ซ่งอิงเลิกคิ้วเล็กน้อย

ตอนนั้นตระกูลซ่งยังไม่ได้แยกครอบครัวเลย อาสี่นางก็ใจป้ำเหมือนกันนี่ ซื้อของให้ภรรยาตัวเองครั้งหนึ่งก็แพงขนาดนี้เชียว

หากถูกบ้านอื่นรู้เข้า เช่นนั้นจะไม่เอะอะยกใหญ่กันเลยหรือ

ทว่าตอนนี้แยกครอบครัวแล้ว เรื่องเก่าๆ ก่อนหน้านี้ก็ย่อมไม่เก็บเอามาเป็นเรื่องเป็นราวแล้วเช่นกัน ต่อให้เอ่ยขึ้นมา เหยาซื่อสะใภ้เล็กก็ไม่กลัว ในเมื่อของนั่นใช้หมดไปแล้ว นางก็แค่พูดปากเปล่า มีความสามารถก็ไปหาหลักฐานมาสิ?

“ได้ยินอาสี่เจ้าเอ่ยว่า ผู้ดูแลร้านของร้านชุ่ยเหยียนไจผู้นั้นไม่ค่อยไว้หน้าผู้คนมากเท่าใด แม้กิจการดำเนินไปได้ดีงาม แต่จะยิ้มแย้มให้กับตระกูลคนใหญ่คนโตเท่านั้น ตอนอาสี่เจ้าไปซื้อ ได้ยินราคาเดิมทีอยากเดินออก ใครจะรู้ว่ากลับถูกคนเขาถากถางยกใหญ่ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่กลัวเสียหน้า นี่จึงได้ซื้อของเอามา นับแต่ครั้งนั้นก็ไม่ได้แวะไปเป็นครั้งที่สองอีกเลย”

ตอนที่ 186 มีศัตรูคู่แค้นร่วมกัน

เหยาซื่อสะใภ้เล็กเผยท่าทีจริงจังอย่างยิ่ง กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ภายหลังอาสี่เจ้าก็บอกอีกว่า ร้านชุ่ยเหยียนไจแยกสาขามาจากทางด้านเมืองหลวงนั่น เป็นกิจการของตระกูลผู้บรรดาศักดิ์ร่ำรวย จึงหยิ่งยโสอยู่บ้างเป็นธรรมดา”

“นอกจากร้านชุ่ยเหยียนไจ ที่ข้าชอบมากที่สุดก็คือสิ่งของจากอี้จวินฟาง ร้านนี้มีชื่อเสียงเก่าแก่ ของที่ขายก็ราคาถูก แต่นานมากแล้วที่ไม่มีสินค้าตัวใหม่ออกมา ได้ยินอาสี่พวกเจ้าพูดว่าเมื่อก่อนร้านนี้กิจการดีเยี่ยมที่สุด แต่หลังจากชุ่ยเหยียนไจมาเปิดก็ถูกตัดหน้า ดังนั้นทำได้เพียงอาศัยราคามาดึงดูดลูกค้า เกรงว่าจะยืนหยัดต่อไปได้อีกไม่กี่ปีแล้วเช่นกัน”

“นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายร้านที่เข้าไปร่วมค้าขายด้วยได้ แต่ชื่อเสียงไม่ดีเท่าอี้จวินฟาง และไม่แปลกใหม่เท่าร้านชุ่ยเหยียนไจ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวขึ้นอีกครั้ง

ร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนั้นอย่างไรเสียก็มาจากคนใหญ่คนโต ดังนั้นทุกปีจึงออกสินค้าใหม่ๆ ได้ แม้ว่าราคาทำให้คนเห็นแล้วถึงกับทอดถอนใจ แต่ก็ยังมีสตรีจำนวนมากชื่นชอบ

ทว่าสามีนางก็บอกไว้ว่า เถ้าแก่ร้านนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ของใหม่ที่นำเสนอออกมาแทบจะทั้งหมดเป็นการแย่งร้านอื่นมา

“ข้าคิดว่า…หากเจ้าต้องการเข้าไปร่วมค้าขาย ไปหาอี้จวินฟางจะดีกว่า เจ้าก็รู้นี่ว่า อาสี่เจ้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น นี่ก็สี่ปีมาแล้ว ทุกครั้งหลังเขาซื้อชาดจากอี้จวินฟางก็เป็นอันต้องวิ่งไปถึงหน้าประตูร้านชุ่ยเหยียนไจแล้วเอ่ยเชยชมยกใหญ่เพราะต้องการให้ผู้ดูแลร้านหงุดหงิดใจ…หากเจ้าร่วมค้าขายกับร้านชุ่ยเหยียนไจ เช่นนั้น..ไม่ใช่การทำให้อาสี่เจ้ารู้สึกแย่หรอกหรือ…” เหยาซื่อสะใภ้เล็กกล่าวขึ้นอีกครั้ง

นางยึดสามีเป็นหลักทุกสิ่งอย่าง

หากเอ้อร์ยานำสิ่งของไปวางขายในร้านชุ่ยเหยียนไจ เช่นนั้นไม่ว่าของเอ้อร์ยาดีสักเท่าใด นางก็อาจไม่ได้ใช้อีกแล้ว

หม่านซานไม่สุขใจ นางก็ไม่สุขใจ

เมื่อก่อนนางมองไม่ออกว่าหม่านซานจะดีต่อหลานสาวคนนี้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ทำดีอะไรเป็นพิเศษกับเอ้อร์ยาเช่นกัน แต่ครั้งก่อนตอนที่สามีกลับมา เขาเลือกยืนข้างเดียวกับเอ้อร์ยาเชียวนะ ดังนั้น…

ก็หมายความได้ว่า เอ้อร์ยากับนางก็คือพวกเดียวกัน

ในเมื่อเป็นพวกเดียวกัน เช่นนั้นก็ต้องมีศัตรูคู่แค้นร่วมกัน

เมื่อคิดอย่างนี้ เหยาซื่อสะใภ้เล็กยังหยิบแป้งฝุ่นตลับหนึ่งออกมาอีกด้วย “เจ้าดูสิ นี่ก็คือของที่อาสี่เจ้าซื้อให้คราวก่อน พูดถึงคุณภาพสินค้า ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าร้านชุ่ยเหยียนไจแต่อย่างใด ราคาก็ถูกกว่าด้วย เพียงแต่น่าเสียดาย รูปแบบของร้านเขาน้อยเกินไป มีแค่สีเดียวและกลิ่นเดียวนี้ ใช้นานๆ เข้าก็เบื่อ”

ซ่งอิงมีหรือจะไม่เข้าใจความหมายของเหยาซื่อสะใภ้เล็ก

แต่เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน ก็เลยใช้ปลายนิ้วลูบดูคุณภาพแป้งฝุ่น

ก็ไม่เลวเลยนี่ ไม่มีสัมผัสเป็นเม็ดๆ เนื้อเนียนละเอียดดุจฝุ่นผง สูดดมเข้าไปก็ไม่ฉุนจมูก มองพริบตาเดียวก็มั่นใจได้ว่าเป็นของยอดเยี่ยม

นอกจากนั้น ร้านนี้ถูกร้ายชุ่ยเหยียนไจพยายามกดราคามาโดยตลอด แต่ยังรักษาคุณภาพเอาไว้ได้ แสดงให้เห็นว่าคนร้านนี้น่าจะนิสัยใจคอไม่เลวทีเดียว

“อาสะใภ้สี่วางใจได้ อาสี่มีน้ำใจต่อข้ามากพอตัว ข้าหรือจะทำเขาเสียหน้าเพื่อเงินได้? พรุ่งนี้ข้าจะไปเจรจากับอี้จวินฟางดู หากเจรจาไม่ลงตัว ข้าค่อยคิดหาวิธีอื่นก็สิ้นเรื่องเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าว

นางจะไม่หาเรื่องให้คนในครอบครัวไม่พอใจเพียงเพื่อเงินแน่นอนอยู่แล้ว

ความขัดแย้งบางส่วนหลีกเลี่ยงได้ก็เลี่ยงๆ ไปเสีย ในเมื่อเป็นคนในครอบครัว เดิมก็ต้องลดราวาศอกให้กันและกันอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับสิ่งนี้ไม่ใช่สาเหตุที่จะสร้างความขัดแย้งใหญ่โต

เหยาซื่อสะใภ้เล็กได้ยินนางพูดดังนั้นก็ดีใจจนออกหน้าออกตา “ไม่เสียแรงที่อาสี่เจ้าเอ็นดูเจ้า! ครั้งก่อนอาสี่เจ้ายังพูดอีกว่า ในตัวจังหวัดมียาลดรอยแผลเป็นด้วย ไว้เขาหาเงินได้ก้อนโตแล้ว จะต้องซื้อให้เจ้าทาสักสองสามตลับแน่!”

“แน่นอนว่าเอ้อร์ยาของพวกเราก็ไม่ต้องให้ความสนใจกับรูปลักษณ์จนเกินไปหรอก พื้นเพเดิมเจ้าก็ดีงามอยู่แล้ว ข้าว่ารอยแผลเป็นของเจ้าในตอนนี้ก็จางลงไปมากแล้วด้วย วันดีๆ รออยู่ภายภาคหน้าแล้ว!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อารมณ์ดีไม่น้อย ก็เลยสรรหาคำพูดมาเสียมากมาย

ซ่งอิงรู้ว่าตัวเองหน้าตาอัปลักษณ์ ดังนั้นหลังข้ามภพมาก็เลยไม่ได้ส่องกระจกสักเท่าใด

ผมเผ้าก็รวบขึ้นอย่างลวกๆ ใช้ปิ่นเสียบลงไปก็เป็นอันเรียบร้อย ตลอดทั้งวันเปลือยหน้าสดสู้ฟ้า จึงยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทาพวกแป้งฝุ่นประทินโฉม

ยามนี้ถูกเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้นมา ซ่งอิงจึงคว้าคันฉ่องมาส่องมองดูอย่างละเอียด

[1] ชาด หรือ เยียนจือ (胭脂) คือวัตถุสีแดงสำหรับแต่งแต้มริมฝีปากและแก้ม เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยชาวจีนโบราณได้พัฒนาชาดแบบหนึ่งที่มีลักษณะเป็นผงอัดแข็งหรือครีม เรียกกันว่า เยียนจือ ทำขึ้นจากเม็ดสีของดอกคำฝอย