บทที่ 105 การตรัสรู้
บทที่ 105 การตรัสรู้
โจวอี้แตะหน้าจางเหยาเหยาเบา ๆ จากนั้นอมยิ้มแท่งก็หนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขาอย่างน่าอัศจรรย์ เขาดึงพลาสติกห่อออกแล้วค่อย ๆ นำอมยิ้มใส่เข้าไปในปากของเธอ
“ฉันช่วยเธอไว้เมื่อวานนี้ เพราะฉันสัญญากับแม่ของเธอว่าฉันจะช่วยชีวิตของเธอให้ได้”
“ฉันเป็นหมอ ฉันเจอคนกล้าหาญมามากมาย แต่แม่ของเธอเป็นคนที่กล้าหาญที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ”
“ฉันเชื่อว่าถ้าหากแม่ยังกล้าหาญได้ขนาดนั้น ลูกสาวก็ต้องมีความกล้าหาญไม่แพ้กัน”
“เหยาเหยาเป็นลูกสาว ดังนั้นเธอต้องกล้าหาญเหมือนแม่ของเธอ ถูกต้องไหม?”
โจวอี้หยุดพูดและสังเกตท่าทีของเด็กน้อย
“อืม!”
ในที่สุดจางเหยาเหยาก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอพยายามผงกศีรษะและเค้นเสียงออกจากลำคอ
โจวอี้จึงพูดต่อด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ความปรารถนาแม่ของเธอคือขอให้ฉันช่วยเธอ และให้เธอได้มีชีวิตที่มีความสุขและมีสุขภาพที่ดี ฉันได้ทำสิ่งที่ฉันสัญญากับแม่ของเธอแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอควรทำตามความปรารถนาของแม่ด้วย จงใช้ชีวิตให้มีความสุข และรักษาตัวเองให้ดี ตกลงไหม?”
จางเหยาเหยาพยักหน้าอีกครั้ง แต่คราวนี้มีน้ำตาไหลออกมา
โจวอี้ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ฉันเชื่อว่าเธอเป็นเด็กที่ฉลาด ใจดี และกล้าหาญ พ่อกับแม่จากไปแล้ว แต่เธอยังมีญาติคนอื่น ๆ ใช่ไหม พวกเขาทั้งหมดรักเธอมาก พวกเขาต้องการเห็นเธอเติบโตแข็งแรงและมีความสุข ดังนั้นเหยาเหยา เธอควรร่วมมือกับแพทย์ในการรักษา กินให้อิ่ม เพื่อที่จะได้แข็งแรงไว ๆ”
จางเหยาเหยาหันไปมองยายของเธอ ในขณะที่โจวอี้ยืนขึ้นและชี้ขึ้นไปบนฟ้าพลางพูดกับหนูน้อยว่า “ฉันเชื่อว่าพ่อแม่ของเธอกำลังเฝ้าดูเธออยู่บนฟ้า! พวกเขาให้กำลังใจเธอ เธอต้องใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญ มีสุขภาพที่ดีและมีความสุข อย่าให้พวกเขาเป็นห่วง”
“อืม!” จางเหยาเหยาพยักหน้าอีกครั้ง
โจวอี้ยิ้มให้เธอแล้วหันไปหาหญิงชรา “คุณยาย ทำไมคุณถึงมาคนเดียว ไม่มีใครดูแลเหยาเหยาแล้วเหรอครับ?”
“ปู่และย่าของเหยาเหยาต้องไปจัดการเรื่องงานศพ พวกเขาจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน” หญิงชราพูดพลางเช็ดน้ำตาไปด้วย
“ถ้าวันนี้คุณต้องการอะไรอีก ให้พยาบาลโทรหาผมได้ตลอด ผมจะทิ้งเบอร์มือถือไว้กับพวกเขา และผมจะขอให้พยาบาลจองเตียงโรงพยาบาลให้คุณ เพื่อที่คุณจะได้สามารถพักผ่อนได้”
“ขอบคุณค่ะ หมอโจว” หญิงชราตอบกลับอย่างซาบซึ้ง
“เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ” โจวอี้เดินไปข้างหน้าแล้วกอดหญิงชราเบา ๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
บริเวณวอร์ดชั้นบน
อู๋ฉี่หาง หวังเจิ้งเหว่ย และหยางจื่อต้งกำลังนั่งคุยกันเรื่องภูเขาอยู่บนเตียงโรงพยาบาล หลี่ฟางผู้รับผิดชอบในการส่งอาหารให้กับทั้งสามคนกำลังยิ้มและนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่างขณะปอกแอปเปิลไปด้วย
“โอ้ ทุกคนดูมีชีวิตชีวามาก!” โจวอี้เดินเข้ามาแล้วทักทายด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ของผมก็อยู่ที่นี่ด้วย! คุณนำอาหารมาให้พวกเขาเหรอครับ”
“โจวอี้ คุณเลิกงานแล้วเหรอคะ” หลี่ฟางถาม
“ใช่ ผมเพิ่งเลิกงานก็เลยมาที่นี่” หลังจากโจวอี้พูดจบก็หันไปถามชายทั้งสามคนว่า “อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง? หมอที่ดูแลคุณได้บอกรึเปล่าว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?”
“น่าจะอีกสักสองสามวัน” อู๋ฉี่หางตอบด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก็รักษาตัวให้ดี พรุ่งนี้ผมว่าง ผมจะเอาซุปตะพาบมาให้คุณ” โจวอี้ยิ้ม
“อาหารในโรงพยาบาลพอใช้ได้อยู่แล้ว ตอนนี้น้ำหนักของเราขึ้นมาหลายกิโลด้วยซ้ำ น้องโจวไม่ต้องลำบากหรอก” อู๋ฉีหางตอบ
“ไม่เป็นไร ผมว่างอยู่แล้ว” ตากนั้นโจวอี้ก็หันไปพูดกับหลี่ฟาง “พี่สะใภ้ พรุ่งนี้ตอนเย็นไม่ต้องส่งข้าวนะครับ ผมจะนำมาส่งที่นี่เอง”
หลี่ฟางพยักหน้ารับอย่างมีความสุข เธอมองโจวอี้ด้วยรอยยิ้มและถามว่า “เมื่อคืนคุณไปดูคอนเสิร์ตมารึเปล่า? วันนี้น้องสามีของฉันมาที่นี่และชมภรรยาของคุณไม่หยุดปากเลย เธอชอบความสามารถของภรรยาคุณมาก!”
“ทำไมครับ? คุณต้องการที่จะเซ็นสัญญากับภรรยาของผมเหรอ?”
“คุณเดาถูกแล้ว น้องสามีของฉันได้เอ่ยข้อเสนอไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังรอการตอบรับจากภรรยาของคุณ”
เซ็นสัญญากับอู๋หมิ่นหรู?
เมื่อไม่กี่วันก่อนโจวอี้ได้ตรวจสอบข้อมูลของอู๋หมิ่นหรูและพบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้บริหารบริษัทเพลงเล็ก ๆ แต่บริษัทของอีกฝ่ายดูเหมือนจะตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้!
แม้ว่าจะไม่ไกลจากจินหลิงมากนัก แต่ถังหว่านจะมีปัญหามากมายในการทำงานหากเธอต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงาน
“ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิงเลย ให้ภรรยาของผมตัดสินใจว่าเธออยากเซ็นสัญญาไหมจะดีกว่า” โจวอี้พูดอย่างสบาย ๆ แต่แอบจดจำมันไว้ในใจ
จากนั้นเขาก็พูดคุยกับอู๋ฉี่หางอีกเล็กน้อยก่อนจะจากไป
เมื่อรับลูกสาวกลับมาจากโรงเรียนอนุบาลแล้ว โจวอี้ก็ทำอาหารเย็นสุดหรูและเรียกพี่เลี้ยงเหม่ยหลานมากินข้าวด้วยกัน จากนั้นจึงพาเด็กน้อยไปที่จัตุรัสเล็ก ๆ ในบริเวณวิลล่า
แม้โจวอี้จะไม่ได้อาศัยอยู่ในย่านช็องเซลิเซ่มานานเท่าไหร่ แต่จำนวนของเพื่อนบ้านที่รู้จักเขานั้นไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากเขาเป็นคนอบอุ่น ฉลาด และมีอัธยาศัยดี ไม่ว่าจะเจอใคร เขาก็จะทักทายไปทั่วอย่างเป็นกันเอง ส่งผลให้เขาได้รับความนิยมอย่างมาก
แม้แต่เด็ก ๆ ที่เล่นกันอยู่ในสวนสนุกของจัตุรัส โจวอี้ก็ผูกสัมพันธ์ด้วยการมอบขนมให้เป็นครั้งคราว
และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ถังเหมียวเหมี่ยวได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน จนเด็ก ๆ ทุกคนเต็มใจที่จะเล่นกับเธอ
ณ บริเวณริมจัตุรัส
เกาฮุยฮุยกำลังดูลูกชายของเธอเล่นสไลเดอร์ แต่บางครั้งเธอก็กวาดสายตามองสามีของเธอด้วยความสงสัย
ปกติแล้วสามีของเธอจะไม่ยอมพาเธอและลูกมาเล่นที่นี่
แต่อะไรเป็นเหตุผลให้เขาเสนอให้มาที่นี่ในวันนี้?
ตอนแรกเกาฮุยฮุยคิดว่าสามีของเธอเปลี่ยนไปแล้ว แต่หลังจากมาถึงที่นี่ เธอกลับต้องผิดหวังและงุนงง เพราะสามีของเธอเอาแต่นั่งเหม่อลอยพูดกับตัวเองคนเดียวราวกับคนเสียสติ
“คุณรอใครอยู่เหรอ” เกาฮุยฮุยตัดสินใจที่จะถามขึ้น
“อ๊ะ? เปล่า เปล่า” หวังอวี่ห่าวตอบ แต่สายตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง
คุณกำลังรอใครบางคนอยู่ชัด ๆ!
เกาฮุยฮุยขมวดคิ้ว แต่เธอไม่ได้เปิดโปงการโกหกของสามี
เธอต้องการรอดูว่าแท้จริงแล้วสามีของเธอกำลังรอใครอยู่กันแน่?
ทันใดนั้น
หวังอวี่ห่าวก็ถึงกับตาเป็นประกาย
เขาเห็นคนที่กำลังเฝ้ารอแล้ว!
เมื่ออีกฝ่ายเพิ่งเดินมาถึงจัตุรัส เขาก็รีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาทันที ก่อนจะยื่นมือออกไปอย่างกระตือรือร้นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องโจว! ในที่สุดผมก็เจอคุณแล้ว ผมคือพ่อของเสี่ยวเฟย หวังอวี่ห่าว! และเป็น ‘นักแสดงตัวน้อย’ ในกลุ่มเล็ก ๆ ของเรา”
“อ๋อ นักแสดงตัวน้อยนั่นเอง! ไม่แปลกใจเลยที่เสี่ยวเฟยหล่อมาก เขาสืบเชื้อสายมาจากคุณนั่นเอง!” โจวอี้เองก็กระตือรือร้นมาก “เหมียวเหมี่ยว สวัสดีคุณลุงเขาสิลูก”
“สวัสดีค่ะคุณลุง!” ถังเหมียวเหมี่ยวทักทายอย่างชาญฉลาด
“เหมียวเหมี่ยวน่ารักและสวยกว่าเดิมอีกแล้ว เสี่ยวเฟยลูกของลุงเล่นสไลเดอร์อยู่ตรงนู้นแน่ะ หนูอยากไปเล่นด้วยไหม?” หวังอวี่ห่าวพูดด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ!” ถังเหมียวเหมี่ยวตอบรับก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโจวอี้เพื่อขออนุญาต
“ไปเถอะ แต่ระวังด้วยนะลูก” โจวอี้ปล่อยมือลูกสาวและเฝ้าดูเธอข้ามไปที่สวนสนุก