ตอนที่ 204 มีตาหามีแวว

ครึ่งเซียนเถี่ยมองไปที่ชายชราที่สวมผ้าห่อศพและกำลังทานอาหารอย่างมีความสุขอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ขาไก่มันเยิ้มในปากของเขา ทำให้ตนที่กินขนมแผ่นแป้งกลมเพียงชิ้นเดียวท้องร้องขึ้นมา ยิ่งรู้สึกว่าตนเองโชคร้ายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉินหลิวซีมาหา

เขาไม่ได้โง่ เมื่อดูสถานการณ์ ก็รู้ว่าช่วงสุดท้ายของชีวิตของชายชรามาถึงแล้ว และฉินหลิวซีก็มาส่งเขาออกเดินทาง

แล้วประโยชน์ของตนเล่า

ครึ่งเซียนเถี่ยมองไปยังฉินหลิวซีที่ดูสงบ เทเหล้าให้กับชายชราอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าหนีไปในยามนี้ยังทันหรือไม่

ผู้เฒ่ากวนเรอออกมา ดื่มเหล้าจนหมดแก้ว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง พ่นลมหายใจออกมา

เขามองไปที่ฉินหลิวซีจากนั้นหันไปหาอวี้ฉังคง เอ่ย “ไม่คิดว่าชีวิตข้าที่ทำโลงศพมาทั้งชีวิต เมื่อยามตายแม้เหลือตัวคนเดียว แต่ยังมีผู้มีเกียรติเช่นพวกท่านมาคอยส่งในวาระสุดท้าย คุ้มค่าแล้ว”

เขาลุกขึ้น คารวะฉินหลิวซีอย่างเคร่งขรึม

ฉินหลิวซีเองก็ยืนขึ้นและทำความเคารพเช่นกัน

ครึ่งเซียนเถี่ยยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนี้ หดคอลงไป

“ท่านไม่ต้องหวาดกลัว เจ้าเด็กแสบก็อยู่ที่นี่แล้ว”

นางเหลือบมองผีเด็กที่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ และหลุบตาลง

เมื่อครึ่งเซียนเถี่ยได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ตกใจ เขามองตามสายตาของฉินหลิวซีไป ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด แต่เขาสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้ไม่มีอะไรเลยจริงๆ

เทพอสูรน้อยผู้นี้…

เหงื่อเย็นไหลออกมาบนหน้าผากของครึ่งเซียนเถี่ย

หลังจากได้ยินสิ่งที่ฉินหลิวซีบอกแล้วผู้เฒ่ากวนจึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ได้”

เขาเริ่มเดินไปรอบๆ ห้อง ทีละก้าว สัมผัสสิ่งของที่ใช้ทำโลงศพ เดินไปพร้อมถอนหายใจไปพลาง

เดินจากห้องชั้นนอกไปห้องชั้นใน ทุกคนจึงเห็นว่าบ้านถูกจัดเรียบร้อย เหลือไว้เพียงกระดาน เตียง และหมอนไม้ไผ่ นอกจากนั้นว่างเปล่า ไม่รู้ว่าชายชราเก็บและเผาไปเองหรือไม่

เขามองไปรอบๆ สุดท้ายหยุดอยู่หน้าโต๊ะยาวตัวหนึ่งในห้อง มีแผ่นป้ายหลายแผ่น กระถางธูปหนึ่งกระถาง ธูปยังคงไหม้อยู่ เขามองไปที่ฉินหลิวซี

ฉินหลิวซีเอ่ย “เมื่อท่านไปแล้ว ข้าจะนำป้ายไปรวมไว้ที่อารามชิงผิงเพื่อสักการะในวันครบรอบ ข้าก็จะไม่ลดธูปของพวกท่านให้สั้นลง วางใจเถิด”

“วางใจ ข้าวางใจแล้ว เพียงแต่ลำบากท่านแล้ว” ผู้เฒ่ากวนเช็ดหางตาเบาๆ “ได้เวลาแล้ว”

ลมหยินพัดผ่านเข้ามา

ฉินหลิวซีไม่ขยับ ใบหน้าเรียบสงบ

อวี้ฉังคงกลับเบิกตากว้าง มองดูกระแสน้ำวนอันมืดมนปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า เมื่อเสียงโซ่ดังขึ้น ผีใบหน้าซีดเซียวในชุดเครื่องแบบพลันปรากฏตัวขึ้น

“โอ้ ใต้เท้า เจอกันอีกแล้ว นี่คือผู้ใด” เมื่อยมทูต[1]มองเห็นฉินหลิวซี ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและโค้งคำนับ

ฉินหลิวซีพยักหน้า “เขาเป็นชายชราที่ข้าคุ้นเคย เขาใช้เวลาทั้งชีวิตสร้างโลงศพสำหรับผู้ตาย เรียกได้ว่ามีบุญอยู่บ้าง ช่วยส่งเขาด้วยเถิด ถึงตอนนั้นเขาจะกลับไปเกิด ให้พวกเขาได้ร่วมเข้าแถวไปด้วย”

ร่างกายของครึ่งเซียนเถี่ยแข็งทื่อตั้งแต่ลมหยินพัดมา รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังมา เมื่อมองไปที่ฉินหลิวซีอีกครั้ง ปากของนางเปิดๆ ปิดๆ ไม่ได้ยินว่านางเอ่ยสิ่งใด แต่กำลังคุยกับบางสิ่งบางอย่าง

แม่ แม่เอ้ย!

เขากลับตัวเป็นคนดีได้หรือไม่ อย่าได้ลงโทษกันเช่นนี้ได้หรือไม่

ครึ่งเซียนเถี่ยมองไปยังผู้เฒ่ากวนอีกครั้ง กลับเห็นว่าเขานอนราบอยู่บนเตียงแล้ว สองมือประสานวางที่หน้าท้อง มีรอยยิ้มประดับบนริมฝีปาก

“ใต้เท้า ท่านก็คงรู้เช่นกันว่าตอนนี้มีผีกลับชาติมาเกิดมากมาย เกรงว่า…”

ฉินหลิวซีปรายตามองไป

จู่ๆ ใบหน้าของยมทูตก็ซีดลง เปลี่ยนน้ำเสียง “ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นไปไม่ได้ คำสั่งของใต้เท้า ข้าน้อยจะทำให้สุดชีวิตขอรับ”

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบาก ถึงเวลาแล้ว ทำงานเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย

ยมทูตปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงจากหน้าผาก ถอนหายใจ หยิบใบเป็นตายออกมาจากอ้อมแขน เดินไปที่เตียง อ่าน “กวนต้า เกิดในเดือนพฤษภาคม ปีเกิงอู่ เสียชีวิตใน…”

ฉินหลิวซีและอวี้ฉังคงเฝ้าดูยมทูตอ่านจบ เขย่ากุญแจวิญญาณบนมือ ผู้เฒ่ากวนหายใจเข้ายาวเป็นครั้งสุดท้ายและวิญญาณของเขาก็ออกมาจากร่างกาย

อวี้ฉังคงลมหายใจสะดุด “!”

พอเจ้าเด็กซนเห็นวิญญาณของผู้เฒ่ากวนจึงรีบวิ่งไปหา ชายชราจับมือพร้อมลูบศีรษะของเขาด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก

ผู้เฒ่ากวนจูงมือเจ้าตัวแสบไว้ ทั้งคู่หันไปโค้งคำนับแก่ฉินหลิวซี

ฉินหลิวซียกยิ้มริมฝีปาก สองมือยกขึ้นประกบ แสงสีทองแห่งบุญลอยไปยังร่างของผู้เฒ่ากวน

ผู้เฒ่ากวนรู้สึกประหลาดใจและประทับใจมาก เขาจึงโค้งคำนับอีกครั้ง

เมื่อยมทูตเห็นดังนั้นก็รู้สึกอิจฉามาก คิดว่าผู้เฒ่าคนนี้มีคุณธรรมและมีความสามารถ ใต้เท้ามาส่งด้วยตนเองไม่พอ ยังให้แสงทองคำแห่งบุญเป็นรางวัลแก่เขา มีสิ่งเหล่านี้ ชาติหน้าเขาก็จะมีพบภพภูมิที่ดี

ครึ่งเซียนเถี่ยเห็นวิชาของฉินหลวซี รู้สึกตกใจอยู่ในใจ มิน่าเทพอสูรน้อยผู้นี้ถึงเอ่ยเช่นนั้นได้ ที่แท้ก็เป็นคนลัทธิเดียวกัน ไม่สิ เป็นผู้มีพลัง

วิชาของอีกฝ่าย เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำ

ฉินหลิวซีหยิบกระดาษสีเหลืองขึ้นมาอีกครั้ง พับแท่งทองคำหลายๆ แท่งด้วยตัวเอง แล้วใส่ลงไปละลายในถาด พวกมันตกไปอยู่ในมือของยมทูต มือของผู้เฒ่ากวน และหลานชายของเขา

มีเงินสามารถปลุกผีขึ้นมาโม่แป้งให้ก็ยังได้

ยมทูตได้รับสิ่งดีๆ เช่นนี้ รอยยิ้มยิ่งจริงใจมากขึ้น ประสานมือคำนับฉินหลิวซี

“ไปเถิด” ฉินหลิวซีโบกมือ ครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วถามเขาอีกครั้ง “จริงสิ ผีร้ายตนนั้นถูกจับตัวไปแล้วหรือ”

ยมทูตสีหน้าขมขื่น ส่ายศีรษะ “เจ้านั่นเจ้าเล่ห์เกินไป ทำพวกข้าเดือดร้อนหนักมาก ไม่รู้ว่าเขาซ่อนอยู่ที่ไหน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากใต้เท้าเจอเขา อย่างน้อยก็สามารถแจ้งให้เรารู้ เพื่อมิให้หยินหยางต้องปั่นป่วน”

ผีร้ายหลบหนีเป็นเรื่องใหญ่ หากหนีไปยังโลกมนุษย์และนำอันตรายมาสู่ผู้คน เมืองใต้ดินของพวกเขาก็จะต้องรับผิดชอบใหญ่เช่นกัน

ฉินหลิวซีขมวดคิ้วชั่วครู่ เอ่ย “ได้”

ยมทูตไม่เอ่ยสิ่งใดอีก โค้งคำนับฉินหลิวซีและหายตัวไปพร้อมกับผู้เฒ่ากวนและหลานชายของเขา

ลมหยินค่อยๆ จางหายไป อวี้ฉังคงพลันพ่นลมหายใจยาว เมื่อเห็นว่าฉินหลิวซียังคงครุ่นคิดอยู่ เขาจึงกระแอมไอเบาๆ

ฉินหลิวซีได้สติอีกครั้ง เห็นว่าลมหายใจของผู้เฒ่ากวนที่อยู่บนเตียงหมดไปแล้ว จึงหยิบเหรียญทองแดงใส่ปากเขา จากนั้นปิดหน้าด้วยผ้าไหมสีขาว หันมองไปที่ครึ่งเซียนเถี่ย เอ่ย “เอาล่ะ ปิดโลงศพแล้วเอาเขาไปฝังและทำพิธีเถิด”

ครึ่งเซียนเถี่ยชี้ไปที่ตัวเองด้วยดวงตาเบิกกว้าง: “?”

ไม่สิ ทำไมเขาต้องทำเรื่องเช่นนี้ด้วย

ฉินหลิวซีได้ยินว่ายังไม่มีข่าวผีร้ายเดิมก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าครึ่งเซียนเถี่ยมีท่าทางต่อต้าน ใบหน้าทะมึน “ทำไมหรือ รับเงินไปแล้วไม่อยากทำงาน”

ครึ่งเซียนเถี่ยตัวแข็งทื่อ

บุรุษจะไม่ยอมเสียหน้าต่อหน้า ครึ่งเซียนเถี่ยจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ขอรับ ท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ เป็นข้าน้อยที่มีตาหามีแวว ลบหลู่ท่านเจินเหริน ท่านผู้ใหญ่มีความเมตตา ปล่อยข้าไปสักครั้งเถิด”

“อย่าได้เอ่ยไร้สาระนัก ในเมื่อเจ้าทำพิธีได้ ยังเป็นคนของเต๋า ทำพิธีให้ชายชราสักหน่อยจะเป็นไรไป ทำอันใด เจ้าเป็นถึงนักต้มตุ๋น ยังกลัวผีอีกหรือ” ฉินหลิวซีปรายตามองเขา

กลัวก็ไม่ใช่ว่ากลัวทั้งหมด ทว่าเป็นเพียงความไม่พอใจเท่านั้น

“ท่านฟังคำพูดของข้า…ไม่สิ ท่านฟังข้าเอ่ย…”

“ข้าไม่ฟัง อย่าได้พูดมาก ฟ้ามืดแล้ว ข้าต้องกลับบ้านไปนอน” ใบหน้าของฉินหลิวซีแสดงออกถึงความหงุดหงิด “รับเงินไม่ทำงาน ยมทูตพาผู้เฒ่ากวนไปได้ยังไม่ไกลนะ ให้ข้าเรียกเขากลับมาคุยกับเจ้าหน่อยหรือไม่”

ครึ่งเซียนเถี่ย “!”

อันธพาลมาจากที่ใดกัน

[1]กุ่ยไช่ ยมฑูตล่าสัมภเวสีอยู่ใต้ปกครองของพญายม

****************************