ตอนที่ 167 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (1)
เข็มเงินทั้งห้าเล่มแทงเข้าที่ดวงเนตรของฮ่องเต้โดยตรง เสียงกรีดร้องของพระองค์ทำให้ผู้คนใจสั่น ฮ่องเต้ดิ้นเร่าอยู่บนบัลลังก์ทองด้วยท่าทีเจ็บปวดอย่างยิ่ง
จวินอู๋เสียมองไปที่ฮ่องเต้ด้วยสายตาเย็นชา ในดวงตาของนางไม่มีความสงสารอยู่เลยแม้แต่น้อย
นางจะไม่ยอมให้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ไปอย่างง่ายดายเด็ดขาด เขาเป็นหนี้สกุลจวิน นางจะให้เขาชดใช้มันกลับมาทีละนิดๆ
“นำพวกเขาสามคนไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน” จวินอู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชายิ่ง
กองทัพรุ่ยหลินที่อยู่ด้านข้างมองฉากตรงหน้าด้วยความตกตะลึง จวินอู๋เสียโหดเหี้ยมมาก นางไม่แยแสถึงตำแหน่งฮ่องเต้ของอีกฝ่ายเลย
นี่ไม่น่าใช่การบังคับฮ่องเต้ให้สละราชสมบัติแล้ว แต่เป็นการสังหารฮ่องเต้อย่างโจ่งแจ้งต่างหาก!
หลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่ กองทัพรุ่ยหลินจึงลากตัวฮ่องเต้ องค์ชายรอง และไป๋อวิ๋นเซียนออกไป สามคนที่เมื่อวานยังคงนั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุด มาบัดนี้กลับถูกเหล่าทหารลากตัวไปที่คุกใต้ดินอย่างกับสุนัขที่ตายแล้ว ศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่งของพวกเขาได้ถูกเหยียบย่ำทำลายไปอย่างสมบูรณ์
ภายในท้องพระโรงใหญ่ มั่วเฉี่ยนยวนจ้องไปที่บัลลังก์ที่ว่างเปล่าและเขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า
สำเร็จแล้วหรือ
คิดถึงคำพูดสวยหรูที่เขาได้เตรียมเอาไว้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรเลย จวินอู๋เสียก็จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว…
ช่างเรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยมจริงๆ
“มือลอบสังหารที่ชั่วช้าได้สร้างปัญหาในวังหลวงและวางยาพิษอดีตฮ่องเต้กับองค์ชายรอง อดีตฮ่องเต้ทรงสิ้นพระชนม์ทันทีเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว แต่รัฐไม่อาจขาดฮ่องเต้ได้แม้เพียงสักวันเดียว” จวินอู๋เสียหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาและเช็ดมือที่ขาวเนียนของตัวเอง ดวงตาที่เย็นชามองไปที่มั่วเฉี่ยนยวน
มั่วเฉี่ยนยวนตกใจ เพียงแค่ประโยคสั้นๆ ของจวินอู๋เสียก็ได้ปกปิดเหตุการณ์ทั้งหมดในแผนการสับเปลี่ยนฮ่องเต้
ประโยคนี้อาจฟังดูเหมือนว่าเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่ก็สอดคล้องลงตัวกับเหตุการณ์วางยาพิษที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเหมาะเจาะพอดี
ยาพิษนั้นแพร่กระจายออกมาจากวังหลวง และก็ถูกแพร่โดยทหารจากกองทหารรักษาพระองค์ หากยาพิษจะกระจายในวังหลวงด้วยก็ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจไม่ได้
“เจ้าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร” มั่วเฉี่ยนยวนพินิจจวินอู๋เสียด้วยสายตาหวาดกลัว
เห็นการลงมือของจวินอู๋เสียต่อสามคนนั้นแล้ว มันช่างโหดร้ายจริงๆ แต่นางก็ยังเก็บชีวิตของพวกเขาไว้…นี่ไม่ใช่เพราะนางใจดีอย่างแน่นอน
“คนของสำนักชิงอวิ๋นจะมาถึงเมืองหลวงในไม่ช้า ไป๋อวิ๋นเซียนยังตายไม่ได้” จวินอู๋เสียก้มศีรษะลง นางไม่ลืมคำพูดที่ไป๋อวิ๋นเซียนตะโกนออกมาเมื่อครู่
ไม่รู้ว่านางใช้วิธีใดในการแจ้งข่าวกับคนของสำนักชิงอวี๋น ฉะนั้นยังไม่สามารถฆ่านางได้ในตอนนี้
“เจ้าไม่ฆ่านาง แต่ว่า หากปล่อยให้นางติดต่อกับคนของสำนักชิงอวิ๋นและโพนทะนาเรื่องนี้ออกไป…” มั่วเฉี่ยนยวนไม่กล้าจินตนาการเลย เขาไม่กลัวว่าเรื่องเหล่านี้จะแพร่กระจายเข้าหูของประชาชนในรัฐชี แต่กลัวว่าสำนักชิงอวิ๋นจะทำสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ภายใต้ความโกรธของพวกเขา “เจ้าสำนักชิงอวิ๋นคนนั้นเข้าข้างคนในสำนักของเขามาก เมื่อหลายปีก่อนมีลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเที่ยวเล่นอยู่นอกสำนักแล้วถูกโจรปล้น สำนักชิงอวิ๋นไม่เพียงแต่ทำลายกลุ่มโจรเหล่านั้น แต่ยังฆ่าครอบครัวขุนนางที่ดูแลเมืองนั้นทั้งครอบครัวอีกด้วย โดยให้เหตุผลว่าการดูแลและการควบคุมของพวกเขาไม่ดีพอ จนทำให้ลูกศิษย์ของพวกเขาต้องเสียชีวิต ไป๋อวิ๋นเซียนเป็นศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋น ถ้าให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางที่นี่ ข้าเกรงว่าเขาจะไม่ยอมอย่างแน่นอน”
ลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นได้รับเกียรติจากภายนอกเยี่ยงนั้น ก็เพราะวิธีการปกป้องศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋น ไม่มีใครอยากให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นซ้ำกับตัวเองใช่หรือไม่
จวินอู๋เสียเหลือบมองมั่วเฉี่ยนยวนและกล่าวด้วยเสียงเรียบว่า “พวกเขาจะไม่รู้”
“หือ”
“ไป๋อวิ๋นเซียนจะไม่พูด” จวินอู๋เสียกล่าว
มั่วเฉี่ยนยวนมองจวินอู๋เสีย เขาไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียยังมีความสามารถอะไรที่ยังไม่ได้เปิดเผยออกมาอีกบ้าง แต่ถ้านางบอกว่าสำนักชิงอวิ๋นจะไม่ทราบเรื่องนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป แค่เฝ้ามองสถานการณ์แล้วเตรียมรับมือก็พอ
“เตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นครองราชย์ของเจ้าก็พอ เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจอย่างอื่น” จวินอู๋เสียทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้แล้วเดินออกจากท้องพระโรงทันที
ตอนที่ 168 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (2)
องค์รัชทายาทมั่วเฉี่ยนยวนนำกองทัพรุ่ยหลินบุกเข้าวังหลวง ครึ่งวันผ่านไป ข่าวการสิ้นพระชนม์ของอดีตฮ่องเต้ก็แพร่กระจายออกไปทั่ว ทำให้ทั้งรัฐชีเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ อดีตฮ่องเต้ได้ทิ้งพระราชโองการไว้ แต่งตั้งให้องค์รัชทายาทมั่วเฉี่ยนยวนขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะถูกจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันต่อมา
รัฐชีเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นอย่างเงียบๆ
เนื่องจากจวินอู๋เสียได้สังหารกลุ่มสุนัขที่ซื่อสัตย์ของฮ่องเต้ที่หน้าประตูวังหลวงไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่มีขุนนางคนใดกล้าคัดค้านตอนมั่วเฉี่ยนยวนขึ้นครองราชย์
ใครไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างมั่วเฉี่ยนยวนและจวินอู๋เสียนั้นไม่ธรรมดา มั่วเฉี่ยนยวนขึ้นครองบัลลังก์และประกาศตัวเองเป็นฮ่องเต้ ไม่แน่อนาคตตำแหน่งฮ่องเฮาอาจจะกลายเป็นจวินอู๋เสียก็เป็นได้ ตอนนี้กองทัพรุ่ยหลินยังคงเฝ้าอยู่ในวังหลวง พวกเขาก็ห่วงชีวิตตัวเองเช่นกัน
การขึ้นครองบัลลังก์เป็นไปอย่างราบรื่น มั่วเฉี่ยนยวนทำการเปลี่ยนแปลงวังหลวงครั้งใหญ่ เริ่มต้นจากการสังหารขันทีและคนใช้ในวังที่ติดตามฮ่องเต้และองค์ชายรอง ทั้งวังหลวงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว
จากชีวิตที่น่ารันทดสังเวชของเขาจนถึงการเป็นฮ่องเต้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน มั่วเฉี่ยนยวนรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ช่างเหมือนกับอยู่ในความฝัน
ถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสีย เขาคงเสียชีวิตคาตำหนักหลินยวนไปนานแล้ว
“ฝ่าบาท สิ่งที่พระองค์ให้คนส่งไปที่จวนหลินอ๋องนั้นถูกส่งไปทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” มั่วเฉี่ยนยวนมีเวลาอีกสองวันก่อนถึงพิธีเถลิงถวัลยราชสมบัติอย่างเป็นทางการ แต่ขันทีที่อยู่ข้างๆ เขามีสติปัญญาและไหวพริบดีมาก ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกมั่วเฉี่ยนยวนว่าเป็นฝ่าบาทแล้ว
มั่วเฉี่ยนยวนปิดปากเงียบ เขาไม่มีความสุขมากนักเมื่อนั่งอยู่บนบัลลังก์
“เจ้าเห็นคุณหนูจวินหรือไม่” มั่วเฉี่ยนยวนไม่ได้เห็นหน้าจวินอู๋เสียอีกเลยนับตั้งแต่พบกันที่ท้องพระโรงในวันนั้น คนสามคนในคุกใต้ดินของวังหลวงตอนนี้เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายเท่านั้นเพื่อรอจวินอู๋เสียมาตัดสิน
“ไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ”
มั่วเฉี่ยนยวนพยักหน้าเล็กน้อย เขาสั่งให้คนยกยอดสุราธาราหยกที่เหลืออยู่ทั้งหมดไปที่จวนหลินอ๋อง เขาเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่สนใจสิ่งใดๆ เลย แต่สนใจสุราเหล่านี้เป็นพิเศษ
มั่วเฉี่ยนยวนยุ่งวุ่นวายอยู่กับพิธีขึ้นครองราชย์จนไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใดอีก อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะทำอะไร เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะความคิดของหญิงสาวนางนั้นล้ำลึกกว่าเขามาก
ในจวนหลินอ๋อง จวินเสี่ยนและจวินชิงนั่งเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าจริงจัง
จวินอู๋เสียไม่สามารถออกไปไหนได้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ มิใช่เพราะเหตุใด แต่เพราะนางกำลังถูกสองคนนี้ ‘สอบปากคำ’ อยู่ต่างหาก
หลังจากเหตุการณ์บังคับให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติจนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สองพ่อลูกสกุลจวินได้สอบถามเรื่องราวและแผนการทั้งหมดของจวินอู๋เสีย และได้รู้ถึงวิธีการ ‘บังคับฮ่องเต้ให้สละราชสมบัติ’ ที่เรียบง่ายและโหดร้ายของจวินอู๋เสียในวังหลวง ทั้งร่างกายของทั้งสองเต็มไปด้วยเหงื่อเมื่อได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด
ว่ากันว่าสกุลจวินนั้นกล้าหาญและสุขุมรอบคอบ ในสงครามพวกเขาสามารถใช้กองทัพได้ดุจดั่งเทพเซียน แต่พวกเขาไม่เก่งในการต่อสู้ชิงไหวพริบในราชสำนัก แต่พวกเขาไม่คิดว่าการกระทำของจวินอู๋เสียในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ จะแก้ไขสถานการณ์ที่ยากลำบากของสกุลจวินที่มีมานานกว่าสิบปีได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป กะทันหันเกินไป จนสองพ่อลูกสกุลจวินยังไม่ทันตั้งตัว ทุกอย่างก็จบสิ้นลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
“เจ้าขังอดีตฮ่องเต้และพวกเขาไว้ในคุกใต้ดินจริงๆ หรือ” จวินเสี่ยนยิ่งฟังหัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นระรัว บุรุษทั้งสามรุ่นของสกุลจวินนั้นล้วนเป็นขุนนางที่จงรักภักดีมาโดยตลอด แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงเกิดจวินอู๋เสียที่ลงมือเด็ดขาดและมองฮ่องเต้และเหล่าขุนนางเหมือนเป็นกองขยะเปียกกองหนึ่งออกมา
“ใช่” จวินอู๋เสียพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง
จวินเสี่ยนและจวินชิงสบตากัน ในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
“แผนการของเจ้าและองค์รัชทายาทสมบูรณ์แบบมาก แต่สิ่งที่ไป๋อวิ๋นเซียนเอ่ยขึ้นมาก่อนหน้านี้ เจ้าจะแก้ไขอย่างไร” เรื่องราวทั้งหมดได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ว่าจวินเสี่ยนมีอะไรจะพูดก็ไม่สามารถพูดได้แล้ว แต่สิ่งที่เขากังวลในตอนนี้คือคำพูดของไป๋อวิ๋นเซียนที่บอกว่าคนของสำนักชิงอวิ๋นกำลังจะมายังรัฐชี
การรับมือและจัดการกับสำนักชิงอวิ๋นนั้นไม่ได้ง่ายดายเหมือนกับอดีตฮ่องเต้หรอกนะ