ตอนที่ 385 - ต้นผลไร้กังวล

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 385 – ต้นผลไร้กังวล

“ระวัง!” เสียงเตือนของหลิงอวิ๋นเฮ่อดังขึ้นข้างหู โม่เทียนเกอขยับวูบออกจากตำแหน่งเดิมในพริบตา พอก้มหน้ามอง จุดที่ตนเองยืนอยู่แต่เดิมถูกปราณดำหนึ่งก้อนครอบคลุมอย่างสิ้นเชิงแล้ว จากนั้นปราณสีดำสลายตัวช้า ๆ สาบสูญอย่างไร้ร่องรอย

นี่เป็นวันที่สิบที่พวกเขาเข้ามาในหุบเขาไร้กังวล จากหุบเขาชั้นในของหุบเขาไร้กังวลทั้งหมดได้ค้นหามากว่าครึ่งแล้ว ครึ่งวันก่อนในที่สุดหลิงอวิ๋นเฮ่อสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของผลไร้กังวล คนทั้งกลุ่มกำลังเสาะหาไปยังที่หมาย

สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้เป็นหนองน้ำปราณสีดำอันแปลกประหลาดแห่งหนึ่ง มืดครึ้มหดหู่ ของเหลวและไอสีดำนับไม่ถ้วนล่องลอย แม้แต่พวกเขาผู้ฝึกตนก่อเกิดตานล้วนไม่อาจเข้าใจว่าสรุปแล้วนี่เป็นสิ่งของอะไร เพียงรู้ว่ามีพิษ เดิมทีพวกเขารู้สึกว่าหนองน้ำนี้อันตรายเกินไป อยากจะเสาะหาเส้นทางอื่น แต่สถานที่ที่หลิงอวิ๋นเฮ่อสัมผัสได้ในท้ายที่สุดก็คือส่วนลึกของหนองน้ำนี้ พวกเขาได้แต่ทำใจกล้าเข้าหนองน้ำไปด้วยความจนใจ

หนองน้ำนี้แปลกประหลาดถึงสิบส่วน ที่นี่พวกเขาบินไม่ได้ อาวุธเวทบินทั้งหมดล้วนสูญเสียประโยชน์ แม้แต่บินขึ้นฟ้ายังไม่ได้ เผอิญว่าในหนองน้ำนี้ยังจะมีอสูรประหลาดชนิดหนึ่งเติบโตอยู่ ขนาดประมาณตัวนาก บนตัวคลุมด้วยเกล็ดสีดำ แข็งแรงไร้ที่เปรียบ ไป ๆ มา ๆ อย่างอิสระในหนองน้ำ พอโจมตีไม่โดนก็จะกลายร่างเป็นปราณสีดำหลบหนีไปทันที ทำให้พวกเขาปวดศีรษะถึงสิบส่วน

หากถกถึงความแข็งแกร่ง พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอันมีระดับการฝึกตนโดดเด่นไม่ได้กลัวอสูรประหลาดพวกนี้เลย แต่อสูรประหลาดนี้เจ้าเล่ห์เกินไป ในหนองน้ำนี้ พวกเขายิ่งถูกมัดมือมัดเท้าอีกด้วย ทำได้แค่ระมัดระวังและรอบคอบตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

หยางเฉิงจีขมวดคิ้ว อึดอัดถึงสิบส่วน “อยากจะขุดดินที่นี่สักสามฉื่อแล้วเอาตัวประหลาดพวกนี้มาสับเป็นหมื่นชิ้นจริง ๆ!”

โม่เทียนเกอได้ยินแล้วยิ้มขื่น นี่ไยจะมิใช่ความคิดของคนอื่น ๆ เล่า? พวกเขาเหล่านี้ไม่กลัววิชาต่อสู้ ไม่กลัวการปะทะ แต่สำหรับสถานการณ์ประเภทนี้ที่ตีไม่ได้ฆ่าไม่ได้และถูกก่อกวนอยู่ทุกเมื่อช่างน่าชิงชังโดยแท้

ในสถานการณ์ประเภทนี้ จิตสมาธิจะถูกแบ่งแยกไปบ่อย ๆ หากดำเนินต่อไปนาน ๆ ก็จะกลายเป็นความตื่นตัวไม่เพียงพอ เมื่อวานหลิงอวิ๋นเฟยแทบจะติดกับ โชคดีที่หลิงอวิ๋นเฮ่อปล่อยอสูรวิญญาณนกแร้งของเขาไว้ระวังภัยรอบด้านอยู่ตลอด จึงช่วยชีวิตหลิงอวิ๋นเฟยได้ทันท่วงที แต่อสูรวิญญาณตัวนั้นของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ ได้แต่เก็บกลับกระเป๋าอสูรวิญญาณไปพักผ่อน

ยังมีเทียนฉาน เขาประมาทไปชั่วขณะ หนึ่งหมัดชกใส่อสูรประหลาดนั่น ผลคือกลับถูกปราณดำพัวพัน เกือบจะเสียมือไปหนึ่งข้าง — น้ำดำในหนองน้ำนี้ไม่รู้ว่าประกอบด้วยอะไร ความสามารถในการกัดกร่อนแข็งแกร่งยิ่ง หากถูกกระเด็นใส่ร่างแล้วดูแลรักษาไม่ทันกาลก็จะถูกกัดกร่อนจนเสียหาย นี่ก็คือสาเหตุที่พวกเขาถูกมัดมือมัดเท้า แม้แต่การใช้อาวุธเวทก็ต้องระวังรอบคอบ

ทางหนึ่งตามไปยังตำแหน่งที่หลิงอวิ๋นเฮ่อสัมผัสได้ถึงผลไร้กังวล ทางหนึ่งก้มหน้าเดินข้ามหนองน้ำอย่างระแวดระวัง คนทั้งกลุ่มเดินไปอย่างเชื่องช้าไร้ที่เปรียบ

คนที่ว่างที่สุดคือเถียนจือเชียน ในกลุ่มคน ความแข็งแกร่งของเขาไม่เด่นชัด แต่ว่าเขาเป็นอาจารย์วิชาม่านพลัง ที่หุบเขาไร้กังวลซึ่งพลังวิญญาณสับสน หน้าที่ของเขาไม่อาจทดแทน ดังนั้นทุก ๆ คนล้วนดูแลเขาก่อน ขณะนี้เขาเพียงต้องทำให้พลังวิญญาณรอบด้านเสถียรก็พอ

ผ่านไปอย่างนี้หลายชั่วยาม เทียนฉานก็รู้สึกทนไม่ไหวแล้ว “พวกเรายังต้องเดินอีกนานเท่าไหร่”

หลิงอวิ๋นเฮ่อหยุดลง หลังจากสัมผัสเล็กน้อยก็เอ่ยว่า “ปราณแห่งสมบัติวิญญาณอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนักแล้ว ด้วยความเร็วในตอนนี้ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุ ครึ่งวันให้หลังก็จะถึง”

“ก็ดี!” เทียนฉานอดทน มัดบาดแผลให้ดี ๆ อีกรอบ เดินตามไป

“สหายเต๋าเทียนฉาน” เถียนจือเชียนมองดูมือของเขาถามว่า “อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไร”

“ยุ่งยากนิดหน่อย” เทียนฉานขมวดคิ้วพูด “ไม่รู้จริง ๆ ว่านี่เป็นสิ่งของผีสางอะไร!”

“สหายเต๋าเทียนฉานวางใจ” หลิงอวิ๋นเฮ่อหันกลับมาเอ่ย “หลังกลับไป ผู้แซ่หลิงจะคิดหาหนทางรักษาอาการบาดเจ็บของท่าน”

เทียนฉานร้องหึในจมูก “ไม่ต้องแล้ว หากสามารถกลับไป จ้ายเซี่ยย่อมมีวิธีการเอง”

เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทีที่ไม่เกรงอกเกรงใจต่อเขา หลิงอวิ๋นเฮ่อยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไร ตัวประหลาดอีกตัวปรากฏขึ้นใต้เท้า เขายุ่งกับการหลบออกไป

ขณะนี้ โม่เทียนเกอเงยหน้ามองหนองน้ำปราณดำอันไร้ขอบเขานี้ จู่ ๆ มีลางสังหรณ์ที่ไม่แน่ชัด

ปราณดำที่กัดกร่อนได้ ตัวประหลาดที่ไม่อาจหยั่งถึง ผลไร้กังวล ทำไมนางรู้สึกว่าการรวมตัวกันนี้แปลกประหลาดมาก มิใช่บอกว่าผลไร้กังวลเป็นวัตถุวิญญาณหรือ เหตุใดจึงหลบซ่อนที่สถานที่ที่อึมครึมอย่างหนองน้ำปราณดำนี้เล่า หรือมันไม่กลัวถูกกัดกร่อน?

นางกวาดมองพวกพ้องครั้งนี้อย่างระวังด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่บ้าง หลิงอวิ๋ิ๋นเฮ่อนำทางอย่างจริงจัง เถียนจือเชียนมองจานหยกในมือเป็นครั้งคราว ท่องพึมพำในปาก เทียนฉานและหยางเฉิงจีขมวดคิ้วนิ่วหน้า หลิงอวิ๋ิ๋นเฟยก้มศีรษะอย่างระแวดระวัง ดูไปแล้วพวกเขาล้วนปกติมาก

“เฟยเฟย แถว ๆ นี้มีวัตถุวิญญาณจริง ๆ หรือ” นางใช้จิตหยั่งรู้ถามเฟยเฟยที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าอสูรวิญญาณ

ผ่านไปพักหนึ่ง เสียงหาวของเฟยเฟยดังออกมา รวมทั้งการถามกลับอย่างไม่ชัดเจนว่า “อะไร”

“……เจ้าหลับอยู่เหรอ”

เฟยเฟยหาวอีกคำ “ไม่หลับแล้วจะทำอะไร ในกระเป๋าอสูรวิญญาณน่าเบื่อนัก มืดจนนอกจากฝึกตนแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ทำไมท่านไม่ลองเข้ามาดูเล่า”

“……” จะว่าไปแล้วโม่เทียนเกอก็อยากรู้มากว่าทำไมมนุษย์ไม่สามารถเข้ากระเป๋าอสูรวิญญาณเล่า อสูรวิญญาณกับคน ว่ากันโดยพื้นฐานแล้วไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลย……

“……สรุปว่ามีเรื่องอะไร”

คิดอย่างวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง ได้ยินเสียงที่หมดความอดทนของเฟยเฟย โม่เทียนเกอได้สติกลับมา ทวนคำถามเมื่อครู่ซ้ำอีกรอบว่า “แถว ๆ นี้มีวัตถุวิญญาณไหม”

เฟยเฟยเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ากำลังสัมผัสอยู่หรือเปล่า เนิ่นนานให้หลัง มันร้อง “หืม” คำหนึ่ง “ประหลาด สถานที่ประเภทนี้ถึงกับมีจริง ๆ”

“เจ้าแน่ใจนะ” โม่เทียนเกอไล่ถาม

“……มิผิด” เฟยเฟยเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าสัมผัสได้ว่าแถว ๆ นี้มีปราณแห่งสมบัติวิญญาณอันน่าทึ่ง แต่รอบ ๆ มันน่าจะมีอสูรปีศาจเฝ้าพิทักษ์อยู่หนึ่งตัว”

พูดกันโดยทั่วไป ใกล้ ๆ สมบัติที่สื่อวิญญาณจะมีวิญญาณผู้พิทักษ์ในระดับเดียวกัน เฟยเฟยพูดอย่างนี้ โม่เทียนเกอจึงนับว่าเชื่อวาจาของหลิงอวิ๋นเฮ่อแล้ว นางคิดดู ถามว่า “เป็นอสูรปีศาจเช่นไร ขั้นใด”

“……ไม่รู้” เฟยเฟยพูด “อสูรปีศาจตัวนี้มิใช่อสูรวิญญาณ ลมปราณบนตัวเป็นอย่างลมปราณที่นี่”

ลมปราณที่นี่? หรือว่าพูดถึงปราณมืดพวกนี้? นี่ก็แปลกประหลาดเกินไปแล้ว สาเหตุที่วิญญาณผู้พิทักษ์จะเฝ้าพิทักษ์สิ่งของอย่างหนึ่งเป็นเพราะสิ่งของนี้มีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อตนเอง อย่างเช่นกินเข้าไปอาจจะเพิ่มระดับการฝึกตน แต่ผลไร้กังวลเป็นวัตถุวิญญาณ สิ่งมีชีวิตในหนองน้ำปราณดำแห่งนี้กินมันแล้วจะมีประโยชน์อะไร หรือจะบอกว่าแค่บังเอิญ?

อดทนเดินไปอีกครึ่งวัน นอกจากหลิงอวิ๋นเฮ่อ คนอื่น ๆ ก็สัมผัสได้แล้ว

ปราณแห่งสมบัติวิญญาณ ปราณแห่งสมบัติวิญญาณอันอุดมเป็นพิเศษ จนกระทั่งขณะนี้ ม่เทียนเกอจึงยืนยันแน่ว่าจะต้องเป็นผลไร้กังวล

สัมผัสได้ถึงลมปราณ ความเร็วของทั้งหกคนเร่งเร็วขึ้นทันที บางครั้งผู้คนก็เป็นอย่างนี้ ถึงแม้จะรู้แน่ว่าเป้าหมายอยู่ที่เบื้องหน้า แต่ตอนนี้สัมผัสไม่ได้ก็จะเดินไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ทว่าในขอบเขตที่เป้าหมายปรากฏอย่างชัดเจนจนสามารถสัมผัสได้ก็จะปลดปล่อยกำลังที่ซ่อนเร้นเอาไว้ออกมา

ในอากาศที่สลัวเลือนรางเริ่มปรากฏลำแสงสีเขียว ตอนแรกสุด สีเขียวชนิดนี้เป็นแสงเรืองรองนิดหน่อยที่กระจายอยู่ในอากาศ พร้อมกับการเดินหน้าของพวกเขา ลำแสงนี้กลายเป็นยิ่งมายิ่งสว่าง

“ตรงหน้านี้ล่ะ!” หลิงอวิ๋นเฮ่อเร่งความเร็ว

พร้อมกับที่พวกเขายิ่งเดินยิ่งใกล้ ในครรลองสายตาค่อย ๆ ปรากฏต้นไม้อันน่าทึ่งหนึ่งต้น ต้นไม้ต้นนี้สูงใหญ่มาก สูงเกินหลายสิบจ้าง ทั้งต้นเป็นสีเขียวจัด เจือกลิ่นไอของพลังชีวิตอันเข้มข้น มันมีลำต้นแข็งแรง ตั้งตรงเผง รวมทั้งใบไม้อันแน่นขนัด แต่ละใบ ๆ เส้นใบชัดเจน มันยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ หยั่งรากลงในพื้นดินลึก ๆ เสมือนว่าตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มาเป็นพันเป็นหมื่นปีแล้ว ยอดสุดของต้นไม้ต้นนี้งอกผลไม้สีเขียวหนึ่งลูก ภายใต้การโอบล้อมของใบไม้เป็นกลุ่มก้อน ทอดนอนอยู่บนยอดไม้เงียบ ๆ

“ผลไร้กังวล……” หลิงอวิ๋นเฮ่อพึมพำ เดินไปข้างหน้าอย่างอดใจไม่ไหว

“สหายเต๋าหลิง!” โม่เทียนเกอตะโกน

แต่ว่าไม่ทัน ตอนที่หลิงอวิ๋นเฮ่อเหยียบย่างลงบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่มหน้าต้นไร้กังวล ในหนองน้ำด้านข้างจู่ ๆ มีแสงสีดำวิ่งสวบสาบขึ้นมา คลุมลงใส่เขา

ปฏิกิริยาของหลิงอวิ๋นเฮ่อนับว่ารวดเร็ว วูบหลบออกมาในพริบตา แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ บนร่างของเขายังคงเปื้อนน้ำดำมากมาย

“อ๊ะ!” เขาร้องสั้น ๆ สะบัดมือของตัวเอง

“พี่รอง!” หลิงอวิ๋นเฟยวิ่งมาข้างหน้า กลับเห็นว่าร่างกายซีกขวาของหลิงอวิ๋นเฮ่อล้วนถูกน้ำดำเปื้อน ชุดเต๋าควันขึ้นเสียง “ชี่ ๆ” กลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว

“พี่หลิง!” เถียนจือเชียนเห็นดังนั้นก็แตะกระเป๋าเอกภพทันที กำผงยาโปรยลงไป

หลิงอวิ๋นเฮ่อสูดลมหายใจหนาวเหน็บ ผงยาของเถียนจือเชียนประสิทธิภาพไม่ได้ดีมากเลย แต่นับว่าสกัดกั้นกระบวนการกัดกร่อนของน้ำดำได้ชั่วคราวแล้ว

“ฟ่อ!” สิ่งที่โจมตีหลิงอวิ๋นเฮ่อส่งเสียงเบา ๆ ดวงตาดำสนิทจับจ้องพวกเขาหกคนจากที่อันซ่อนเร้น

โม่เทียนเกอมองดูเจ้าสิ่งนี้ที่อยู่เบื้องหน้า ลำตัวของมันยาวมาก เกินกว่าสิบจ้าง เกล็ดดำสนิท ดูแล้วคล้ายงูนิดหน่อย แต่ว่ามีขามีหาง ลำตัวก็หนากว่า

หลังจากหยุดชะงักชั่วขณะ เจ้าสิ่งนี้วิ่งสวบสาบออกมาเร็วปานสายฟ้าอีกครั้ง

ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดคือหยาง เขาร้องหึเสียงเย็นหนึ่งคำ สะบัดแขน แสงดำสนิทวูบขึ้น ธงหน้าผีปรากฏขึ้นในมือเขา ผืนธงพอคลี่ออก ปราณมารหนึ่งก้อนพุ่งออกไป

ปราณมารปะทะกับงูยักษ์มีขา งูยักษ์ร่างสั่นไหวแต่ไม่ได้ล่าถอย ยังคงโน้มมาข้างหน้า

หยางเฉิงจีเห็นแล้วก็ตะลึง โบกธงหน้าผีอีกรอบ ครั้งนี้กลับเห็นว่าหน้าผีของผืนธงจู่ ๆ หลุดออกไป อ้าปากกว้างกัดใส่งูยักษ์

“ผัวะ งูยักษ์ถูกกัดจัง ๆ แต่ในเวลาเดียวกันหน้าผีก็เหมือนจะถูกน้ำดำกัดกร่อน เกิดเสียง “ชี่ ๆ”

“หึ!” เทียนฉานร้องหึเสียงเย็น กำกรงเล็บพุ่งขึ้นไป เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ คล่องแคล่วว่องไวถึงสิบส่วน ก่อนหน้านี้มือข้างหนึ่งแทบจะถูกน้ำดำกัดกร่อน กำลังโมโหเป็นอย่างมาก ขณะนี้เอาความโกรธทั้งหมดเทใส่ตัวของงูยักษ์ตัวนี้ เห็นเพียงเขาแทบจะกลายร่างเป็นเงาเลือนรางกระโดดไปกระโดดมาอยู่บนตัวงูยักษ์ ทุก ๆ ครั้งกรงเล็บล้วนสามารถแทงเข้าร่างงู เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกล็ดของงูนี้ทำมาจากสิ่งของอะไร แข็งแรงไร้ที่เปรียบ ถึงแม้เทียนฉานสามารถแทงเข้าทุกครั้ง อาการบาดเจ็บที่ได้รับจริง ๆ กลับไม่มาก

โม่เทียนเกอมองงูยักษ์ตัวนี้ รู้ว่านี่เป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ที่เฟยเฟยพูดเสียเกินครึ่ง แต่นางรู้สึกพิกล ระดับของวิญญาณผู้พิทักษ์มักจะเท่า ๆ กับวัตถุวิญญาณที่มันพิทักษ์ปกป้อง วัตถุุวิญญาณยิ่งล้ำค่า อสูรวิญญาณที่เฝ้ารักษามันก็จะยิ่งร้ายกาจ แต่ว่างูยักษ์ตัวนี้กลับยากจะบอกว่าเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ของต้นไร้กังวล

ต้นไร้กังวลสรุปแล้วเป็นวัตถุวิญญาณกี่ปี นางดูไม่ออก แต่เห็นพลังวิญญาณที่ต้นไร้กังวลนี้กระจายออกมา นางก็รู้ว่าถือเป็นสมบัติที่สื่อวิญญาณแล้ว ทว่างูยักษ์ตัวนี้ถึงจะร้ายกาจ พลังสภาวะกลับไม่เกินขั้นเจ็ด มิฉะนั้นจะไม่ถูกพวกเขาละเลย

สมบัติที่สื่อวิญญาณแล้วหนึ่งชิ้น วิญญาณผู้พิทักษ์ทำไมมีเพียงขั้นเจ็ดไปได้เล่า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

————

ตอนที่ 386 – ผลลัพธ์เหนือคาด