บทที่ 105 ยังไม่ได้เข้าเรือนหอ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 105 ยังไม่ได้เข้าเรือนหอ

เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนทำมาแสงเวลากลางคืนมืดมัว ผู้ชายที่ลงมาจากม้า มองหน้าตาไม่ชัด คนคนนั้นตอนแรกตั้งใจจะเดินตรงเข้าไปในวังเลย พอหันกลับมาแล้วเห็นเธอ

ร่างนั้นหยุดชะงักลง!

และเดินด้วยความเร็วข้ามาหานาง พร้อมพูดขึ้นว่า “หลานเยาเยา ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”

“เย่หลีเฉิน?”

คนคนนี้คือองค์ชายรัชทายาทไม่ใช่เหรอ

ค่ำมืดขนาดนี้เพิ่งกลับเข้ามาจากข้างนอก แถมตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา อีกทั้งมีกลิ่นน้ำหอมกลิ่นแป้งของหญิงสาวโชยเข้ามาที่จมูก

ทำให้หลานเยาเยาต้องเอามือปิดจมูกและเอ่ยขึ้นมาว่า

“พระราชวังไม่ได้เป็นของเจ้า ทำไมข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้?”

“เจ้า……”

องค์ชายรัชทายาทมีความโกรธกลิ้วเล็กน้อย

เขาคิดไม่ถึงว่าหลานเยาเยาจะกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ อีกทั้งอย่างรักษาระยะห่างกับเขา ซึ่งทำให้เขายิ่งโมโหขึ้นไปอีก

เมื่อก่อนนางเคยอยากเจอตัวเขา แต่ตอนนี้นางแต่งงานกับอ๋องแย่แล้ว หน้าตาสระสวยขึ้น แถมยังรักษาระยะห่างกับเขาอีก?

หึ่ม!

เขาไม่เชื่อ ว่าหลานเยาเยาจะเปลี่ยนใจจากเขาไปแล้ว!

ต้องเป็นการแสดงของนางแน่นอน!

ในขณะที่เขากำหมัดแน่น หลานเยาเยาก็ยิ้มหวานให้เขา ทำให้จิตใจของเขาสั่นคลอนขึ้นมาทันที

เป็นอย่างที่คิดจริง!

นางยังชอบเขาอยู่

ทันใดนั้น รอยยิ้มของหลานเยาเยาหุบลง พร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า

“เจ้าเจ้าเจ้า เจ้าอะไรของเจ้า!ข้าจำได้ว่าพระตำหนักไท่จื่อไม่ได้อยู่นอกวังหนิ่!ท่านเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท ในอนาคตอาจเป็นผู้สืบทอดของฮ่องแต่คนต่อไป กลางค่ำกลาคืนไม่กลับบ้าน ถ้าฮ่องเต้รู้เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่!”

เวลานี้ องค์ชายรัชทายาทเริ่มเกิดความกังวลขึ้นมาทันที

ถ้าปล่อยให้ท่านพ่อรู้เรื่องนี้เข้า เขาต้องโดนลงโทษเป็นแน่

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น แต่เหมือนเขาฉุดนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตารีบเปลี่ยนเป็นกังวลขึ้นทันที

และไม่มีอารมณ์ที่จะทะเลาะกับหลานเยาเยาต่อ ส่งเสี้ยงหึออกมาจากนั้นเดินเข้าไปในวังอย่างเร่งรีบ

“เช้ย!”

หลานเยาเยาหมุนตัวขึ้นไปนั่งบนรถม้า ขณะที่เธอเปิดม่านออก ก็เห็นโหลวเย่วกับเย่เจ๋หยิ่งมองมาที่นาง

“เป็นอะไรเหรอ พวกเจ้า?

สายตาของพวกเขาหมายความว่ายังไง?

คนหนึ่งมองมาด้วยสายตาเย็นชา ส่วนอีกคนมองมาด้วยความอึดอัดเกรงใจซึ่งมันหมายความว่ายังไง?

“คนเมื่อกี้คือเสด็จพี่ใช่หรือไม่?”โหลวเย่วถามขึ้นมาเบาเบา

“ใช่แล้ว คนเมื่อกี้คือเย่หลีเฉิน ทำไมเหรอ?”

เมื่อได้ยินนางเรียกชื่อขององค์ชายรัชทายาทออกมาตรงๆ โหลวเย่วรีบใช้มือปิดปากของนาง และกระพริบตาปริบปริบกับนาง

“ตาเจ้าเป็นอะไรเหรอ?เม็ดทรายเข้าตาเหรอ?”หลานเยาเยาถามขึ้นอย่างสงสัย

แล้วนางก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆโหลวเย่

อย่างไรก็ตาม!

โหลวเย่วรีบเอามือไปวางตรงจุดที่หลานเยาเยาจะนั่ง แล้วเหลีอบตามองไปที่เสด็จอา จากนั้นพูดขึ้นมาว่า

“ข้ารู้สึกง่วงนอน เดี๋ยวข้าจะนอนที่นี่ เจ้าไปนั่งทางโน้นดีกว่า”

เยาเยาอ่ะ!ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้แหล่ะ

เมื่อกี้

ที่ได้ยินหลานเยาเยาพูดคุยกับเสด็จพี่ เสด็จอาเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนทันที สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความโกรธห้ามใครเข้าใกล้เด็ดขาด

คิดว่า เสด็จอาน่าจะไม่พอใจอย่างยิ่ง

องค์ชายรัชทายาทกับหลานเยาเยาเคยมั่นหมายกันมาก่อน!

อีกทั้งเคยได้ยินมาว่าหลานเยาเยาหลงรักในตัวเสด็จพี่มาก หลังจากที่โดนเสด็จพี่ถอนหมั้น ทำให้หลานเยาเยาเสียใจเป็นอย่างมาก!

ตอนนี้เยาเยากลายเป็นเพราะชายาอ๋องเย่แล้ว

ไม่รู้ว่าในใจยังรักเสด็จพี่อยู่อีกหรือไม่ แต่ฟังจากที่นางสนทนากับเสด็จพี่เมื่อกี้ ดูเหมือนว่า นางยังโกรธเสด็จพี่อยู่

จะเห็นได้ว่า……

แท้จริงแล้วในใจของเยาเยายังมีความรู้สึกที่ดีต่อเสด็จพี่อยู่

ไม่งั้นคงจะไม่แสดงอาการโกรธออกมา

โหลวเย่วมีความกังวลอยู่ในใจ ขนาดนางยังฟังออกเลย นับประสาอะไรกับเสด็จอาที่ฉลาดกว่าใคร จะฟังไม่ออกได้อย่างไร?

หลานเยาเยาไม่รู้ว่าโหลวเย่วคิดอะไรอยู่ เพียงแต่งงกับพฤติกรรมของโหลวเย่ว แต่สำหรับเรื่องที่โหลวเย่วจะนอนนั้น นางก็เสนอความคิดเห็นออกไปว่า

“เจ้านอนหลับแบบนี้จะล้มลงไปได้ง่ายนะ!”

พูดจบนางก็ล้มตัวลงนั่งข้างๆเย่เจ๋หยิ่ง

แต่กลับสัมผัสได้ถึงบรรยกาศที่ผิดปรกติ

นางเหลียบมองเย่เจ๋หยิ่งช้าช้า สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอที่เย็นชา จึงรีบขยับตัวออกห่างเล็กน้อย

สถานการณ์แบบนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือเว้นระยะห่างกับเขาดีกว่า

ใครจะรู้……

เย่เจ๋หยิ่งลุกขึ้นทันที เดินลงไปจากรถม้า เสียงร้องคำรามของม้าดังขึ้น หลังจากนั้นได้ยินเสียงการควบม้าออกไป และไกลห่างออกไปเรื่อยๆ

เอ๋อ……

เย่เจ๋หยิ่งไปแล้ว?เพราะอะไรเหรอ?

“เขาเป็นอะไร?”หลานเยาเยาถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“เยาเยา เจ้าไม่รู้จริงๆหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่?เสด็จอาโกรธแล้ว ท่านกำลังโกรธเจ้ากับองค์ชายรัชทายาท”

โหลวเย่วนั่งลงข้างนาง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อยที่นางอุตส่าห์สื่อสารให้เยาเยาทราบในความหวัดดีแต่นางกลับไม่รู้อะไรเลย

เมื่อกี้นางได้พยายามเตือนหลานเยาเยาแล้ว แต่นางก็ไม่ใส่ใจ

เฮ้อ!

ตอนนี้ลำบากล่ะ

ยังไม่เคยเห็นเสด็จอาโมโหโกรธเพราะเรื่องของผู้หญิงมาก่อน คืนนี้นับว่าเป็นครั้งแรก แล้วนางจะทำยังไงถึงจะให้เขาทั้งสองคืนดีกันได้?

“โกรธ……โกรธข้ากับเย่หลีเฉินเหรอ?เพราะอะไรเหรอ?พวกข้าคุยด้วยกันแค่ไม่กี่คำ อีกอย่างเราก็ไม่ได้คุยอะไรกัน!”

หลานเยาเยารู้สึกงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

มีอะไรให้น่าโกรธด้วย จะว่าไปแล้วทำไมเขาถึงต้องโกรธหล่ะ?“เจ้าเรียกชื่อของเสด็จพี่ออกมา ”โหลวเย่วรีบอธิบายถึงประเด็นหลักให้ฟัง

“เรียกชื่อออกมาตรงๆไม่ได้เหรอ?ข้าก็เรียกเจ้าว่าโหลวเย่ว เรียกอ๋องเย่ว่าเย่เจ๋หยิ่งเหมือนกันหนิ่!”

มันเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว!

นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอะไรผิดปรกติ

“มันไม่เหมือนกัน ตอนนี้เจ้าเป็นพระชายาของอ๋องเย่ เป็นภรรยาที่เสด็จอาแต่งงานด้วยอย่างถูกต้อง และยังเป็นสะใภ้อาของเสด็จพี่ด้วย

เจ้ากับเสด็จพี่ต่างเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาตรงๆ มันไม่ถูกต้อง เจ้าจะให้เสด็จอาไม่คิดมากได้ยังไง?ถ้าท่านไม่โกรธสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก!”

อะไรเนี่ยะ!

เรื่องแค่นี้เองนะ!

ทำข้าตกใจหมดเลย นางนึกว่านางทำความลับรั่วไหลต่อหน้าเย่หลีเฉิน จนสร้างความไม่พอใจให้เย่เจ๋หยิ่งเสียอีก

“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ข้ากับเย่เจ๋หยิ่ง

ไม่ได้มีอะไรกัน ดูแล้วเขาน่าจะมีธุระเลยไปทำธุระก่อน ”

เวลานี้

โหลวเย่วมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด พูดอย่างไม่น่าเชื่อว่า

“เยาเยา สิ่งที่เจ้าควรพูดน่าจะคือเจ้ากับเสด็จพี่ไม่ดีมีอะไรกัน?ทำไมถึงบอกว่าเจ้ากับเสด็จอาไม่ได้มีอะไรกัน?หรือว่าเจ้ากับเสด็จอา……”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ

โหลวเย่วรีบดึงมือของนางมา ถลกแขนเสื้อขึ้นไปข้างบน เป็นไปตามอย่างที่คิดยังมีรอยแดงกลมๆอยู่บนแขนนาง ทำให้โหลวเย่วตกตลึงไม่น้อย

“เจ้า……พวกเจ้ายังไม่ได้เข้าหอเหรอ?”

เมื่อเผชิญกับสีหน้าที่ตกตลึงของโหลวเย่ว ในทางกลับกันหลานเยาเยากลับใจเย็นเหมือนไม่มีอะไร นางดึงมือของโหลวเย่วออก จากนั้นก็ทำการจัดแขนเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อย

“มันน่าแปลกตรงไหน เย่เจ๋หยิ่งแต่งงานกับหลานเยาเยาเพียงเพื่อต้องการไม่ให้คนอื่นนินทา หาวิธีแก้ไขปัญหาเท่านั้นเอง!”

อีกอย่างหนึ่ง พวกเขาก็แค่……ร่วมมือกัน

ใช่ ร่วมมือกัน

นางเป็นพระชายาของเขามาสามปี เขาจะให้เงินนางก้อนหนึ่ง แล้วปล่อยนางให้เป็นอิสระ

ถ้านิ่ไม่ใช่การร่วมมือกันแล้วมันคืออะไร?

เขายังรับปากว่อีกว่าจะรักษาความบริสุทธิ์ของนางไว้ ถ้าสัญลักษณ์ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวบนแขนนางหายไป จึงจะเป็นเรื่องแปลก

“แต่เสด็จอาดีกับเจ้ามาก!”โหลวเย่วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“ก็ถือว่าพอใช้ได้อยู่!”

อยู่ที่นี่ นอกจากตาเฒ่าเย่นที่ดีต่อนางแล้ว เหมือนว่ามีเขาอีกคนที่ไม่ปฏิบัตรุนแรงไม่ดีต่อนาง

“เจ้าไม่เคยชอบเสด็จอาเลยแม้แต่น้อยเหรอ?เสด็จอากำทหารไว้ในมือมากมาย แม้แต่เสด็จพ่อยังต้องให้ความเคารพ อีกทั้งเสด็จอาหน้าตาสง่างามดังเทพ

ที่ผ่านมา มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนที่ต้องพลาดชีวิตแต่งงานตลอดชีวิตเพียงเพราะเสด็จอาเป็นต้นเหตุ แต่ถึงกระนั้นเสด็จอาก็ยังไม่เคยหันมาเลี้ยวแลพวกนาง ยิ่งไปกว่างห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เขาเกินภายในสามเก้าด้วยซ้ำไป

เจ้าถื่อว่าพิเศษกว่าใคร อีกอย่างข้ายังไม่เคยเห็นเสด็จอาใส่ใจผู้หญิงคนไหนเท่ากับเจ้ามาก่อน”