ตอนที่ 132 บทที่ 7 ตอนที่ 16

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่7 ตอนที่16

ขณะที่พระอาทิตย์ตกดินความมืดเริ่มเข้าปกคลุมเมืองอาร์คาซัม ทุกคนต่างก็รีบกลับบ้านหลังจากทำงานหนักทั้งวัน

 

ผู้คนมากมายต่างรีบกลับบ้าน ท่ามกลางฝูงชนมากมาย เห็นลิซ่ากับคามิลล่า

 

ทั้งสองเดินต่อไปยังจุดหมายปลายทางผ่านถนนเส้นทางคดเคี้ยวมากมาย

 

ในที่สุดเธอก็มาหยุดอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง

 

แผงลอยริมถนนที่เต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดจากทั่วทุกมุมโลก เป็นร้านดูดวงที่ดำเนินการโดยตาแก่ซอนเน่

 

เป็นย่านการค้าที่มีคนสัญจรไปมาจำนวนมาก ด้วยเหตุผลบางประการแถวนี้กลับไม่มีใครอยู่เลย

 

 

 

「คิดจะไปจริงๆงั้นเหรอ?」

 

 

 

「…………」

 

 

 

ลิซ่ากลืนน้ำลายกับคำถามยืนยันของคามิลล่า

 

หลังจากโนโซมุตื่นขึ้น ลิซ่าก็ไม่เคยเข้าไปคุยกับเขาเลย ส่วนหนึ่งเพราะโนโซมุนั้นยุ่งมาก และลิซ่าเองก็กังวลที่จะพบกับโนโซมุด้วย

 

วันที่โนโซมุตื่นขึ้นมา ลิซ่าก็สัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างไอริสดิน่ากับโนโซมุได้อย่างชัดเจน

 

ลิซ่ากัดริมฝีปากแน่นเพื่อระงับความกังวล มองไปที่แผงลอยของซอนเน่

 

ตามคำบอกเล่าของคามิลล่า ชายแก่นี่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่ดูเหมือนจะรู้ลึกเกี่ยวกับโนโซมุมากด้วย

 

 

 

「ฉันเข้าใจว่าเธออยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับโนโซมุ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้ามาคุยเรื่องนี้กันก่อน ดูเหมือนว่าถ้าไม่มีโอกาสทีจะต้องรอยันสัปดาห์หน้าเลยนะ?」

 

 

 

ดังที่คามิลล่าบอก อาจารย์นอร์นบอกว่าแม้ว่าจะรออยู่แบบนี้ ก็ยังพอมีโอกาสได้คุยกับโนโซมุ

 

พูดตามตรงเธอไม่จำเป็นต้องมาหาซอนเน่

 

อย่างไรก็ตามลิซ่าเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ลิซ่าทนไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใดเธอมีเรื่องที่อยากจะยืนยันให้แน่ชัด

 

 

 

「ทำไมถึงไม่ยอมบอกสักที!」

 

 

 

ในขณะนั้นเองเสียงตะโกนอันน่าสะพรึงกลัวดังก้องอยู่ในหูของลิซ่าและคามิลล่า

 

ลิซ่าและคามิลล่าอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเข้าไปในแผงลอย

 

เมื่อทั้งสองเดินไปยังที่โล่งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็เห็นหญิงสาวผมสีเงินเดินเข้ามาใกล้ชายชราผมสีขาว

 

 

 

「ทำไมกันเล่า ! ก็บอกเองว่าห้ามแตะไม่ใช่รึไง!」

 

 

 

ซอนเน่ไม่ตอบคำถามใดๆของหญิงสาว หลับตากอดอกสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น

 

เห็นซอนเน่ที่ไร้ซึ่งการตอบสนอง ใบหน้าของเธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตร ลิซ่าและคามิลล่าก็ซ่อนตัว

 

 

 

「ใครน่ะ?」

 

 

 

「ดูเหมือนว่าจะกำลังมีปัญหาอยู่นะ……」

 

 

 

ก็ไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครกำลังทำอะไรอยู่ แต่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่ธรรมดา

 

ลิซ่าและคามิลล่ากลั้นหายใจต่ออย่างเงียบๆซอนเน่ซึ่งนิ่งเงียบอยู่ก็เงยหน้าขึ้น

 

 

 

「อาเซล ข้าจะบอกเจ้าก็ได้แต่ว่าเจ้าห้ามแตะต้องเขาเด็ดขาด……」

 

 

 

น้ำเสียงนั้นดูสง่างามและหนักแน่นทำให้ยากจะเชื่อว่าเป็นชายชราคนเดียวกันที่โหยหาแต่เรื่องลามก แค่คำพูดเพียงเล็กน้อยก็ปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมา

 

 

 

「จะบ้าเหรอไงฮะตาแก่ หากปล่อยหมอนั่นไว้เพียงลำพัง เกิดพลาดท่าแม้แต่คราวเดียวแผ่นดินทั้งหมดจะไม่เหลือเลยนะ!?」

 

 

 

คำพูดของซอนเน่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคำเตือน แต่กับเด็กสาวผมเงินที่ชื่ออาเซลพูดด้วยน้ำเสียงหยาบๆราวกับปฏิเสธคำพูดของซอนเน่

 

 

 

「ไม่ใช่แค่นั้นน่ะ…..ถ้ายัยนั่นฟื้นขึ้นมาละก็อาจจะเผยคมเขี้ยวใส่เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์อีกครั้งเป็นแน่!」

 

 

 

เพื่อนร่วมเผ่า หันคมเขี้ยว มีแต่คำศัพท์ที่ไม่เข้าใจ

 

เมื่อลิซ่าได้ยินแบบนั้น ก็นึกได้แต่คงหมายถึงตัวโนโซมุแน่

 

 

 

「ถึงแบบนั้นตอนนี้ก็ยังมีสัญญาณที่ดีอยู่ ความมืดในดินแดนแห่งนี้จะถูกขจัดออกไปได้ หากไม่มีเรื่องนี้ข้าก็คงทำใจผนึกไปนานแล้ว

 

 นอกจากนี้พวกเราเองก็ยังไม่พร้อมจะมีส่วนร่วมแบบเปิดเผยเจ้าเข้าใจดีนี่……」

 

 

 

「พูดบ้าอะไร ยัยนั่นมันเป็นศัตรูนะ !? นอกจากนี้ ตั้งแต่ที่ยัยนั่นหลุดออกจากผนึกไป เส้นเลือดมังกรก็ไม่เสถียรขึ้นเรื่อยๆถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป……」

 

 

 

คำว่าเด็กชายที่ซ่อนเน่พูดนั่นก็คือคำที่เขาใช้พูดกับโนโซมุในตอนแรก ที่เจอกับลิซ่า

 

แต่ยิ่งกว่านั้นคำพูดของอาเซลมันติดอยู่ในหัว

 

สิ่งมีชีวิตที่หลุดพ้นจากผนึก คือศัตรูของพวกเขา และโนโซมุก็มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ลิซ่าเดาว่าเป็นแบบนั้น

 

 

 

“一โนโซมุในร่างกายมีอะไรอยู่กันแน่?”

 

 

 

ลิซ่าโน้มตัวไปข้างหน้าจากนั้นศอกเธอก็ดันไปที่รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ใกล้ม่าน

 

 

 

「อาาา!」

 

 

 

รูปปั้นแตกพร้อมกับเสียงดังก้อง

 

เมื่อได้ยินเสียงนั้นอาเซลที่เข้าใกล้ซอนเน่ก็หันกลับมา

 

 

 

「ใครน่ะ!? เข้ามาที่นี่ได้ยังไงน่าจะกางเขตแดนเอาไว้แล้ว……」

 

 

 

「อะ..เอ่อ…ขอโทษดูเหมือนว่ากำลังยุ่งกันสินะ……」

 

 

 

「หะ!?」

 

 

 

อาเซลตกใจยกมือขวาขึ้นโดยสัญชาติญาณ

 

กระสุนแห่งแสงปรากฏขึ้นทางด้านขวาและเมื่อพลังเวทย์ถูกอัดแน่น ลิซ่ากับคามิลล่าเตรียมรับมือในทันที

 

 

 

「อาเซล หยุดได้แล้ว」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม อาเซลก็ไม่คิดจะหยุด ซอนเน่จึงดีดนิ้วลบกระสุนเวทย์ของอาเซลทิ้ง

 

 

 

「ตาแก่!」

 

 

 

「ข้อสรุปยังคงเหมือนเดิม เพราะงั้นข้าจะขอสั่งเจ้าอีกครั้งอย่าได้แตะต้องเขาเป็นอันขาด」

 

 

 

เมื่อหันไปหาซอนเน่ อาเซลก็ขึ้นเสียงใส่ แต่ซอนเน่ก็ตอบกลับอย่างไม่แยแส

 

อาเซลเบือนหน้าหนี กัดฟันด้วยสีหน้าหงุดหงิด และออกจากร้านไป

 

หลังจากที่เธอออกไปแล้ว ซอนเน่ก็ถอนหายใจและมองพวกลิซ่า

 

 

 

「ต้องขออภัยด้วยนะเหล่าสาวน้อย พอดีว่าอยู่ในช่วงเนื้อหอม ไว้เดี๋ยวค่อยคุยดีๆกับเธอคนนั้นทีหลัง」

 

 

 

「…………」

 

 

 

ลิซ่าและคามิลล่ายังคงเงียบขณะจ้องมองซอนเน่

 

 

 

「เอาล่ะ ไม่ต้องห่วงข้ารู้ว่าแม่นั่นทำอะไรอยู่ที่ไหน เอาล่ะเชิญนั่ง」

 

 

 

ตามคำพูดของซอนเน่ ลิซ่าจึงนั่งลงข้างหน้าซอนเน่

 

ดูเหมือนว่าคามิลล่าจะระวังซอนเน่ ขณะเธอยืนอยู่ข้างหลังจ้องมองอย่างเข้มงวด

 

 

 

「ดังนั้น เหตุผลที่พาเหล่าสาวน้อยมาที่นี่ ก็คงจะเกี่ยวกับพ่อหนุ่มคนนั้นสินะ?」

 

 

 

「……」

 

 

 

「ลิซ่า……」

 

 

 

คามิลล่ามองแผ่นหลังของลิซ่า

 

นั่นอาจเป็นสิ่งที่เธออยากจะถามมากที่สุด “ขอฉันถามความลับของโนโซมุจะได้ไหม”

 

คามิลล่าคิดว่าความลับที่โนโซมุเก็บเอาไว้มันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่มาก

 

นั่นเป็นเหตุผลถ้าเธออยากจะเผชิญหน้ากับโนโซมุจริงๆ เธอจะต้องยอมรับทุกอย่างเกี่ยวกับเขา

 

แม้ว่าลิซ่าจะโดนกดดันแต่เธอก็ยังคงพูดอะไรไม่ค่อยออก

 

แต่ว่าไม่มีเวลามาลังเลแล้ว

 

 

 

「คุณปู่ ไม่ทราบว่ารู้เรื่องเกี่ยวกับโนโซมุดีใช่ไหมคะ……」

 

 

 

「……อืมข้ารู้ดีเลยล่ะ ที่มาของพลังนั้นและพลังของเจ้าตัว ยิ่งกว่าเด็กเหลือขอเสียอีก」

 

 

 

คำถามของลิซ่าเพื่อยืนยัน ซอนเน่ยังคงเล่นบุหรี่ในมือและตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับคุยเรื่องปกติ

 

อย่างไรก็ตามคามิลล่าและลิซ่านั้นเครียดมากขึ้นเพราะคำตอบไม่คาดคิด

 

 

 

「คุณปู่ เป็นศัตรูของโนโซมุงั้นเหรอ?」

 

 

 

「จะว่ายังไงดีล่ะเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าหนุ่มนั่นเป็นคนตัดสินใจ」

 

 

 

ขณะลิซ่าถามคำถาม ดวงตาของเธอก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นและความกลัวก็เริ่มกัดกินร่างกาย

 

ความเครียดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและเหงื่อเม็ดใหญ่ก็ก่อตัวบนหน้าผาก

 

ตาแก่ที่ตอบกำกวมว่าเป็นได้ทั้งมิตรหรือศัตรู ความสามารถของเขาต้องไม่ธรรมดามาก

 

แม้จะอยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้แต่ลิซ่าก็ไม่ลังเล

 

 

 

「นั่นหมายถึงอาจารย์จิฮัดด้วยเหรอคะ?」

 

 

 

「สำหรับเจ้านั่นน่ะเหรอ เจ้านั่นอยู่ฝั่งพ่อหนุ่มนั่นเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ขึ้นกับสถานการณ์

 

 ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหนก็ไม่มีเส้นทางสบายๆให้เดินผ่านได้ชิวๆกันหรอกนะ ตอนนี้ยังคงดีอยู่ แต่ว่าตัวพ่อหนุ่มนั่นก็โดดเด่นเกินไปในหลายๆด้าน」

 

 

 

แม้ว่าตอนนี้สิ่งต่างๆจะสงบลงแล้ว สุดท้ายก็จะถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดกระหน่ำในที่สุด

 

ซอนเน่ไม่ได้โกหกเกี่ยวกับเรื่องนี้และระบุตำแหน่งของโนโซมุอย่างชัดเจน

 

 

 

「……เป็นงั้นเหรอคะ」

 

 

 

「………」

 

 

 

ทั้งสองยังคงเงียบท่ามกลางเมืองอันเงียบสงบ มีเพียงควันบุหรี่ที่ลอยขึ้นไป

 

ในที่สุดลิซ่าก็หายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์

 

เมื่อเห็นท่าทางราวกับตัดสินใจได้แล้ว ทั้งซอนเน่และคามิลล่าก็เตรียมใจที่จะค้นพบความลับของโนโซมุ

 

 

 

「อืมจริงสิ พอมาดูแล้วที่นี่ก็ร้านดูดวงนี่?」

 

 

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลิซ่าพูดดันไม่ใช่ที่ทั้งสองคาดหวัง

 

เมื่อจู่ๆลิซ่ายืนยันว่าซอนเน่เป็นหมอดู ทั้งซอนเน่และคามิลล่าก็เหมือนกับนกพิราบโดยสอย

 

 

 

「หะ ? เอ่ออืมใช่แล้ว……」

 

 

 

ขณะที่ซอนเน่กำลังเตรียมใจและคิดว่าในที่สุดก็ถึงเวลา ดันแสดงคำตอบโง่ๆออกมาซะงั้น

 

 

 

「ถ้าอย่างงั้นช่วยบอกฉันเรื่องหนึ่งได้ไหมคะ?」

 

 

 

「……เหหหหห?」

 

 

 

「เดี๋ยวก่อนลิซ่า! เอาจริง!?」

 

 

 

คามิลล่าและซอนเน่ต่างแสดงสีหน้าซับซ้อน

 

ทิ้งให้ทั้งสองสับสนอยู่ข้างหลัง ลิซ่าเริ่มพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการทำนายอนาคตของเธอ

 

ในขณะที่บรรยากาศอบอุ่นเล็กน้อย ลิซ่าเป็นคนเดียวที่จริงจังกับผลทำนายดวงชะตาครั้งนี้

 

————————-

 

ซอนเน่ถอนหายใจออกเล็กน้อยขณะมองคามิลล่าและลิซ่าจากไปยามค่ำคืน

 

 

 

「สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าถามอะไรข้าเลยสินะ……」

 

 

 

สุดท้ายแล้วลิซ่าก็ไม่กล้าถามเรื่องความลับของโนโซมุ

 

ทำได้แต่ดูดวงแบบง่ายๆและพูดคุยกันนิดหน่อย

 

ซอนเน่กำลังครุ่นคิดเรื่องต่างๆ ยังคงหลงทางตั้งแต่ต้นจนจบ

 

อยากจะรู้เรื่องของเจ้าหนุ่มนั่นจริงๆเหรอ? ซอนเน่แอบตั้งคำถามแบบนั้น แต่ลิซ่าก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆใส่

 

 

 

“ตอนนี้ ฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้ยินความลับของโนโซมุ ไม่ว่าฉันจะรู้มันหรือไม่ ฉันคิดว่าให้มันควรเริ่มหลังจากที่ฉันกล้าเผชิญหน้ากับเขาด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ”

 

 

 

ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังบอกอีกว่า “ฉันยังทิ้งห่างกับไอริสและคนอื่นๆอีกมากเลย”

 

ตอนนี้เธอไม่ได้ยินความลับอะไร แต่สถานการณ์รอบตัวเป็นยังไง เธอก็คงอยากจะรู้

 

นั่นคือคำตอบของลิซ่า

 

บางทีก่อนที่จะเผชิญหน้ากับโนโซมุ เธอต้องการยืนยันตำแหน่งของตัวเองอีกครั้ง

 

ซอนเน่มองดูแผ่นหลังของลิซ่าที่จากไป

 

เมื่อเห็นมันครั้งแรก มันอ่อนแอมากจนขนาดที่ผลักก็ล้มลง แต่ตอนนี้กลับดูเข้มแข็งอย่างน่าประหลาด

 

 

 

「ว้าวุ่นกันเลยทีนี้แค่เรื่องที่เจ้าหนุ่มปลอดภัยก็ทำให้คนรอบข้างเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงขนาดนี้สุดยอดจริงๆ……」

 

 

 

คงจะ……ไม่สิต้องเป็นงั้นแน่ๆ

 

แม้ในความมืดผู้คนก็ยังใช้ไฟดวงน้อยเพื่อออกเดินทาง

 

 

 

「แม้ว่าข้าจะแก่แล้ว แต่ก็รู้สึกอิจฉา」

 

 

 

เจ้าหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่กลายเป็นแสงไฟให้เพื่อนร่วมทางเดินข้ามผ่านค่ำคืนที่มืดมิด

 

 

 

「ถึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม แต่ถึงเวลาจริงก็ต้องตัดสินใจ……」

 

 

 

มันคงจะถึงเวลาแล้วที่ความสามารถของเจ้าหนุ่มจะตื่นขึ้นและเทียแมตก็น่าจะเริ่มกังวล

 

ข้อกังวลประการหนึ่งถูกจัดการไปแล้วตอนนี้จึงเหลือเพียงสิ่งเดียว

 

หากสามารถแก้ไขได้ก็ถึงเวลา……。

 

 

 

「สำหรับตออนนี้ข้าลองชักชวนหลานชายจอมขี้เกียจกันหน่อยดีกว่า」

 

 

 

สำหรับตอนนี้ซอนเน่ยืนยันอีกครั้งว่าต้องทำอะไร เขาพลิกส้นเท้าและเริ่มเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม

 

รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏอยู่บนริมฝีปากเขา

————————-

เด็กผู้หญิงผมสีเงินยืนอยู่คนเดียวบนขอบด้านนอกของอาร์คาซัมที่ซึงท้องฟ้าเป็นประกายไปด้วยดาว

 

มันเป็นภาพอันน่าทึ่งผสมผสานระหว่างบรรยากาศยามค่ำคืนที่หนาวเย็นและแสงของดวงดาว แต่จากด้านของหญิงสาวนั้นมันมีด้านที่เข้ากับบรรยากาศของวิชาดาบที่ยากจะเข้าถึง

 

ฝ่ามือของอาเซลกำแน่น และริมฝีปากที่ถูกกัดอย่างแรงจนเลือดออก

 

ขณะที่มองดูอาร์คาซัมส่องสว่างด้วยแสงดาว เธอนึกถึงบทสนทนากับปู่ของเธอ

 

 

 

「อึก!」

 

 

 

อาเซลจ้องมองทิวทัศน์ของเมืองที่แผ่ออกไปตรงหน้าเขาทำให้รูปลักษณ์ของเธอดูบิดเบี้ยวซึ่งทำให้เชื่อได้ยากว่าจะเป็นมนุษย์

 

 

 

「จะปล่อยไอ้มังกรเวรนั่นทิ้งไว้ตามลำพังเนี่ยนะไม่วันหรอก……」

 

 

 

สิ่งที่อยู่ในใจเธอคือมังกรที่เคยกลืนกินทวีปนี้ด้วยเปลวเพลิง สิ่งมีชีวิตที่เข่นฆ่าเผ่าเดียวกันเท่าที่เคยมีมา

 

ปู่บอกว่าอย่าเข้าไปยุ่งกับมัน แต่ไม่มีทางที่จะเพิกเฉยกับเรื่องแบบนี้ได้

 

 

 

「ถ้าพวกตาแก่ไม่คิดจะทำอะไร งั้นฉันจะเป็นคนลงมือเอง」

 

 

 

ด้วยความมุ่งมั่นครั้งใหม่ เธอหยิบบางสิ่งออกจากกระเป๋าของเธอ

 

สิ่งที่ดึงออกมาคือคริสตัลขนาดเท่ากำปั้น อาเซลมองดูคริสตัลและยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

คริลตัสที่มีไอจางๆปกคลุมปล่อยแสงอันอบอุ่น และหากมองดูใกล้ๆจะเห็นเครื่องประดับฝังอยู่ด้านใน

 

ทันทีที่อาเซลเห็นคริสตัลนั่น แก้มก็เริ่มผ่อนคลายลง

 

สีหน้าของเธอแตกต่างไปจากที่เคยมี เธอกำคริสตัลแน่นราวกับอธิษฐาน

 

 

 

「ท่านพ่อโปรดวางใจเถิด จะทำให้สำเร็จอย่างแน่นอน」

 

 

 

อาเซลเก็บมันใส่กระเป๋าพลิกส้นเท้าแล้วจากไป

 

เธอทิ้งรอยกรงเล็บเอาไว้บนฝ่ามือของตัวเอง

——————————

 

ห้องหนึ่งในคฤหาสน์ที่สร้างขึ้นตรงมุมหนึ่งของเขตการปกครอง แสงเทียนและเตาผิงในห้องทีมีแสงสลัวทำให้ร่างสองร่างสว่างขึ้น

 

คนหนึ่งเป็นผู้หญิงดูน่าหลงใหลใส่ชุดไว้ทุกข์ ขณะที่อีกร่างกำลังคุกเข่าตรงหน้า

 

 

 

「แล้วผลการสำรวจเป็นยังไงบ้าง?」

 

 

 

เมื่อเม็กเลียเร่งเร้าให้ลูกน้องรายงานผลการตรวจสอบ

 

 

 

「เอ่อ คือนี่……」

 

 

 

เม็กเลียมองดูเอกสารที่ถูกส่งมาให้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบห่อรายงาน จุดเทียน โยนมันเข้าเตาผิง

 

 

 

「……เรื่องนี้เกี่ยวกับสิ่งนั้นรึเปล่า? แค่ให้ไปสังเกตการณ์รอบๆแค่นี้ยังทำไม่ได้งั้นเหรอ น่าผิดหวังจริงๆ」

 

 

 

เม็กเลียมองดูลูกน้องด้วยสายตาผิดหวัง

 

สิ่งที่เขียนไว้ในเอกสารก็คือเนื้อหาการต่อสู้จำลองและผลการแข่งขันที่ผ่านมา รายละเอียดและการมาที่อัลคาร์ซัมไม่ได้สลักสำคัญอะไร

 

แท้จริงแล้วลูกน้องฉันก็เหลือเพียงคนเดียวคือชายตรงหน้าที่ก้มศีรษะอยู่ เป็นเรื่องจริงที่มีมือไม่มากพอให้ใช้งาน แต่ว่าน่าจะลงมือตรวจสอบเพิ่มอีกสักหน่อย

 

เมื่อโดนเม็กเลียจ้องมอง ลูกน้องก็ตื่นตระหนกและยืนเอกสารอีกชุดมา

 

 

 

「เอ่อ ขอโทษด้วยครับ ! แต่ยังมีสิ่งอื่น……」

 

 

 

เม็กเลียหรี่ตาลงมองเอกสารที่ส่งมาอีกครั้ง

 

สิ่งที่เขียนคืออุบัติเหตุเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์เวทย์ที่ควบคุมไม่ได้ของตระกูลฟรานซิส

 

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคฤหาสน์ถูกล้อมไปด้วยแผงกั้นและพบว่าคนใช้หมดสติ

 

ไม่มีผู้เสียชีวิตและไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่นักเรียนที่เป็นปัญหาก็อยู่ในคฤหาสน์ด้วย

 

จากการตรวจสอบเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าครอบครัวฟรานซิสติดต่อกับกองกำลังอาณาจักรอื่นแบบลับๆ

 

และอาจเป็นไปได้ว่าการติดต่อนั้นจะเกี่ยวข้องกับจักรวรรดิดิซาร์ด ซึ่งความสัมพันธ์ทางการภูตยังไม่มีขึ้น

 

 

 

「เข้าใจล่ะดูเหมือนจะเป็นข้อมูลที่ดีจริงๆ อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำให้วิคเตอร์และพรรคพวกจนมุมด้วยข้อมูลแบบนี้」

 

 

 

「หมายความว่ายังไงครับ?」

 

 

 

เธอกำลังงวางแผนทำเรื่องเลวร้ายและอดไม่ได้ที่จะคิดว่าจะใช้งานมันอย่างไร มันอาจจะทำให้อันดับของตระกูลฟรานซิสตกฮวบเลยก็ได้

 

อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของเม็กเลียนั้นไม่สู้ดี

 

ต่อหน้าลูกน้องที่ไม่เข้าใจความหมาย เม็กเลียลุกขึ้นจากที่นั่งเงียบๆหยิบกระดาษเท่าฝ่ามือออกมาจากตู้และให้ลูกน้อง

 

 

 

「วันก่อนฉันได้เอกสารแบบนี้มาจากประเทศบ้านเกิด」

 

 

 

กระดาษแผ่นเล็กๆที่อาจถูกส่งโดยนกพิราบขนส่ง

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขียนไว้บนกระดาษไม่ใช่สิ่งที่จะทำใจเชื่อได้

 

 

 

「นั่นมัน……」

 

 

 

「นี่อาจจะดูน่าแปลกใจ แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ในอนาคตและการรุกรานครั้งใหญ่ อดไม่ได้ต้องเข้าใจเหตุผลในการรักษาอำนาจทางการทหารไว้มากที่สุด ยิ่งกว่านั้น ในเมื่อ “ฝ่าบาท”ทรงทราบแล้ว หากเราวิพากษ์วิจารณ์วิคเตอร์ในตอนนี้ ก็มีแนวโน้มที่จะตีเข้าฝั่งเราเอง」

 

 

 

ลูกน้องต่างเงียบกับคำพูดของเม็กเลีย

 

สิ่งที่เขียนไว้คือการสานสัมพันธ์ทางการฑูตของฟอร์ซิน่ากับดิซาร์ต ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการเจรจาแบบลับๆ

 

แม้ว่าเนื้อหาในการเจรจาจะไม่ได้เขียนไว้ก็ตาม แต่หากเนื้อความนี่คือความจริง ก็แสดงว่าพระองค์ทรงเห็นชอบต่อการกระทำของตระกูลฟรานซิส การคัดค้านถือเป็นการขัดคำสั่ง

 

 

 

「ดำเนินการสอบสวนพวกเขาต่อไป อย่าตีข่าวใส่ไข่ให้มากนัก……」

 

 

 

「ครับ」

 

 

 

เม็กเลียเร่งให้ลูกน้องออกไป

 

 

 

 

 

「อีกไม่นานก็คงถึงขีดจำกัด อย่างไรก็ตามควรจะทำยังไงกับข้อมูลนี้ดี」

 

 

 

ปัจจุบัน จักรวรรดิดิซาร์ตไม่มีปฏิสัมพันธ์กับประเทศอื่นนอกจากเหตุผลการก่อตั้งประเทศและอำนาจทางการทหารอันมหาศาล ประเทศอื่นๆจึงกลัวความขัดแย้ง

 

เม็กเลียเพ่งความสนใจไปที่จดหมายอีกครั้ง

 

ครอบครัวฟรานซิสและฝ่าบาทพยายามสร้างความสัมพันธ์ทางการฑูตอย่างลับๆ

 

ยังไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินในรูปแบบใด แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลของการเจรจา การรีบร้อนเกินไปก็จะทำให้ประชาชนแตกตื่น

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการเจรจารอบนี้น่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนขนาดเล็ก หากจะทำการใหญ่ต้องใช้เวลาหลายปี

 

อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดึขึ้นเล็กน้อย

 

 

 

「ไม่ใช่เรื่องที่แย่ แต่ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะน่าสนใจสำหรับตระกูลฟาบรัน」

 

 

 

ตระกูลฟรานซิสและตระกูลฟาบรัน

 

แม้ว่าทั้งสองจะดำรงตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ในฟอร์ซิน่า แต่พวกเขาก็ปะทะกันเองในโลกการเมือง อาจเป็นเพราะความคิดของหัวหน้าตระกูลต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

เอโกลด ฟาบรัน หัวหน้าตระกูลฟาบรันคนปัจจุบันเป็นพวกอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรง และไม่มีทางที่จะพอใจกับการสานการฑูตระหว่างจักรวรรดิดิซาร์ต ซึ่งประกอบด้วยเผ่าพันธุ์นอกรีตแน่นอน

 

เพียงแค่ในเมื่อฝ่าบาทมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงทำอะไรไม่ได้

 

อันที่จริงบริบทในจดหมายของเอโกลดที่ถ่ายทอดข้อเท็จจริงนี้ทำให้รู้ได้ว่าไม่พอใจ

 

 

 

「ไม่มีเหตุผลให้ต้องทิ้งมัน ตอนนี้หาทางใช้มันจะดีกว่า」

 

 

 

ในฐานะ เม็กเลีย เธอไม่คิดจะยอมแพ้

 

การมีส่วนร่วมของเม็กเลียที่มีต่อตระกูลฟาบรันนั้นยอดเยี่ยม การกระทำบางอย่างก็ทำโดยได้รับอนุญาตจากหัวหน้าตระกูล

 

 

 

「เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาแล้วรายละเอียดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจ หากไม่ใช้เบี้ยของตระกูลฟาบรันเอง ก็ควรจะหาจะถามพวกอีกาดำดีกว่า……」

 

 

 

ขณะพึมพำเม็กเลียก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเธอ

 

สิ่งที่ออกมาคืออีกาตาแดง

 

อีกาดำสนิทจะงอยปากเปิดออกราวกับรออาหารโดยมีดวงตาสีแดงกระพริบ

 

 

「ได้ยินไหม?」

 

เม็กเลียพูดช้าๆกับอีกาที่อ้าปากกว้าง เหมือนคุยกับฝ่ายตรงข้าม

 

 

 

หายไปหลายวันไม่ใช่เพราะอะไรเป็นหวัด ไข้ขึ้น กำลังอยู่ช่วงพักฟื้น

สนับสนุนผู้แปลได้ที่

097-005-6950 ภารดร บุญมา พร้อมเพย์/วอลเล็ต