บทที่ 15 เสด็จอาอย่ามาเนียน

บัลลังก์ชายาหมอเทวดา

บทที่ 15 เสด็จอาอย่ามาเนียน

เจ้าไป๋มองนายหญิงของตัวเองด้วยสีหน้ากังวล
“การแก้พิษต้องใช้สมุนไพรที่หายากมาก ตอนนี้ข้ายังไม่ค่อยรู้จักสมุนไพรของที่นี่มากนัก เลยยังไม่สามารถแก้พิษได้ รอให้ข้าเข้าใจก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที เจ้าดูแลโซนให้ดี ข้าเอาเมล็ดสมุนไพรมา เจ้าช่วยปลูกให้ด้วยแล้วกัน”
“ดียิ่ง! หากใช้น้ำในบ่อผดุงจิตรดทุกวัน เมล็ดสมุนไพรพวกนี้จะต้องงอกออกมาอย่างรวดเร็วแน่นอน แถมจะโตเร็วกว่าปลูกด้านนอกด้วยซ้ำ!”
เจ้าไป๋ดีใจ ในฐานะที่เป็นจิตภัณฑ์ เรื่องที่มันชอบที่สุดคือการดูแลโซน
เย่จายซิงยิ้ม การที่โซนดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับนาง
เจ้าไป๋อยู่กับนางมาเป็นสิบปีแล้ว มันเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ เพียงแต่จำหลายๆ เรื่องไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ส่งผลอย่างไรในการดูแลโซนของนาง
“จริงสิ เมื่อครู่นี้ข้าเอาเตากลั่นยามาด้วย วันหน้าเจ้าสามารถใช้มันกลั่นยาได้แล้ว”
เมื่อกล่าวถึงเตาหงส์เสวียนม่วง เจ้าไป๋ก็กระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“นายหญิง เตากลั่นยาอันนี้เป็นเตากลั่นยาชั้นดีมาก ด้านในมีชี่หมู่ปฐพีอยู่มากด้วย ทำให้ยาที่กลั่นออกมาจะมีคุณภาพดีตามไปด้วย!”
“ชี่หมู่ปฐพี?”
“ใช่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่านายหญิงเพิ่งจะมาถึงที่นี่แต่กลับได้ของดีขนาดนี้แล้ว”
นางประหลาดใจเล็กน้อย หากกล่าวเช่นนี้แสดงว่าคุณภาพของเตานี้จะต้องดีมาก คงจะไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปแน่นอน
การที่นางนำเตาที่หาได้ยากยิ่งแบบนี้มา ดูแล้วจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก เพราะมูลค่าของมันไม่สามารถวัดออกมาเป็นตัวเงินได้
นี่ทำให้นางรู้สึกเกรงใจ เพราะนางไม่สนิทกับจวินหยวน แต่กลับเอาของดีขนาดนี้มาจากเขา ดูไม่ค่อยเหมาะสม
“ข้าขอไปบอกจวินหยวนเอาไว้หน่อยดีกว่า”
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เย่จายซิงก็เดินออกไป เมื่อนางเห็นองครกษ์อยู่ที่ระเบียงทางเดิน นางเลยเรียกเขาให้พานางไปหาจวินหยวนที่จวนอ๋อง
ยังดีที่ระยะห่างไม่ไกลนัก เดินไปเพียงระยะเวลาหนึ่งก้านธูปก็ถึงแล้ว
“พระชายา นายท่านอยู่ในนี้ พระชายาเข้าไปได้เลยขอรับ”
เมื่อองครักษ์พานางมาถึง ก็หายตัวไปทันที
“เข้ามา”
นางเตรียมจะเคาะประตู เสียงน่าฟังของจวินหยวนก็ดังลอยออกมาจากด้านใน นางจึงผลักประตูเข้าไปทันที
ใครเลยจะรู้ว่าเมื่อเปิดเข้าไป นางจะพบกับภาพชายรูปร่างสูงใหญ่ใส่เสื้อผ้าเพียงครึ่งท่อน
แม้ว่าเขาจะหันหลังให้นางอยู่ แต่นางก็ได้เห็นไหล่กว้างเอวคอดของเขาอย่างเต็มตา กล้ามเนื้อทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยพละกำลัง รูปร่างของเขาดีมากจนทำให้นางรู้สึกเลือดลมสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง
ไม่นานนักเขาก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เครื่องแต่งกายแบบโบราณบดบังร่างกายของเขาจนมิด ทำให้บดบังเสน่ห์ของมันไป
“น่ามองหรือไม่” จวินหยวนถาม
“น่ามอง” เย่จายซิงพยักหน้าโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ในยุคโบราณ ก็รีบส่ายหน้าทันที “แค่กๆ ข้าไม่ได้ ข้ามองไม่เห็น”
“นั่งลงสิ”
เขาชี้ไปที่เก้าอี้ไม้
เย่จายซิงนั่งลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะอธิบายของวัตถุประสงค์การมาที่นี่ “เสด็จอา ข้าเอาเตาหงส์เสวียนม่วงของท่านไป แต่ดูแล้วมันไม่ใช่ของธรรมดา ข้าจึงอยากมาบอกท่านเอาไว้สักหน่อย หากท่านอยากได้คืน ข้าจะคืนให้ท่าน”
“เดิมทีมันก็เป็นของเจ้า”
ริมฝีปากบางๆ ของเขาขยับ
“อะไรนะ”
สีหน้าของเย่จายซิงเต็มไปด้วยอาการสงสัย เดิมทีก็เป็นของข้าหมายความว่าอย่างไร คำพูดเช่นนี้ฟังดูแปลกยิ่ง
“ของของข้าก็คือของของเจ้า”
จวินหยวนมองนางด้วยสายตาลึกล้ำ
“เอ่อ……”
คิ้วของนางเริ่มขมวด จวินหยวนคงตัดสินใจแล้วว่าจะให้นางเป็นชายาของเขา แต่นางกลับไม่รู้สึกถึงความรักของเขา หากนางดีใจก็คงแปลก
“เช่นนี้แล้ว ข้าขอกลับก่อน”
เมื่อถามไม่ได้คำตอบ เย่จายซิงจึงลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับ
“มานี่”
จวินหยวนจับมือของนางเอาไว้แน่น จากนั้นตัวนางจึงหมุนหนึ่งรอบก่อนจะเข้าไปสู่อ้อมกอดของเขา ไอเย็นๆ จากร่างของเขาห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้ จากนั้นนางยังไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าที่สวมหน้ากากของเขาก็เข้ามาใกล้ใบหน้าของนาง
ดวงตาทั้งสองของนางเบิกกว้าง จากนั้นจึงเอามือปิดปากของเขาเอาไว้
“ท่าน ท่านจะทำอะไร”
ใบหน้าภายใต้หน้ากาก เขาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะกุมมือของนางที่ยื่นออกมาเอาไว้ มือของเขาเพียงข้างเดียวก็สามารถควบคุมมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ได้ เมื่อเห็นนางยื่นขาออกมา เขาจึงบอกว่า “นางไม่เชื่อฟัง” แล้วใช้การฝึกตนควบคุมร่างกายของนางเอาไว้จนนางไม่สามารถขยับตัวได้
เย่จายซิงโกรธมาก ตอนนี้นางหน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนี้ เขายังกล้าเสียมารยาทกับนางอีก!
เขาตาบอดหรืออย่างไร
แต่จะว่าไปแล้ว เหตุการณ์ต่อจากนั้นเขาก็ออกจะอ่อนโยนไม่น้อย ถือว่าได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่เลวเลย แค่กๆๆ
เมื่อเห็นว่าสามารถขยับตัวได้แล้ว นางก็รีบลุกออกมาจากขาของเขา ก่อนจะถอยออกไปหลายก้าวพลางปิดปากของตนที่ตอนนี้เป็นสีแดงเอาไว้แล้วกล่าวว่า “เสด็จอา ท่านไม่ให้เกียรติข้าเกินไปหน่อยแล้ว”
“ชายาในอนาคตของตน ข้าจะไม่ให้เกียรติได้อย่างไร เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเจ้ากับข้ายังไม่ค่อยคุ้นเคยกัน ตอนนี้ถือว่ารู้จักกันแล้วหรือยัง”
เย่จายซิง……
เวรกรรม คำว่าคุ้นเคยไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย
“หากน้องซิงรู้สึกว่ายังไม่ค่อยคุ้นเคยอีก พวกเราสามารถทำความคุ้นเคยให้ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ได้นะ”
“ไม่ต้องแล้ว!”
นางรีบโบกมือ พลางเอามืออีกด้านปิดปากของตัวเองเอาไว้ “ข้ายังไม่ได้ปักปิ่นเลย เสด็จอาจะมามั่วซั่วไม่ได้นะเจ้าคะ”
ริมฝีปากของจวินหยวนหยักยิ้ม แล้วมองนางอย่างสนใจ “น้องซิงจะไปไหน”
เย่จายซิงหมดคำพูด ทั้งๆ ที่รู้ว่าความคิดของเขามีปัญหา
“ข้าไปแล้วเจ้าค่ะ!”
เท้าของนางราวทาน้ำมัน นางวิ่งออกไปเร็วจี๋ ในเมื่อสู้ไม่ได้ หากอยู่ต่อก็มีแต่จะโดนเขารังแก จะให้ทำอย่างไรได้
น่าขยะแขยงชะมัด
จวินหยวนมองตามนางที่ลับตาไปแล้ว ในแววตาของเขาเป็นประกาย จนกระทั่งนางหายตัวไปแล้ว ถึงจะดึงสายตากลับมา
บริเวณตำแหน่งหัวใจของเขาที่แขวนแหวนเอาไว้เริ่มร้อนจี๋ขึ้น ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะเย็นลง
เขาเอามือลูบริมฝีปาก สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ แววตาของเขาเคลือบไปด้วยรอยยิ้ม
“ผ่านมาเจ็ดปีแล้ว ในที่สุดก็หาเจ้าจนเจอ”
……  
นางเดินอย่างรวดเร็วกลับไปที่โรงเตี๊ยม เย่จายซิงเก็บความโกรธอยู่ในใจ คราวหน้านางไม่มีทางไปหาจวินหยวนตามลำพังอีกแล้ว เขาจะได้ไม่มีโอกาสลงมือได้อีก
นางลูบคาง พลางครุ่นคิดถึงความหมายของจวินหยวน นางไม่เชื่อว่าเขาอยากจะให้นางเป็นพระชายาจริงๆ
นางเดินช้าๆ อยู่ในห้องและหันไปเห็นกระจกทองแดงที่วางอยู่ในห้องพอดี จึงเดินเข้าไป
ในกระจกทองแดง ใบหน้าครึ่งซีกของสาวน้อยปรากฏรอยปานแดงอย่างน่าชังผิดปกติ
เย่จายซิงเบิกตากว้างแล้วเอามือไปปิดรอยปานแดงเอาไว้
นี่……นี่ไม่ใช่ตัวนางหรือ
นางชะงัก อวัยวะบนใบหน้าของสาวน้อยเหมือนนางเมื่อชาติก่อนไม่มีผิดเพียน แม้แต่ดวงตารูปผลท้อที่สุกสว่างก็เหมือนนางทุกประการ
ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ในกระจกก็คือนางแค่มีปานแดงเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น สีผิวค่อนข้างไปทางเหลือง
นี่เกิดจากโดนพิษตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ขอเพียงถอนพิษได้ นางก็จะกลายเป็นคนสวย
นางมหัศจรรย์ใจมาก เพราะไม่นึกเลยว่าตนจะข้ามภพกลับมาอยู่ในร่างของสาวน้อยที่มีชื่อแซ่เดียวกับนางแถมยังมีใบหน้าเหมือนกันอีกด้วย
หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตา?
นางลูบใบหน้าของตนที่ค่อนข้างจะสาก และนึกถึงตอนที่จวินหยวนเอามือลูบหน้านางตอนอยู่บนถนน และพูดกับนางว่าในที่สุดก็ตามหานางเจอ
ใบหน้าเช่นนี้ เหตุใดกล้าลงมือทำแบบนั้น
นึกย้อนถึงเมื่อครู่นี้ที่เขาจูบนาง ใกล้ชิดกับนาง เขาตาบอดหรืออย่างไร หน้าตาแบบนี้ทำไมเขายังทำแบบนั้นได้ลง
ไม่ได้ๆ หากเป็นใบหน้าของคนอื่นก็แล้วไป แต่ใบหน้านี้ของนางไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่ยอมขี้เหล่แบบนี้อีกต่อไป ถอนพิษ นางจะต้องพิษให้ได้!