อันหรันมองไปที่ฮั่วเทียนหลันด้วยความประหลาดใจ ท่าแบบนี้ มีแค่น้ำกั้นระหว่างกลางแบบนี้ มันช่าง…
ฮั่วเทียนหลันไม่ต้องการต่อความยาวสาวความยืดกับอันหรันอีกแล้ว เขายันตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะคว้าจับเอวอันหรัน ยกตัวเธอขึ้นมานั่งบนตัวเขา
ตำแหน่งที่นั่งมันช่างเหมาะเจาะ ร่างสองร่างรวมเข้าด้วยกันอย่างพอดี
อันหรันรู้สึกถึงความขมขื่นที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานเธอก็ทนกับความเจ็บนี้ไม่ไหวจึงกรีดร้องออกมา
ทันใดนั้นเอง ฮั่วเทียนหลันจัดการปิดปากของอันหรันเอาไว้ไม่ให้เธอร้องได้อีก
ฮั่วเทียนหลันระบายความโกรธที่มีในวันนี้ลงใส่อันหรันอย่างไม่คิดใส่ใจ เขาช่วงชิงความหอมหวานตามร่างกายเธอไม่ยอมหยุด ส่งอันหรันไปสู่ท้องทะเลแห่งกามารมณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า
ในคราแรกอันหรันพยายามควบคุมร่างกายของเธอไม่ให้จมลงไปใต้น้ำจนเกิดการสำลัก
แต่การกระทำของผู้ชายคนนี้นั้นรุนแรงมากเกินไป ในที่สุดก็กลายเป็นเธอที่นอนหงายอยู่ในอ่างอาบน้ำ และฮั่วเทียนหลันที่กำลังทำหน้าที่อย่างหนักอยู่ด้านหน้าเธอ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน กับเสียงครวญครางของฮั่วเทียนหลัน และร่างกายของอันหรันที่กำลังบีบรัดอย่างรุนแรงและค่อยๆผ่อนคลายลงในที่สุด
ความเหนื่อยล้าที่เริ่มพรั่งพรูออกมาอย่างหาที่สุดไม่ได้ อันหรันในตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะขยับนิ้วเลยด้วยซ้ำ
แต่ในขณะเดียวกันนั้น โทรศัพท์มือถือของฮั่วเทียนหลันที่วางอยู่ด้านนอกก็ดังขึ้น
ฮั่วเทียนหลันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กวาดสายตาไปมองดูร่างที่ดูทรมานของอันหรันเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งอันหรันที่ตอนนี้ไม่ต่างจากตุ๊กตาบาร์บี้ที่ขาดรุ่งริ่งไว้เพียงลำพังในอ่างอาบน้ำ
เขาคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดอตัวอย่างลวกๆ จากนั้นจึงนำมาพันปิดส่วนล่างไว้ แต่เมื่อเขาเดินไปถึงเตียง เบอร์ที่โทรเข้ามาเมื่อกี้ก็วางสายไปเสียแล้ว
ฮั่วเทียนหลันเหลือบมองโทรศัพท์มือถือก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
มู่เหว่ยโทรมาหาเขาเวลานี้มีเรื่องอะไรนะ
ขณะเดียวกันอันหรันที่อยู่ในห้องอาบน้ำในตอนนี้ก็หายใจได้ทั่วท้องสักที เธอพาร่างอันอ่อนแรงจนแทบจะคลานออกมาจากอ่างอาบน้ำอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเช็ดตัวอย่างเร่งรีบ แล้วหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่ฮั่วเทียนหลันโยนทิ้งไว้ขึ้นมาสวมใส่แล้วเดินออกไป
ทันทีที่เธอออกมา โทรศัพท์มือถือของฮั่วเทียนหลันก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขารีบกดรับสายในทันที
“เสี่ยวเหว่ยมีอะไรหรือเปล่า”
ไม่รู้ว่าปลายสายกำลังพูดอะไร ฮั่วเทียนหลันถึงได้หันกลับมามองเธอ สายตาของฮั่วเทียนหลันหยุดที่อันหรันเพียงครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นพูดตอบปลายสายไปว่าเดี๋ยวจะรีบไปแล้วก็กดวางสายทันที
เขารีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรกับอันหรันสักคำ
อันหรันมองตามฮั่วเทียนหลันไม่วางตา ทุกก้าวที่เขาเดินห่างออกไป หัวใจของเธอก็ค่อยๆดิ่งลงทีละนิด จนกระทั่งเขากำลังจะเปิดประตูออกไป แต่แล้วก็หยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ฮั่วเทียนหลันเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้หันหน้ากลับมามอง : “คืนนี้ฉันไม่กลับนะ เธอก็รีบพักผ่อนซะล่ะ! ”
พูดจบฮัวเทียนหลันก็เปิดประตูและเดินออกไปในทันที
เมื่อเห็นท่าทีเร่งรีบปิดประตูของเขา หัวใจของอันหรันก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอยกมือขึ้นมากุมที่หน้าอกด้านซ้าย และคุกเข่าลงกับบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
เสี่ยวเหว่ยที่ว่า มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นมู่เหว่ยที่โทรเข้ามา
เธอถูกฮั่วเทียนหลันทรมานเป็นเวลานานขนาดนี้ แต่กลับไม่เคยได้รับฟังประโยคที่อ่อนโยนจากปากฮั่วเทียนหลันเลยสักครั้ง
แต่มู่เหว่ยเพียงแค่โทรเข้ามา ฮั่วเทียนหลันก็รีบออกไปหาเธอแล้ว
ทั้งยังบอกกับอันหรันว่าจะไม่กลับมาแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยกลับมาอยู่แล้วนี่นา
จริงๆเขาจะไปอย่างเงียบๆก็ยังได้ แต่ทำไมต้องพูดทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคนี้ด้วยล่ะ
อันหรันรู้ดีว่ามู่เหว่ยคือสิ่งที่งดงามที่อยู่ในใจของฮั่วเทียนหลัน
แต่เธอนั้นเป็นได้แค่เศษเม็ดทรายที่ติดอยู่ตามฝ่าเท้าของฮั่วเทียนหลันก็เท่านั้น นอกจากจะคอยทิ่มเท้าแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆอีกเลย
อันหรันรู้สึกเจ็บปวดที่ใจอย่างถึงที่สุด ดวงตาของเธอค่อยๆหรี่ลง จนสุดท้ายก็เป็นลมหมดสติไป
อันหรันสลบไปทั้งคืน จนถึงเวลาสิบโมงของวันรุ่งขึ้นเธอถึงถูกเสียงเคาะประตูเรียกให้รู้สึกตัว
สิ่งแรกที่เธอมองเห็นเมื่อลืมตาขึ้นคือรองเท้าแตะที่วางอยู่ใกล้ใบหน้าของเธอ และลาย Hello Kitty ที่ถูกขยายใหญ่ขึ้นเมื่อมองด้วยระยะใกล้
เธอรู้สึกร่างกายแข็งทื่อ ออกแรงอยู่นานถึงยันตัวลุกขึ้นได้ แต่เนื่องจากเธออยู่ในท่านี้เป็นเวลานานทำให้ขาของเธอรู้สึกรู้สึกปวดและชาจนไม่สามารถขยับได้
เป็นหัวเสี่ยวน่าที่ตะโกนเรียกอยู่ด้านนอกห้อง พี่สะใภ้สองไม่ได้ลงมาทานข้าวเช้านั้นหัวเสี่ยวน่าพอจะเข้าใจ เพราะเมื่อคืนเธอได้ยินเสียงร้องครวญคราง จึงพอเดาได้ว่าเมื่อเช้าคงจะลุกไม่ไหว
แต่เมื่อเธอพบว่ารถของพี่ชายรองไม่ได้จอดอยู่ที่บ้าน เธอจึงรู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย
เพราะโดยปกติแล้วหลังจากที่พี่รองตื่น พี่สะใภ้สองก็จะลงมาพร้อมกับเขาด้วย ดังนั้นเธอจึงรอจนถึงเวลาสิบโมง แต่ก็ยังไม่มีใครเดินลงมา และแม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เธอคิดว่าอันหรันหลับไปนานพอสมควรแล้ว จึงได้เดินมาเคาะประตูเรียก
อันหรันได้ยินที่หัวเสี่ยวน่าถามเธอว่าเป็นหรือเปล่า สายขนาดนี้แล้วยังไม่ลุกสักที เธอกระแอมในลำคอเล็กน้อย แล้วจึงตอบกลับไป “นานา ฉันหลับเพลินไปหน่อย เธอลงไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวสักพักฉันตามลงไป!”
หลังจากหัวเสี่ยวน่าเดินจากไป อันหรันนั่งจนรู้สึกว่าขาของเธอเริ่มมีแรง แล้วถึงค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งบนลงเตียง
เธอดึงเสื้อคลุมอาบน้ำออก ชำเลืองมองไปที่หัวเข่าที่ตอนนี้กลายเป็นสีม่วงคล้ำแล้วก็เกิดความตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าหากหัวเสี่ยวน่าไม่เดินมาเคาะประตูเรียก อันหรันคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเธออยู่ในท่านั้นต่อไปจนฟื้นเองล่ะก็ ขาของเธอยังจะใช้งานได้อีกไหม
หลังจากที่อันหรันอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปมาอยู่ในห้องสักพัก พลางเหลือบมองไปที่กระจก เธอทำอยู่อย่างนั้นจนคิดว่าท่าทางการเดินของเธอเริ่มกลับมาปกติแล้วถึงเดินลงไปชั้นล่าง
ทันทีที่ลงไปถึงชั้นล่าง เธอก็มองเห็นโทรศัพท์มือถือของตัวเองวางอยู่บนโต๊ะชา และถัดมาคือฮัวเส้าซู่ที่นั่งไขว้ขาอยู่ข้างๆ เขาหยิบองุ่นเข้าไปในปากอย่างไม่สนใจใคร
“อ้าว พี่สะใภ้ ตื่นแล้วเหรอ!” ฮัวเส้าซู่รีบเอ่ยทักทายขึ้นหลังจากที่มองเห็นอันหรัน จากนั้นชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะชา ก่อนจะพูดขึ้น : “ผมเอาโทรศัพท์มือถือมาคืนให้แล้ว”
หลี่รูยาที่ตอนนี้กำลังศึกษาผลงานการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอยู่ เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮัวเส้าซู่เอ่ยขึ้น เธอก็เงยหน้าขึ้นจากกองกระดาษทันที พร้อมกับขมวดคิ้วถาม “ทำไมโทรศัพท์มือถือของพี่สะใภ้ถึงไปอยู่กับแกได้ล่ะ เมื่อคืนไปไหนกันมาเหรอ”
ฮัวเส้าซู่สะดุ้งเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เกิดความคิดที่อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด
แกนี่มันโง่เสียจริง ทำไมถึงได้พูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าคุณแม่นะ
เขาที่พูดเก่งมาตลอด ในตอนนี้กลับอ้ำๆอึ้งๆ ไม่รู้ควรจะพูดยังไงดี
ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ หลี่รูยาก็ยิ่งเกิดความสงสัย เจ้าเด็กคนนี้เมื่อคืนคงออกไปเถลไถลอีกแล้วเป็นแน่
อันหรันเห็นท่าไม่ดีจึงเดินมาที่หน้าโซฟา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา : “คุณแม่คะ เมื่อคืนหนูไม่ทันระวังทำมือถือหล่น ฮัวเส้าซู่ก็เลยช่วยเอาไปซ่อมให้น่ะค่ะ!”
หลี่รูยามองไปที่อันหรัน เธอรู้สึกว่าเรื่องไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ อันหรันน่าจะกำลังช่วยฮัวเส้าซู่ปิดบังอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ
ฮัวเส้าซู่เมื่อเห็นว่าอันหรันออกหน้ารับให้ก็รีบพูดเสริมขึ้นมาทันที : “ใช่แล้วครับคุณแม่ ตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้ว หาที่ซ่อมไม่ได้ บังเอิญว่าผมมีเพื่อนที่เปิดร้านซ่อมอยู่พอดี ก็เลยไปให้เขาช่วยซ่อมมือถือให้พี่สะใภ้ไงครับ!”
ฮัวเส้าซู่จงใจเน้นว่าตอนนั้นมันดึกมากแล้วเพื่อทำให้หลี่รูยาเชื่อในสิ่งที่ตนพูด
เมื่อเห็นว่าหลี่รูยายังคงทำท่าเหมือนจะไม่เชื่อ ฮัวเส้าซู่จึงเสแสร้งแกล้งทำเป็นน้อยอกน้อยใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “โถ่คุณแม่ครับ สายตาแบบนี้นี่หมายความว่ายังไงอ่า คุณแม่ไม่เชื่อที่ผมพูดยังพอเข้าใจได้ แต่นี่คุณแม่จะไม่เชื่อที่พี่สะใภ้พูดด้วยเหรอครับ”
เขาชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด หลี่รูยาจึงเอ่ยขึ้นบ้าง “แกก็หัดทำตัวดีๆบ้างสิ อย่าสร้างความวุ่ยวายให้ฉันมากนัก” พูดจบเธอก็หันไปสนใจงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ
หัวเสี่ยวน่าเองก็ถือเอาสมุดบันทึกไปนั่งวาดภาพที่ด้านข้างเช่นกัน อันหรันนึกขึ้นได้ว่าการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนั้นใกล้เข้ามาเต็มที และเธอก็ต้องหาเวลามาเตรียมผลงานของตัวเองบ้างได้แล้ว
แต่ในตอนนี้เธอยังมีเรื่องค้างคาใจ เธอนั่งลงข้างๆฮัวเส้าซู่โดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย พลันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแกล้งทำเป็นดูนั้นดูนี่ ก่อนจะกระซิบถาม “เส้าซู่ เรื่องเมื่อคืน ไม่มีปัญหาอะไรตามมาใช่ไหม”