เด็กผู้หญิงที่มีขนสัตว์สีทองมาตั้งแต่เกิดงั้นหรอ?

Atavism รึไงนะ?

ของแบบนี้มันก็เคยมีมนุษย์ที่เกิดมาพร้อมกับขนสัตว์อยู่จริงๆในอนาคต, เย่เทียนก็เคยอ่านข่าวแบบนี้มาบ้างอยู่. ในเมืองหยุนฝูของจีนก็เคยมีทารกหญิงขนดกอยู่, ในรัซเซียก็มีชาวไร่ขนดก2คน, ในอินเดียก็มีคนขนดกทั้งบ้านเหมือนกัน.

คนพวกนี้ถูกเรียกว่ามนุษย์ขนดก. ถ้าจะอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์มันก็คือ atavism นั่นแหละ.

แต่ขนของพวกเขาก็ไม่มากเท่าวูฟเกิร์ลตรงหน้าเขาเลยซักนิด. นอกจากนี้แล้ว วูฟเกิลคนนี้ค่อนข้างจะพิเศษตรงที่ขนขึ้นทั่วร่างของเธอเต็มไปหมด ยกเว้นแค่ตรงใบหน้าของเธอ. ที่ประหลาดใจคือหน้าของเธอดูน่ารักและสวยมาก.

เย่เทียนไม่รู้ว่าค่าความแข็งแกร่งของเธอนั้นได้มาแต่เกิดหรือฝึกมา.

“กรรร….!”

วูฟเกิลทำเสียงขู่อีกแล้ว, แต่รอบนี้ตาของเธอจ้องไปทางเย่เทียน.

เย่เทียนค่อยๆเดินเข้าไปหากรงเหล็กและเห็นว่าเท้าทั้งสองของนางถูกล่ามไว้อยู่.

ขณะที่เย่เทียนเดินเข้าไป วูฟเกิลก็แยกเขี้ยวออกและส่งเสียงขู่ใส่เย่เทียนเหมือนกับหมาป่าไม่มีผิด.

เย่เทียนลังเล. เขาไม่รู้วิธีการฝึกวูฟเกิลเลย.

วูฟเกิลนางนี้แข็งแกร่งมากและค่าแสตททั้งหมดก็อยู่เหนือเขาทุกค่า. หากเขาอยากจะฝึกนางด้วยกำลัง มันคงจะเป็นไปไม่ได้ ณ ตอนนี้.

ถ้าจะหลอกล่อด้วยอารมณ์ มันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่. เพราะเธอไม่ใช่ทารกอีกต่อไปและร่างกายก็คงจะมีสัญชาตญาณของหมาป่าเพราะติดตามแม่หมาป่ามาเกือบ12ปี.

มันยากมากที่จะฝึกหมาป่าที่โตแล้วให้เชื่องได้.

แต่ทว่า เย่เทียนก็ไม่อยากจะพลาดวูฟเกิลนี่ไปเพราะว่าค่าแสตทของนางเยอะมาก. ตราบใดที่เขาสามารถทำให้เธอเชื่องและให้เธอฝึกได้ เธอก็จะเป็นนักฆ่าในเงาที่แข็งแกร่งที่สุดเลย!

โดยเฉพาะถ้าอยู่ในหน่วยอัศวินดำแล้วล่ะก็ ความสามารถในการต่อสู้ของเธอก็จะแข็งแกร่งอย่างมากแน่ๆ.

“กรรร….”

วูฟเกิลมองมาทางเย่เทียนและส่งเสียงขู่อย่างต่อเนื่อง. ตาของนางจ้องเขม็งมาที่เย่เทียนอย่างไม่ลดละ.

เย่เทียนเองก็จ้องเขม็งใส่เธอเหมือนกัน. เขาพบแล้วว่าในก้นบึ้งจากดวงตาเธอนั้นยังคงมีประกายแสงจิตวิญญาณหรือสัญชาตญาณของมนุษย์อยู่!

สัญชาตญาณของมนุษย์งั้นเหรอ?

เย่เทียนประหลาดใจมากและดีใจหน่อยๆด้วย.

ตราบใดที่เธอยังมีจิตวิญญาณอยู่นั่นก็แปลว่าเธอสามารถทำให้เชื่องได้ และการผสมผสานระหว่างสัญชาตญาณของมนุษย์และหมาป่าก็จะทำให้เธอแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก.

เย่เทียนกล้าหาญมาก. เขาค่อยๆยืดแขนออกไปทางกรง เพื่อจะลูบหัวเธอและทำทีท่าผูกมิตร.

“โฮ่ง!”

แต่ทว่า การกระทำของเย่เทียนนั้นไม่ได้ชนะความเชื่อใจของเธอเลย. กลับกันมันเหมือนกับยั่วยุหรือจะโจมตีมาที่เธอ. หลังจากเห่าออกไป เธอก็อ้าปากออกแล้วกัดมาที่เย่เทียนด้วยความเร็วที่มหาศาล.

โชคดีที่เย่เทียนนั้นระมัดระวังตัวและตอบสนองได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นมือของเขาก็ยังถูกฟันแหลมคมราวกับเขี้ยวเสือของเธองับเข้าจนเลือดไหลออกมา.

“ลอร์ดซาตาน ท่านเป็นอะไรหรือไม่ครับ?”

ฟิลิปถามด้วยความห่วงใย.

“ไม่เป็นไร!”

เย่เทียนส่ายหัวแล้วพูด, “ฟิลิปเอ้ย, ข้าชอบของขวัญจริงๆแต่ตอนนี้ข้ายังเอามันไปไม่ได้. พอตกดึกคืนนี้, เจ้าพานางมาทั้งกรงเหล็กที่บ้านข้า. จำไว้ด้วย, เอาผ้าคลุมกรงไว้ดีๆ. อย่าให้ใครเห็นนางเด็ดขาด. ถ้าใครถามก็บอกว่าเป็นหมาป่าด้านในก็แล้วกัน. จำไว้ล่ะ, เจ้าต้องพานางมาส่งด้วยตัวเอง. เชื่อข้า! แล้วข้าจะไม่ทิ้งขว้างเจ้า!”

“ลอร์ดซาตานข้าเข้าใจแล้ว. อย่าห่วงเลยครับ, ท่านวางใจได้. ตอนแรกข้าก็พานางมาด้วยวิธีเดียวกันนี่แหละครับ!”

ฟิลิปตบอกตัวเองพร้อมยิ้มขณะพูดกับเย่เทียน.

“โอเค, ห้ามทำร้ายนางล่ะ!”

เย่เทียนพูดด้วยเสียงทุ้ม. ตอนนี้เขายังไม่สามารถทำให้เธอเชื่องได้ เพราะงั้นเขาจึงต้องพานางกลับบ้านไปก่อน จากนั้นก็ดูแลเธอดีๆ, ให้อาหารด้วยตัวเองและพัฒนาความเชื่อใจกัน. เมื่อเขาแข็งแกร่งพอ เขาจะฝึกนางให้เชื่องด้วยกำลังและกลายเป็นราชาหมาป่าในสายตาของเธอให้ได้.

เย่เทียนคิดว่าวิธีนี้น่าจะเวิร์คสุด เพราะนอกจากนางจะมีสัญชาตญาณของหมาป่าแล้วนางก็ยังมีสัญชาตญาณของมนุษย์อยู่ด้วย. ถ้าเธอยอมรับหมาป่าได้ นางก็ต้องยอมรับมนุษย์ได้เช่นกัน.

“ซูซาน ตามข้ากลับไป”

พอพวกเขาเดินออกมาจากห้องลับ. ซูซานก็กำลังยืนรออยู่ด้านหน้าประตูด้วยท่าทีเขินอาย. เย่เทียนยิ้มอ่อนๆแล้วยื่นแขนไปลูบหัวเธอ ให้เธอรู้สึกอบอุ่นและใจดี.

เด็กตัวเล็กๆอย่างนี้น่าจะพัฒนาค่าความภักดีได้ง่ายกว่า และคงจะเต็มได้ในไม่ช้า.

ค่าแสตทปัจจุบันของเขานั้นแข็งแกร่งอยู่. และถ้าเขาได้เพิ่มอีกซัก6แต้มล่ะก็ เขาก็จะเทียบวูฟเกิลได้.

“งืออ…”

พอเห็นว่าเย่เทียนไม่ทำร้ายเธอ และแตกต่างจากนายทาสคนอื่นแล้ว เธอก็รู้สึกอบอุ่นอยู่ในหัวใจดวงเล็กๆ. โดยเฉพาะมือของเย่เทียนที่แข็งแรงและอบอุ่น ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและแม้กระทั่งมีความสุขได้. เธออยากให้มือของเขาอยู่บนหัวเธอตลอดไป.

เมื่อมือของเย่เทียนจากไป ความรู้สึกสูญเสียก็เกิดขึ้นในใจของเธอ แต่เธอก็รีบตามเย่เทียนไปใกล้ๆทันทีด้วยเท้าเล็กๆ.

ทันทีที่เย่เทียนและฟิลิปเดินออกมาจากบ้าน พวกเขาก็พบกับชายที่ไม่คุ้นหน้าโดยบังเอิญ – แครสซัสยังไงล่ะ!

คิ้วของเย่เทียนขมวดขึ้นมาหน่อยๆ. เขาเห็นว่าแครสซัสตรงไปหาฟิลิปทันที.

“ลอร์ดแครสซัส…”

ฟิลิปรีบทักทายเขาด้วยความเคารพ.

“ฮ่าฮ่า…ฟิลิป, ธุรกิจเจ้านี่กำลังไปได้สวยเลยนะ…”

รอยยิ้มของแครสซัสดูน่าดึงดูดและเป็นที่น่าจับจ้องแก่ผู้อื่น.

โดยเฉพาะพวกไพร่ เพราะเขายอมละทิ้งสถานะชนชั้นสูงของตัวเอง และยอมคุยกับพวกทาสอย่างเมตตา ทุกๆคำพูดและดูห่วงใย.

“หมอนี่มันรับมือด้วยยากจริงๆ!”

“ขอบพระคุณท่านที่ดูแลข้าเป็นอย่างดีครับ”

ฟิลิปยิ้ม.

“จะว่าไป, ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแอบขนของบางอย่างที่พิเศษมากๆในกลางดึก, จริงหรือป่าวน่ะ?”

แครสซัสยิ้มและถามฟิลิปคุงอย่างสงสัย มันทำให้หัวใจเย่เทียนเต้นแรงขึ้นมาหน่อยๆ.

ฟิลิปถูกจับได้แล้วหรอ?

เรื่องมันชักจะยากขึ้นซะแล้วสิ.