บทที่ 106 ช่วยชีวิตเว่ยเสี่ยวเถา

เว่ยฉิงพาเว่ยเสี่ยวเถาออกมาจากอุโมงค์ ถ้าไม่เป็นเพราะเว่ยฉิงอุ้มนางเอาไว้ ถังหลี่คงจำผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ตอนนี้เว่ยเสี่ยวเถาทั้งซูบผอม เนื้อตัวสกปรกมอมแมมยิ่งกว่าขอทานข้างถนน นางเข้าไปทำงานในนั้นได้ไม่นานแต่กลับมีสภาพที่เอน็จอนาถได้ถึงเพียงนี้

อาหารการกินและความเป็นอยู่ของเว่ยเสี่ยวเถานั้นแย่มากจนร่างกายของนางทรุดโทรม ตอนนี้ขาข้างหนึ่งของหญิงสาวถูกก้อนหินทับ ทำให้มีเลือดไหลออกมา เว่ยฉิงอุ้มพี่สาวเอาไว้ ก่อนจะรีบพาลงมาจากภูเขาเหม่ยซาน ถังหลี่จับมือของจ้าวตี้ไว้ไม่ปล่อย

“ท่านแม่…ท่านแม่..” ระหว่างทางกลับจ้าวตี้ยังคงร่ำไห้ไม่หยุด

เมื่อทั้งสี่คนมาถึงบ้านสกุลขง เว่ยฉิงก็เตะประตูรั้วบ้านจนเปิดออก เสียงรั้วทำให้ทุกคนในบ้านถึงกลับตัวสั่น ผู้เฒ่าขง ขงซวน และนางหยางต่างรีบวิ่งออกมาจากบ้าน

“เสี่ยวเถา…เสี่ยวเถาเป็นอะไรหรือ?” ขงซวนถามอย่างตกใจ เขาไม่ได้เป็นห่วงนางเลยแม้แต่น้อยว่าเสี่ยวเถาจะอยู่หรือตาย แต่เขากลัวว่าจะขาดรายได้ห้าร้อยอีแปะต่อวันต่างหาก

“ไปเรียกหมอของหมู่บ้านเจ้ามา!” เว่ยฉิงมีสีหน้าดุร้าย เขาเตะขงซวนไล่อีกฝ่ายออกไป

ขาของเว่ยเสี่ยวเถายังคงมีเลือดออกไม่หยุด ดูท่าไม่ดี หากหมอในหมู่บ้านมาดูเพื่อห้ามเลือดแล้ว เขาอาจจะต้องรีบพานางไปหาหมอในตัวเมืองจะดีกว่า

ขงซวนเดินออกไปตามถนน แต่เขาไม่ได้ไปหาหมออย่างที่เว่ยฉิงสั่ง เขากลับนั่งยอง ๆ อยู่ที่คันนา

เขาไม่ไปตามหมอหรอก!

เมื่อขงซวนเห็นขาของเว่ยเสี่ยวเถาแล้ว เขารู้ทันทีว่ามันต้องหักอย่างแน่นอน ขงซวนไม่ต้องการสตรีไร้ค่าเช่นนี้! หากปล่อยเอาไว้ไม่นานนางย่อมเสียเลือดจนตาย ส่วนเขาก็จะไปเรียกร้องค่าชดเชยจากเหมืองได้!

แต่การกระทำทั้งหมดของขงซวนนั้นอยู่ในสายตาของถังหลี่ ครอบครัวสกุลขงนั้นเลวร้ายกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก พวกเขาปฏิบัติต่อเว่ยเสี่ยวเถาราวกับไม่ใช่คน ไม่สนใจแม้แต่ความเป็นความตายของนาง

“จ้าวตี้ พาข้าไปหาหมอที” ถังหลี่พูดกับจ้าวตี้

จ้าวตี้พยักหน้าและพาน้าสะใภ้ของตนไปตามหมอ ทั้งสองไปถึงบ้านของหมอประจำหมู่บ้านและรีบพาเขาไปที่บ้านทันที แต่เนื่องจากหมอในหมู่บ้านขงเจียนั้นมีความรู้จำกัด เขาจึงทำได้เพียงห้ามเลือดให้เว่ยเสี่ยวเถาเท่านั้น

“ค่ารักษาหนึ่งร้อยอีแปะ” หมอกล่าว

คนสกุลขงต่างสะบัดหน้าหนีแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น ถังหลี่จึงหยิบเงินหนึ่งร้อยอีแปะออกจากถุงเงินให้หมอ

“ขอบคุณท่านหมอ”

“กระดูกนางหัก พวกเจ้ารีบส่งนางเข้าเมืองเสียเถิด หากช้ากว่านี้ขาของนางจะใช้การไม่ได้” เมื่อเขาอธิบายเสร็จ ก็เก็บล่วมยาและเดินจากไป

เว่ยฉิงเหลือบมองคนสกุลขงด้วยใบหน้าเย็นชา พวกเขาต่างหวาดกลัวชายหนุ่ม แต่เมื่อมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว นางหยางจึงกล้าปริปากพูดออกมา

“การรักษาต้องใช้เงินมาก ขนาดหลี่กุ้ยจื่อบ้านข้าง ๆ ยังหมดเงินไปถึงยี่สิบตำลึง! ตอนนี้เขาก็ยังเป็นคนพิการอยู่เลย ไม่ต้องรักษาหรอกหากต้องเสียเงินมากขนาดนั้น บ้านข้าไม่มีจ่ายหรอก หากพวกเจ้ายืนกรานจะรักษานาง ก็ไม่ต้องมาขอเงินจากเรา!”

ขงซวนรีบพยักหน้าเสริมทันที

“แม้ว่าเสี่ยวเถาจะพิการ แต่นางก็เป็นคนในสกุลขง พวกเราจะไม่ปฏิบัติรุนแรงกับนาง” ชายชรายังดูมีเมตตา

เว่ยฉิงไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาเตะขงซวนอย่างรุนแรง จนชายหนุ่มกระเด็นออกไปนอกบ้าน

“ซวนเอ๋อร์!” หัวใจของนางหยางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางรีบวิ่งไปหาลุกชายทันที

“เว่ยฉิง! ถ้าซวนเอ๋อร์เป็นอะไรไป ข้าจะฆ่าเจ้า!” นางหยางร้องไห้

เว่ยฉิงต้องการเข้าไปเตะขงซวนซ้ำอีกครั้ง แต่ถูกนางหยางบังไว้ เดิมทีเว่ยฉิงไม่ใช่คนที่ทำร้ายสตรี แต่วันนี้เขาได้ทลายกฎเหล็กข้อนั้นลงแล้ว ชายหนุ่มเตะร่างของนางหยางจนหญิงชรากรีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อผู้เฒ่าขงเห็นก็ยิ่งหวาดกลัวเว่ยฉิง เขาเป็นชายแก่ที่กระดูกเปราะ ไม่สามารถทนแรงเตะขนาดนั้นได้แน่นอน!

เว่ยฉิงเตะนางหยางและขงซวนอีกสองสามครั้ง ก่อนชายหนุ่มจะกลั้นใจเดินไปอุ้มพี่สาวและออกจากหมู่บ้านขงเจียไป โดยมีถังหลี่และจ้าวตี้ตามหลังมาติด ๆ

รถม้าที่เว่ยฉิงจ้างมาในตอนแรกยังคงจอดรออยู่หน้าหมู่บ้านขงเจีย ชายหนุ่มขึ้นไปบนรถม้าพร้อมกับร่างในอ้อมแขน หญิงสาวก็ช่วยเด็กหญิงขึ้นรถม้า ตอนนี้เว่ยฉิงเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ใบหน้าของเขามืดครึ้ม แม้กระทั่งถังหลี่เองยังรู้สึกไม่สบายใจ

หญิงสาวจับมือหยาบของสามีไว้

“สามี…พี่สาวจะต้องปลอดภัย”

เว่ยฉิงมองไปที่ใบหน้าอ่อนโยนของภรรยาตน ความโกรธในหัวใจของเขาก็เบาบางลงเล็กน้อย อันที่จริงแล้วเมื่อครู่นี้เขาต้องการจะฆ่าไอ้สารเลวขงซวนให้ตายคามือจริง ๆ ไอ้ชั่วนั้นปฏิบัติกับเว่ยเสี่ยวเถาราวกับไม่ใช่คน แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉานยังดีกว่านางเสียอีก!

“อืม” ใบหน้าของเว่ยฉิงดูดีขึ้น

ถังหลี่หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าของเว่ยฉิง จนเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม เส้นทางที่รถม้าแล่นผ่านเป็นหลุ่มและบ่อ ทำให้ถังหลี่ไม่สามารถนั่งอย่างมั่นคงได้ ชายหนุ่มโอบเอวของนางประคองไว้

“ฮูหยิน ระวังด้วย”

เว่ยฉิงยังคงโอบกอดเว่ยเสี่ยวเถาไว้ ถังหลี่กลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากแรงกระแทกของรถม้า ดังนั้นนางจึงโอบขาที่บาดเจ็บของเสี่ยวเถาไว้

กว่าชั่วยามต่อมารถม้าได้มาหยุดที่หน้าโรงหมอที่ดีที่สุดในเมืองเหยาสุ่ย เว่ยฉิงรีบวิ่งเข้าไปพร้อมกับเว่ยเสี่ยวเถาในอ้อมแขน หมอที่มีฝีมือดีที่สุดอย่างหมอเฉินก็เข้ามารักษาเว่ยเสี่ยวเถาทันที นางได้สติและครวญครางอย่างเจ็บปวดระหว่างการรักษา

“ท่านแม่…ท่านแม่…” จ้าวตี้หลั่งน้ำตา

หมอเฉินทำความสะอาดบาดแผลของเว่ยเสี่ยวเถาก่อน และนำไม้มาดามกับขาของนางไว้ เมื่อการรักษาสิ้นสุดลงเว่ยเสี่ยวเถาก็หมดสติไปอีกครั้ง

“หมอเฉิน พี่สาวข้าเป็นเช่นไรบ้าง?” เว่ยฉิงถามอย่างรวดเร็ว

“บริเวณน่องมีบาดแผลอยู่ กระดูกด้านในหัก ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่งกว่าจะหายดี แต่อย่างไรเสียขาข้างนี้ก็จะใช้การไม่ได้ดังเดิม” หมอเฉินกล่าวอย่างลำบากใจ

เว่ยเสี่ยวเถายังอายุน้อย….

“ขอบคุณท่านหมอ หมอเฉินท่านรักษาอย่างเต็มที่เลย ใช้ยาที่ดีที่สุด ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนะ” ถังหลี่กล่าว หมอเฉินและนางได้พบกันหลายครั้งแล้ว ดังนั้นจึงคุ้นเคยกันและกันเป็นอย่างดี

“ไม่ต้องห่วงแม่นางถัง ข้าจะพยายามสุดความสามารถ ตอนนี้ท่านควรพาผู้ป่วยกลับไปก่อน ที่โรงหมอนี่ไม่มีห้องสำหรับคนป่วย แล้วพรุ่งนี้ค่อยพามาหาข้าอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนยา” หมอเฉินกล่าว

เว่ยเสี่ยวเถากำลังนอนอยู่บนเตียง ร่างกายของนางสกปรกมอมแมม เมื่อถังหลี่มองก็ยิ่งรู้สึกเวทนา

สกุลขงช่างต่ำช้าสิ้นดี!

เว่ยฉิงอุ้มนางขึ้นรถม้าอีกครั้งเพื่อกลับบ้าน ทันทีที่ป้าจ้าวเปิดประตูนางตกใจกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก

“นายหญิง…แม่นางเว่ยเป็นอะไรหรือเจ้าคะ”

“ป้าจ้าวไปเตรียมห้องพักแขกให้ข้าที” ถังหลี่กล่าว

ป้าจ้าวรีบเปิดประตูห้องพักแขกให้เว่ยฉิงพาเว่ยเสี่ยวเถาเข้าไปด้านใน

“ป้าจ้าวไปต้มน้ำร้อนมาหน่อยเถิด” ถังหลี่สั่ง

หลังจากที่ได้น้ำร้อนแล้ว ถังหลี่ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำร้อนเช็ดขี้เถ้าบนร่างกายของนางออกช้า ๆ บาดแผลของเว่ยเสี่ยวเถาอยู่ที่ขา หญิงสาวจึงตัดสินใจเช็ดแค่ใบหน้าและแขนของนางเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเถาก็มีสภาพดูดีขึ้นกว่าเดิม

ถังหลี่หยิบกะละมังขึ้นและเดินออกจากห้องไป

“ท่านน้าเดี๋ยวข้าดูท่านแม่เองเจ้าค่ะ ท่านน้าไปพักผ่อนเถิด” จ้าวตี้พูด

จ้าวตี้ยังเด็ก แต่เรื่องต่าง ๆ ที่เจอในวันนี้มันนักหนาเกินไปสำหรับนาง นางสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นางรู้ว่าเป็นเพราะท่านน้าและท่านน้าสะใภ้ที่ช่วยมารดาของตน หากไม่ใช่แล้วจ้าวตึ้คงจะกำพร้าแม่แน่นอน

……

ถังหลี่มองไปรอบ ๆ ก่อนที่นางจะตกอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย

——————–