ตอนที่ 133 ค้นพบ
ตอนที่ 133 ค้นพบ
หลังจากเริ่นม่านลี่กลับไปแล้ว ฉินมู่หลานก็ยังคงอยู่ในเมืองต่อ เธอยังหารถที่จะพาเธอกลับไม่ได้ จึงได้แต่เดินไปเรื่อย ๆ และอดจะนึกถึงคำพูดของเริ่นม่านลี่เสียไม่ได้ ครั้งก่อนที่เริ่นม่านลี่ได้เจอเธอ หล่อนยังไม่มีความเห็นแบบนี้ แต่มาครั้งนี้อีกฝ่ายดูจะมีอคติกับเธอเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็คิดว่าอาจมีเรื่องราวอะไรบางอย่างที่เธอไม่ทราบ มีความเป็นไปได้ว่าเริ่นม่านลี่ทราบว่าเธอที่้เป็นหญิงสาวจากหมู่บ้านชนบทได้มาเป็นลูกบุญธรรมของเจี่ยงสือเหิง นั่นอาจมีสาเหตุว่า…
ทันใดนั้นเอง ฉินมู่หลานก็นึกถึงปฏิกิริยาของลุงเหยาตอนที่อยู่ตรงหน้าเซี่ยเจ๋อหลี่ เรื่องนี้อาจมีเหตุผลอื่น?
ฉินมู่หลานนึกถึงเรื่องนั้นโดยละเอียด ขณะเดียวกันก็พยายามคาดเดาจุดประสงค์ของเริ่นม่านลี่ที่เข้ามาในเมือง เมื่อคิดย้อนไปแล้วก็เห็นว่าในมือของเริ่นม่านลี่ไม่ได้ถือสิ่งของใดอยู่เลย และพอได้มาเจอเธอก็กลับไปทันที เช่นนั้นเริ่นม่านลี่ก็คงไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อของ แล้วหล่อนมาที่นี่ทำไมกัน?
ตอนที่เริ่นม่านลี่เดินมาทางนี้มันเป็นทางเดียวกับที่ทำการไปรษณีย์ หรือว่าหล่อนอาจไปส่งของบางอย่างที่นั่น?
ฉินมู่หลานยังไม่ค่อยแน่ใจมากนัก เพราะเส้นทางนั้นก็ไปที่อื่นได้อีก
แต่เมื่อนึกถึงที่ทำการไปรษณีย์แล้ว อันที่จริงฉินมู่หลานคิดที่จะเขียนจดหมายไปหาเสิ่นหรูฮวนอยู่พอดี เพื่อถามว่าหล่อนจะเดินทางมาที่นี่เมื่อใด เธอจะได้เตรียมการต้อนรับให้เป็นอย่างดี
ฉินมู่หลานคิดแล้วก็ลงมือทำทันที มุ่งตรงไปยังที่ทำการไปรษณีย์เพื่อเขียนจดหมายที่นั่น จากนั้นก็ส่งไปให้เสิ่นหรูฮวน
เธอมีนิสัยชอบพกกระดาษและปากกาติดตัวไปด้วย ดังนั้นเมื่อไปถึงที่ทำการไปรษณีย์ก็หามุมที่ปลอดผู้คนรอบข้าง แล้วเริ่มเขียนจดหมายช้า ๆ ในขณะนั้นเองก็ได้ยินพนักงานไปรษณีย์สองคนพูดคุยกัน เดาว่าคงไม่เห็นเธอแล้วคิดว่าไม่มีใคร ทั้งสองจึงพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง
“คนที่เพิ่งมาส่งรูปถ่ายเมื่อกี้คือครูเริ่นที่สอนอยู่ที่โรงเรียนประถมในเมืองใช่ไหม”
“ใช่ หล่อนนั่นแหละ ลูกสาวของฉันเรียนอยู่ห้องเดียวกับหล่อนแต่หล่อนกลับจำฉันไม่ได้ สายตาของครูเริ่นนี่ถือได้ว่าเหยียดขั้นสุด เหมือนจ้องมองคนธรรมดาว่าไม่ใช่คน” ผู้พูดเป็นพนักงานที่ใบหน้าค่อนข้างกลม อายุประมาณสามสิบได้ ตอนที่พูดถึงครูเริ่นเมื่อสักครู่ก็มีสีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
พนักงานที่เพิ่งพูดก็อดที่จะหัวเราะเสียไม่ได้ “อย่างนั้นคงทำอะไรไม่ได้หรอก ใครขอให้หล่อนมาจากปักกิ่งล่ะ และสามีหล่อนก็เป็นพลทหารในกองทัพด้วย ฉันได้ยินมาว่าสามีของครูเริ่นก็มาจากปักกิ่งเหมือนกัน พวกเขาคงมีภูมิหลังครอบครัวที่ไม่ธรรมดาแน่”
“ใช่แล้ว สามีของครูเริ่นมาจากตระกูลเหยาที่อยู่ในปักกิ่ง” โนเวลพีดีเอฟ
พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของตระกูลเหยาในเมืองหลวงยังยิ่งใหญ่มากอีกด้วย ดังนั้นแม้แต่คนอย่างหล่อนก็ทราบเรื่องนี้
“อา…ตระกูลเหยาแห่งปักกิ่ง นั่นมันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ” แม้ว่าหล่อนจะเคยได้ยินเรื่องของเริ่นม่านลี่ครูที่โรงเรียนประถมในเมืองมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้แจ้งขนาดนั้น ไม่คิดเลยว่าเพื่อนร่วมงานจะรู้มากขนากนี้ หล่อนจึงอดที่จะเอ่ยถามเสียไม่ได้
“โอ้…มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนฉันไปรับลูกกลับจากโรงเรียน ก็บังเอิญไปได้ยินอะไรบางอย่างจากที่โรงเรียนด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็มั่นใจว่าครูเริ่นที่สองคนนี้กำลังพูดถึงก็คือเริ่นม่านลี่ หล่อนมาที่ทำการไปรษณีย์เพื่อส่งรูปถ่ายอย่างนั้นเหรอ? รูปถ่ายอะไรกัน?
ไม่นานนัก พนักงานทั้งสองก็ยังคงพูดคุยกันต่อไป
คำพูดในตอนนี้ยังคงเป็นของคนก่อนหน้าที่พูดขึ้น
“แต่มันน่าแปลกจริง ๆ นะ ครูเริ่นนั่นมาส่งรูป แล้วรูปที่ส่งก็เป็นรูปถ่ายหมู่ใหญ่ซึ่งมีบุคคลสำคัญอยู่ในนั้นด้วย หรือว่าคนที่วงกลมเอาไว้ในภาพคือสามีของหล่อนกันนะ ถ้าใช่จริงครูเริ่นก็คงโชคดีมาก สามีไม่เพียงแต่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดีเท่านั้น แต่ยังหล่อมากด้วย เขาเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นเลยล่ะ”
หลังจากพูดจบ คนผู้นั้นก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“แต่จากที่ฉันเห็นที่อยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นบ้านตระกูลเหยาที่ปักกิ่งนะ น่าจะเป็นบ้านสามีหล่อนนั่นแหละ แล้วทำไมหล่อนถึงส่งรูปถ่ายสามีไปให้ครอบครัวสามีล่ะ? นี่มันน่าแปลกนะ ครอบครัวออกจะใหญ่โตขนาดนั้น แต่ขาดแค่รูปสามีอย่างนั้นเหรอ”
ในขณะนั้นเอง พนักงานอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะพูด “ขอฉันดูหน่อยสิ ตอนที่ฉันไปรับลูก ฉันเคยเห็นหน้าสามีครูเริ่นอยู่ เพราะวันนั้นสามีของครูเริ่นบังเอิญมารับหล่อนในงานวันครูพอดี”
พนักงานคนก่อนที่พูดหยิบรูปถ่ายออกมาจากซองจดหมายแล้วยื่นไปให้ ก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอดูเถอะ หลังจากดูเสร็จแล้วเอามาให้ฉันนะ พอหน่วยจัดส่งมาแล้วจะได้ส่งให้เขา”
“เข้าใจแล้วค่ะพี่หลี่ ขอฉันดูแปบหนึ่ง”
คนนั้นมองดูรูปพร้อมรอยยิ้ม แต่แล้วไม่นานก็เริ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ไม่ใช่นะ คนที่โดนวงกลมอยู่ในรูปนี้ไม่ใช่สามีของครูเริ่น คนที่อยู่ข้าง ๆ นี่ต่างหากสามีของหล่อน”
“อะไรนะ เสี่ยวหวัง เธอไม่ได้มองผิดใช่ไหม”
ในตอนนั้นเอง สีหน้าของพี่หลี่ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ หล่อนลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเข้าไปอยู่ด้านข้างเสี่ยวหวัง ก่อนจะเอ่ยถาม “คนที่โดนวงกลมเอาไว้ไม่ใช่สามีของครูเริ่นจริงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันเคยเห็นหน้าสามีของครูเริ่นมาก่อน คนที่ยืนอยู่ข้างวงกลมนี้ต่างหาก ที่เป็นสามีของสหายเหยา”
ในตอนนั้นเอง ฉินมู่หลานก็รู้สึกสังหรณ์ใจ จึงรีบเดินเข้าไปหาทั้งสองทันที ก่อนจะจ้องมองรูปถ่ายนั้นจนเห็นคนที่อยู่ในวงกลมนั้นได้อย่างชัดเจน ลางสังหรณ์ใจได้รับการยืนยันแล้ว คนที่โดนวงกลมเอาไว้นั้นคือเซี่ยเจ๋อหลี่
เริ่นม่านลี่ ไม่สิ อาจจะเป็นเหยาอี้หนิงก็ได้ที่ต้องการส่งรูปของเซี่ยเจ๋อหลี่ไป แต่กลับไม่มีรูปเดี่ยวของเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงต้องส่งรูปถ่ายหมู่แบบนี้ไปแทน โดยวงกลมเน้นตรงรูปเซี่ยเจ๋อหลี่
ในตอนนั้นเอง พี่หลี่กับเสี่ยวหวังก็ได้สังเกตเห็นฉินมู่หลาน เมื่อทั้งสองเห็นว่ามีคน จึงรีบเก็บรูปขึ้นมา ขณะเดียวกันก็เอ่ยด้วยสีหน้ายับยู่ “สหาย นี่เป็นพื้นที่ทำงานของพวกเรา หากคุณต้องการส่งสิ่งของ ให้กรอกแบบฟอร์มข้างนอกนะคะ ไม่ต้องเข้ามาถึงในเคาน์เตอร์ค่ะ”
ฉินมู่หลานจ้องมองไปที่ทั้งสองคนแล้วพูด “ทำไมพวกคุณถึงมีรูปสามีของฉันได้คะ พวกคุณจะเอารูปนั้นไปทำอะไร”
“อะไรนะ…”
ฉินมู่หลานชี้ตรงไปที่รูปถ่ายที่พวกเขาพลิกมาวางบนโต๊ะแล้วเอ่ยขึ้น “คนที่อยู่ในวงกลมบนรูปนี้คือสามีของฉันเองค่ะ พวกคุณจะทำอะไรกับรูปถ่ายของเขาเหรอคะ”
ในตอนนั้นเอง พนักงานทั้งสองก็ได้เข้าใจสิ่งที่ฉินมู่หลานกำลังพูด แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น
“คุณจะบอกว่า…คนที่อยู่ในวงกลมบนรูปนี้คือสามีของคุณ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“ใช่ค่ะ สามีของฉันเอง นี่เป็นรูปถ่ายของเขากับสหายร่วมรบ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ สามีของฉันเป็นทหาร ดังนั้นข้อมูลของเขากับสหายจะต้องถูกเก็บเป็นความลับ การที่พวกคุณส่งรูปถ่ายนี้ไปถือเป็นการเปิดเผยความลับของพวกเขา พวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่คะ” ฉินมู่หลานถามอย่างมีไหวพริบ เพียงแค่อยากให้พนักงานสองคนนี้ยอมบอกว่ารูปนี้เป็นรูปที่เริ่นม่านลี่เป็นคนฝากส่ง เพราะการนำข้อมูลของกองทัพไปเปิดเผยถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
พนักงานสองคนนั้นชะงักไป เมื่อสักครู่พวกหล่อนไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้ พอฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนั้นก็พลันเห็นว่ารูปถ่ายใบนี้กลายเป็นประเด็นร้ายแรงขึ้นมา
พี่หลี่รีบเอ่ยอธิบายทันที “สหายผู้นี้กำลังเข้าใจผิดแล้วค่ะ มีคนมาแล้วต้องการนำส่งรูปถ่ายนี้ไป มันก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของพวกเราที่จะไม่รับฝากส่งน่ะค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถือรูปมาโต้งๆ ไม่ใส่ซองใส่อะไรให้ดูเป็นความลับหน่อยเหรอคะคุณครู บทจะตายก็ตายน้ำตื้นนะเนี่ย คนอื่นรู้หมด ถ้าแผนจะโป๊ะเพราะใครก็น่าจะโป๊ะเพราะยัยม่านลี่นี่แหละ
หรือว่าทางไปรษณีย์มีกฎต้องตรวจสอบพัสดุก่อนส่งกันนะ?
ไหหม่า(海馬)