ตอนที่ 118 เถ้าแก่ซูได้รับบาดเจ็บ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 118 เถ้าแก่ซูได้รับบาดเจ็บ

ตอนที่ 118 เถ้าแก่ซูได้รับบาดเจ็บ

หลังจากได้ยินการเคลื่อนไหวผู้เช่าอาคารหมายเลขสอง ผู้เช่าของอาคารหมายเลขสามก็วิ่งแตกตื่นลงมาทีละคน และพวกเขาทั้งหมดก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า

จวงหว่านเห็นศพอยู่ไม่ไกล ภาพน่าสยดสยองนั้นทำให้เธอผงะถอยหลังไปสองก้าวอย่างหวาดผวา และในขณะเดียวกันก็ห้ามเฉินซีเฉินหยางไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า

ขณะที่เฉินซีก้าวถอยหลัง เธอเหยียบเข้ากับก้อนกระดาษบางอย่าง เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อเห็นคราบเลือดติดอยู่จึงโยนทิ้งด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

ซูเถาพยายามไม่สนใจมัน เธอผลักเฉินซีและเฉินหยางไปข้างหลังโดยสัญชาตญาณ จากนั้นก็กลับไปประคองคุณย่าเฉินที่มือและเท้าอ่อนแรง

ใบหน้าของหญิงชราซีดเซียวลงจนไร้สีเลือด

“ตอนเดินผ่าน ฉันได้ยินเสียงโครมครามก็เลยคิดว่ามีบางอย่างหล่นลงมาจากระเบียงของใคร ว่าจะเข้าไปดูสักหน่อย ใครจะรู้ว่ามันคือศพที่มีคำจารึกที่เขียนด้วยเลือดอยู่บนใบหน้าของเขา…”

ผู้เช่าที่อยู่ข้าง ๆ เธอพูดขึ้นว่า

“ฉันก็ได้ยินเหมือนกัน เสียงไม่เบาเลย”

“ฉันก็ด้วย ฉันนึกว่าเคียวโลหิตจะมาทลายกำแพงเราซะอีก”

“ผู้เสียชีวิตคนนี้เป็นใคร”

……

ผู้เช่าที่กล้าหาญกำลังจะตรวจสอบ แต่ซูเถาก็หยุดเขาไว้

“ไม่ได้ ทุกคนกระจายตัวกันออกไป อย่ามารวมกันแถวนี้! เร็วเข้า! เฉินซี เฉินหยาง รีบไป!”

หัวใจของเธอเต้นแรง เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดี สัญชาตญาณของเธอบอกว่าไม่ควรแตะต้องศพนี้ และควรออกห่างจากมันให้เร็วที่สุด

เธอกำลังจะช่วยคุณย่าเฉินเพื่อหาทางหลบหนี แต่เมื่อหลันหลิงหลิงสะดุดล้มและเห็นเสื้อผ้าของศพอย่างชัดเจนผ่านแสงจันทร์ ดวงตาของเธอก็น้ำตาไหลพราก “อาฉือ”

“อย่า…”

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงนับถอยหลังดังขึ้น

ศพนี้ซ่อนระเบิดเอาไว้!

ตู้ม!

“ระวัง!”

ซูเถาปกป้องคุณย่าเฉินไว้ใต้ร่างตนเองทันที จากนั้นก็มีแรงกระแทกขนาดใหญ่และกระแสลมพัดผ่าน วินาทีต่อมา ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นว่าเสวี่ยเตากำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ!

โลกทั้งใบพลันตกอยู่ในความมืด

เมื่อซูเถาได้สติอีกครั้ง ก็รู้สึกปวดอย่างรุนแรงที่บริเวณศีรษะ เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นหลินฟางจือนอนอยู่ข้างเตียงของเธอ พร้อมกับจวงหว่านที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

ดูเหมือนจะอยู่ในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลตงหยาง

ศพ ระเบิด เสวี่ยเตา!

“เถาจื่อ?” หลินฟางจือเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อเห็นว่าเธอฟื้นแล้ว ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอีกครั้ง

จวงหว่านตื่นขึ้นทันทีและรีบกดกริ่งเรียกหมอ

หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ขอบคุณสวรรค์ คุณรู้สึกตัวแล้ว นอกจากอาการปวดหัว คุณเจ็บหรือปวดตรงไหนอีกไหม”

“เสวี่ยเตาล่ะคะ”

จวงหว่านไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายตรง ๆ “ไม่เป็นอะไรมาก มันแค่ล้มและบาดเจ็บนิดหน่อย”

“บาดเจ็บอะไร?”

“เถ้าแก่ หมอมาแล้ว คุณให้หมอตรวจก่อนดีไหม”

ซูเถาไม่สนใจในการรักษาที่เธอต้องได้รับ เธอดึงเข็มที่หลังมือออกและกำลังจะลุกจากเตียงหลังจากสลัดผ้านวมทิ้ง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ จวงหว่านก็จึงรีบบอกความจริง

“เสวี่ยเตายังไม่ฟื้น การตรวจเบื้องต้นพบว่าขาหลังของมันขาด เรามีคุณหมอจงอยู่ นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก”

ซูเถากำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ แต่เธอก็ระงับอารมณ์เอาไว้ได้

“คุณย่าเฉินอยู่ไหน แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ อยู่ที่ไหน มีใครบาดเจ็บล้มตายบ้างไหม”

มีคนสมรู้ร่วมคิดที่จะวางระเบิดในเขตของเธอ!

ทั้งยังทำให้เสวี่ยเตาบาดเจ็บ!

นี่เป็นครั้งแรกที่จวงหว่านเห็นว่าสีหน้าของเจ้านายของเธอแย่มาก ความโกรธแทบจะพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเธอ ราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุ

“ถะ..เถ้าแก่ ใจเย็น ๆ… มีเพียงหลันหลิงหลิงเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เธอกำลังได้รับการช่วยเหลืออยู่ คุณอพยพคนได้ทันเวลา คนส่วนใหญ่อยู่ห่างจากร่างของอู๋เฟยฉือที่มีระเบิดผูกอยู่ใต้ร่าง มีเพียงคุณและเสวี่ยเตาเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนคุณป้าเฉินก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเช่นกันเนื่องจากคุณปกป้องเธอเอาไว้”

“ทุกคนสบายดี คุณ คุณ…”

แม้ว่าซูเถาจะรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่ไฟในใจของเขาก็เริ่มปะทุใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อแพทย์มาเห็นเข็มที่ถูกดึงออก เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่น แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าและความเยือกเย็นที่แผ่มาจากตัวเธอจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ

หลังจากตรวจร่างกายแล้วก็ไม่พบปัญหาอะไร แต่เธอยังต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกหนึ่งวันเพื่อสังเกตอาการ

ในตอนบ่ายผู้เช่าเถาหยางกลุ่มใหญ่ต้องการเข้าเยี่ยมซูเถา แต่พวกเขาทั้งหมดถูกหมอปฏิเสธ

“จริงสิ ฉันไม่เคยเห็นคนมาเยี่ยมไข้มากมายขนาดนี้ คุณกลับไปตกลงกันก่อนดีไหม ค่อย ๆ ทยอยกันมาเยี่ยม แบบนี้คนมันจะแออัดและรบกวนคนไข้คนอื่น”

ดังนั้นในช่วงบ่ายจึงมีเพียงเฉียนหลิน คุณย่าเฉิน ผู้อาวุโสเหม่ย และหลิวพ่านพ่านเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้

เมื่อคุณย่าเฉินเห็นว่าศีรษะของซูเถาถูกพันด้วยผ้าก๊อซ ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง และไม่สามารถหยุดน้ำตาไว้ได้

“ยัยเด็กโง่ เธอไล่ทุกคนออกไป แต่เธอกลับย้อนมาช่วยฉัน ฉันเป็นแค่หญิงชราที่คงมีเวลาอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน ตายไปก็ไม่ต้องเสียดายชีวิต แต่เธอเป็นแค่เด็กอายุยังน้อย…”

ความโกรธเดิมของซูเถาหายไปครึ่งหนึ่ง จากการร้องไห้ของหญิงชรา

คุณย่าเฉินอดไม่ได้ที่จะร้องไห้และในขณะที่เธอร้องไห้ เธอก็โทรหาเฉินเทียนเจียว เมื่อเขารับสายเธอก็เอาแต่ตำหนิเขา

“ไอ้ลูกคนนี้ ทำไมยังไม่รู้จักกลับมาอีก หนูเถาของฉันเกือบจะโดนระเบิด อีกนิดเดียวจริง ๆ… รีบกลับมาจับคนที่ขว้างระเบิดให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันเลี้ยงแกมาจนโตขนาดนี้ ไม่มีประโยชน์เลยจริง ๆ รู้จักแต่การออกไปข้างนอกเนี่ยแหละ”

เฉินเทียนเจียวตกตะลึง “อะไรนะ! เถ้าแก่ซูโดนระเบิดตาย?!”

ซูเถารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แน่นอนว่าเครื่องสื่อสารของเฉินเทียนเจียวถูกใครบางคนคว้าไปในทันที

คุณย่าเฉินไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่เฉินเทียนเจียวแล้วจึงพูดว่า “แกน่ะสิตาย! หนูเถาของฉันยังมีชีวิตอยู่และสบายดี”

“ป้าเฉิน ซูเถาอยู่ที่ไหน เธออยู่ข้างป้าหรือเปล่าครับ”

คุณย่าเฉินจำเสียงของสือจื่อจิ้นได้ ก็ได้แต่ตกตะลึงและพูดว่า

“เถ้าแก่ซูเธออยู่ข้าง ๆ ฉัน ขอบอกไว้ก่อนว่าคนที่ขว้างระเบิดครั้งนี้มันชั่วร้ายเกินไป เขาทิ้งข้อความว่าเขาต้องการฆ่าทุกคนในเถาหยาง ที่ศพยังมีตัวอักษรเปื้อนเลือดตัวใหญ่สี่ตัวเขียนอยู่ ‘นี่คือคำเตือน’ มันเป็นการขู่ มันเป็นการยั่วยุ! ต้องจับพวกคนร้ายที่ทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้โดยเร็ว”

เมื่อซูเถาได้ยินสิ่งนี้ ก็หันไปหาจวงหว่านเพื่อยืนยันข้อพิสูจน์

จวงหว่านยังคงอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างต่อเนื่องเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

“เมื่อคืนนี้ เฉินซีหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา ตอนแรกเธอเห็นรอยเลือดบนกระดาษและรู้สึกกลัวก็เลยโยนมันทิ้งไป โชคดีที่ไม่ได้รับผลกระทบจากระเบิด หลังจากเหตุการณ์นั้น เราจัดการกับที่เกิดเหตุและพบว่ามันมีคำพูดที่แสดงความเกลียดชังที่มีต่อเถาหยางถูกเขียนด้วยเลือด แต่ฉันขอไม่พูดให้คุณฟังแล้วกัน เพราะนี่มันก็เลวร้ายมากอยู่แล้ว”

“ในตอนเช้า เผยตงส่งคนไปเก็บชิ้นส่วนของร่างกาย และการตรวจสอบพบว่าเป็นอู๋เฟยฉือที่หายไปจริง ๆ”

ซูเถาต้องการถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่จู่ ๆ คุณย่าเฉินก็ยื่นเครื่องสื่อสารให้เธอ

“เขาขอคุยกับหนู น้ำเสียงดูไม่ค่อยดี ใจเย็น ๆ นะ อย่าทะเลาะกัน”

คนหนุ่มสาวเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ซูเถารับมาพยายามคิดหาทางว่าจะทำยังไงให้มันไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่

จู่ ๆ อีกฝ่ายก็พูดว่า “ผมกังวลและเป็นห่วงมาก แต่คุณบอกว่าคุณสบายดี ผมไม่อยากจะเชื่อเลย”

ซูเถาปวดหัวตุบ และกำลังจะถามว่าจะให้เธอพิสูจน์อย่างไร จู่ ๆ บรรยากาศในห้องผู้ป่วยก็แปรปรวนอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นก็มีมือทั้งสองข้างพลันปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า และฉีกช่องว่างในอากาศที่มองไม่เห็น

ฝ่าห้วงมิติออกมาท่ามกลางแสงสว่างนั้น ชายผู้หนึ่งซึ่งสวมเครื่องแบบทหารเปื้อนเลือดปรากฏตัวต่อหน้าเธอ

ซูเถาตัวแข็งอยู่กับที่ราวกับว่ามีบางอย่างหยั่งรากและแตกหน่อในใจของเธอ