บทที่ 17 เปลี่ยนชื่อซะ เจ้าไม่คู่ควร
เย่จายซิงกวาดตามองอย่างไม่ได้ตั้งใจนัก จากนั้นจึงเลือกสาวใช้ที่สวยที่สุดในนั้นมาหนึ่งคน
“เอาเจ้าก็แล้วกัน เจ้ามีชื่อแซ่ว่าอะไร”
“บ่าวมีชื่อว่าซิ่งเอ๋อร์ ซิ่งที่มาจากคำว่าผลซิ่งเจ้าค่ะ”
สาวใช้ที่มีนามว่าซิ่งเอ๋อร์ตอบอย่างดีใจ ดวงตาของนางสว่างวาบวิบไหว
พ่อบ้านไม่ได้กล่าวอะไร ก่อนจะถอยออกไปเงียบๆ
เย่จายซิงชินกับการอยู่คนเดียวไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องมีคนคอยรับใช้ จึงได้แต่สั่งให้สาวใช้คอยเอาขนมมาให้ แล้วให้พวกนางไปทำงานที่พวกนางควรทำ
นางปิดประตูแล้วเข้าไปในโซนต่อ จากนั้นจึงอ่านหนังสือยาอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ
หลังจากที่โซนยกระดับขึ้นแล้ว ทำให้มีวิชาและหนังสือยาเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย นางไม่สามารถฝึกตนได้จึงได้แต่พยายามเรียนรู้ความรู้จากหนังสือยาไปให้มากที่สุด
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว หลังจากที่นางรู้สึกเหนื่อยก็หลับไปในโซนหนึ่งตื่นแล้วตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าสดชื่น
“พระชายา ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ บ่าวจะดูแลเรื่องการอาบน้ำให้นะเพคะ”
เสียงของสาวใช้นามว่าซิ่งเอ๋อร์ดังเข้ามาจากด้านนอก
เย่จายซิงออกมาจากโซนแล้วเปิดประตูออก
“เข้ามาสิ”
สาวใช้สองสามคนหิ้วน้ำเข้ามาเพื่อช่วยเย่จายซิงอาบน้ำ เมื่อเห็นท่าทางไม่รีบร้อนของนาง สาวใช้ซิ่งเอ๋อร์ก็รีบเอ่ยเร่งอยู่อย่างใกล้ชิด “พระชายารีบหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ท่านอ๋องมารอพระชายาที่โรงเตี๊ยมแล้ว แล้วสั่งให้พระชายาลงไปกินอาหารเช้าด้วยกัน อย่าทำให้ท่านอ๋องต้องรอนานเลยเจ้าคะ”
เย่จายซิงกวาดตามองนางแล้วอมยิ้มเล็กน้อยแต่ยังไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากค่อยๆ อาบน้ำอย่างไม่รีบร้อนเสร็จแล้ว ก็ไปนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อให้ซิ่งเอ๋อร์ทำผมให้นาง
ดูท่าซิ่งเอ๋อร์จะร้อนใจมากจึงรีบทำผมให้นางส่งๆ แล้วตั้งใจใช้ปิ่นปักผมแบบที่ธรรมดาที่สุด
ส่วนตัวนางเองกลับทำผมมาอย่างตั้งใจ แถมยังตื่นมาแต่งหน้าแต่เช้าอย่างประณีต
“พระชายา ไปกันเถิดเจ้าค่ะ”
ซิ่งเอ๋อร์รีบร้อนกล่าวขึ้น
“เจ้าเองก็ไปด้วยหรือ”
เย่จายซิงลุกขึ้นอย่างไร้ท่าทีใดๆ แล้วตั้งใจเอ่ยถามซิ่งเอ๋อร์
หัวใจของซิ่งเอ๋อร์เต้นแรง นางคิดว่าเย่จายซิงจะไม่ให้นางไปเสียแล้วจึงรีบตอบไปว่า “พระชายาเพคะ บ่าวไม่ใช่สาวใช้ติดตัวของพระชายาหรือ แน่นอนว่าบ่าวต้องไปด้วยสิเจ้าคะ”
เย่จายซิงมองนางเงียบๆ และในขณะที่ซิ่งเอ๋อร์กำลังร้อนรนว่าเย่จายซิงจะให้ตนไปหรือไม่นั้น นางก็เดินไปข้างหน้าแล้วก็หันมาเรียกตนให้เดินตามไป
ซิ่งเอ๋อร์ถอนใจยาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เบื้องลึกในแววตาของนางกลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ
นางรู้สึกว่าเย่จายซิงจะต้องอิจฉาที่นางหน้าตาสวยกว่า ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกระแวงขึ้นมา
ในเมืองหลวงแห่งนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าคุณหนูสี่เย่คือยัยซื่อบื้ออัปลักษณ์ ไม่รู้ว่าอ๋องเซ่อเจิ้งสายตาผิดปกติหรืออย่างไรถึงได้นำตัวเย่จายซิงกลับมา
เมื่อวานตอนที่นางได้ยินพ่อบ้านให้สาวใช้ทุกคนเรียกเย่จายซิงว่าพระชายา ตอนนั้นนางตกใจมากจนแทบกัดลิ้นตัวเองขาด
จากนั้นในใจของนางจึงเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เย่จายซิงเป็นหญิงอัปลักษณ์ จะเหมาะสมกับตำแหน่งอ๋องเซ่อเจิ้งที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในราชสำนักได้อย่างไร
หน้าตารูปร่างของนางดีกว่าเย่จายซิงไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า นอกจากเรื่องชาติตระกูลแล้ว มีตรงไหนบ้างที่นางด้อยกว่าเย่จายซิง
เย่จายซิงมีสิทธิ์อะไรถึงได้เป็นพระชายา?
ดังนั้นนางจึงคิดแผนการบางอย่างขึ้นมา ข่าวลือที่ว่าอ๋องเซ่อเจิ้งไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีคงไม่เป็นความจริง เพราะท่านอ๋องชอบได้แม้กระทั่งเย่จายซิง แล้วจะไม่ชอบนางได้อย่างไร?
นางจึงตื่นแต่เช้าขึ้นมาแต่งหน้าทำผมให้สวย หากอ๋องเซ่อเจิ้งมาที่โรงเตี๊ยมเมื่อไหร่ เขาจะต้องเห็นนางเป็นคนแรกอย่างแน่นอน จากนั้นจะต้องตกตะลึงในรูปโฉมของนาง
เย่จายซิงไม่สนใจความคิดของนางสักนิด แต่กลับอยากรอดูเรื่องสนุกๆ ด้วยซ้ำไป
ไม่นานนักพวกนางก็ลงไปถึงห้องอาหารชั้นล่างของโรงเตี๊ยม จวินหยวนและยังมีน้องชายแสนน่ารักของนางได้มาถึงแล้ว แต่ที่นางคาดไม่ถึงก็คือลั่วกูหยุนก็มามีส่วนร่วมที่โรงเตี๊ยมด้วย
เมื่อเห็นนางลงมา สายตาของทุกคนก็จับจ้องมายังนาง
และไม่มีใครหันมาสนใจซิ่งเอ๋อร์ สาวใช้ที่ตามมาด้านหลังด้วยเลย
“แม่เจ้า ทำไมเจ้าถึงขาวขึ้นได้มากขนาดนี้?! หรือว่าในมือของเจ้ามียาดีอีกแล้ว”
ลั่วกูหยุนมองปราดเดียวก็ดูออกแล้วว่าผิวของนางขาวขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่ได้ขาวจนเปล่งประกายออกมา แต่หากเทียบกับผิวเมื่อช่วงก่อนหน้าแล้วถือว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว
เย่ยู่หยางลุกขึ้นยืนและเดินกะเผลกเข้ามา เพื่อลากนางไปนั่งด้านข้างของเขา
ด้านข้างจวินหยวนยังมีที่นั่งว่างอยู่ เดิมทีตั้งใจเว้นไว้ให้เย่จายซิงนั่ง แต่เย่ยู่หยางไม่เปิดโอกาสให้เขา เดินเข้าไปลากพี่สาวมานั่งข้างกายตนเองเสียก่อน
อ๋องเซ่อเจิ้งผู้ยิ่งใหญ่คงไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องตำแหน่งที่นั่งกับเขากระมัง
“มานี่”
แต่ใครเลยจะรู้ ขณะเย่ยู่หยางพาพี่สาวของตัวเองนั่งลง ทางด้านจวินหยวนกลับส่งเสียงขึ้นอย่างวางอำนาจ
พ่อบ้านจึงรีบกล่าวกับเย่จายซิงว่า “พระชายา ตรงนั้นต่างหากคือที่นั่งสำหรับพระชายะขอรับ”
“นั่งตรงไหนก็เหมือนกันแหละ ข้านั่งตรงนี้ก็แล้วกันนะเจ้าคะ”
เย่จายซิงกล่าว นางไม่อยากไป เอาอะไรมาสั่งการนาง เห็นนางเป็นคนไร้กระดูกอย่างนั้นหรือ
“จริงหรือ เช่นนั้นยาสมุนไพรที่เจ้าเอาไปก่อนหน้านี้ ข้าจะให้พ่อบ้านไปคิดเงินกับเจ้าก็แล้วกัน ในนั้นแค่โสมจื่อเหลยธรรมดาก็มูลค่าสามหมื่นตำลึงแล้ว”
จวินหยวนกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“น้องชาย พี่ไปนั่งตรงนั้นน่าจะคีบอาหารได้ง่ายกว่าหน่อย พี่ไปนั่งตรงนั้นก็แล้วกัน”
นางยิ้มตาหยีพลางลุกขึ้นยืน พลางเดินสองสามก้าวไปนั่งด้านข้างจวินหยวนด้วยสีหน้ายินดี
ศักดิ์ศรีคืออะไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญสักนิด
มูลค่าของยาสมุนไพรที่นางนำไปมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสามหมื่น แถมยาส่วนหนึ่งนางยังใช้ไปแล้วด้วย
ลั่วกูหยุนและเย่ยู่หยาง : ……
อาหารเช้าในโรงเตี๊ยมมีหลากหลายชนิด ส่วนเย่จายซิงก็หิวเสียจนท้องร้องเสียงดัง หลังจากที่จวินหยวนเริ่มลงมือทานอาหารแล้ว นางก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างหิวโหย
นางกินอาหารอย่างมีมารยาท แม้ว่าจะกินอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงดูดี ทั้งยังทำให้ผู้อื่นมีความอยากอาหารมากขึ้นด้วย
พ่อบ้านค้นพบว่าท่านอ๋องของตนเองกินข้าวต้มเข้าไปถึงสองชามอย่างที่เขาไม่เคยกินมาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปเหลือบมองเย่จายซิง
เย่จายซิงกินอิ่มอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังตนค่อยๆ เหลือบมองจวินหยวน นางก็เช็ดปากด้วยท่วงทาสง่างามแล้วเอ่ยว่า “เสด็จอา ทำไมท่านถึงกินเพียงข้าวต้มล่ะเจ้าคะ ซิ่งเอ๋อร์ เจ้าไปคีบกับข้าวให้ท่านอาหน่อยเถิด”
ซิ่งเอ๋อร์แอบมองอ๋องเซ่อเจิ้งอยู่ตลอดเวลา นางไม่คิดเลยว่าตนเองอุตส่าห์เตรียมตัวมาดีขนาดนี้ พยายามส่งสายตาให้แล้ว แต่อ๋องเซ่อเจิ้งกลับไม่แม้แต่จะหันมามองนางเลยสักครั้งเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ เย่จายซิงจะให้โอกาสนาง ให้นางได้มีโอกาสแสดงฝีมือ!
นางรีบพยักหน้ารับอย่างเขินอาย แล้วค่อยๆ เงยหน้าด้านที่นางคิดว่าดูดีที่สุดขึ้นไปมองจวินหยวน
อ๋องเซ่อเจิ้งเองก็หันมามองนางเช่นกัน นางดีใจอย่างยิ่ง คิดว่าทุกอย่างอยู่ในมือของนางแล้ว แต่กลับได้ยินอ๋องเซ่อเจิ้งถามนางว่า “เจ้าชื่อซิ่งเอ๋อร์?”
“เจ้าค่ะ บ่าวชื่อซิ่งเอ๋อร์ ซิ่งที่มาจากคำว่าฝนยามวสันต์”
ซิ่งเอ๋อร์หันไปมองจวินหยวนด้วยท่าทางเขินอาย
เอ่อ เมื่อวานยังบอกว่าชื่อว่าจากคำว่าผลซิ่งอยู่เลย วันนี้เปลี่ยนเป็นคำว่าฝนยามวสันต์เสียแล้ว ใช้ได้จริงๆ
เย่จายซิงเชิดหน้าขึ้นเพื่อรอดูละครสนุกๆ
“เปลี่ยนชื่อเสีย เจ้าไม่คู่ควร”
แต่กลายเป็นว่าจู่ๆ จวินหยวนก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา คำพูดนี้ทำให้หัวใจของซิ่งเอ๋อร์หนาวสะท้าน นางอ้าปากค้าง
เย่จายซิงเองก็ตะลึงเช่นกัน นางคิดว่าจวินหยวนจะชอบซิ่งเอ๋อร์ขึ้นมาเสียแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าความสนใจของเขาจะไปอยู่ที่ชื่อ!
ลูกผู้ชายตัวจริง!
ซิ่ง กับ ซิง……สุดท้ายนางก็เข้าใจขึ้นมา จู่ๆ ก็เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของเขา
เขาคือคนจริง!
ทำอย่างไรดี นางรู้สึกอยากจะขำเสียให้ได้
“เอ่อ เปลี่ยนชื่อเถิด หมอเทวดาจะช่วยเจ้าเปลี่ยนชื่อเอง เห็นเจ้าแต่งตัวสดใสเช่นนี้ อย่างนั้นก็……ชื่อว่าเจ้าแดงเป็นอย่างไร!”
ลั่วกูหยุนหัวเราะคิกคัก
ซิ่งเอ๋อร์หน้าขาวซีด
เย่ยู่หยางกำลังกินน้ำอยู่พอดี เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ เขาก็พ่นน้ำในปากใส่หน้าของลั่วกูหยุน
“ขอโทษๆ ข้า……ไม่ได้ตั้งใจ……”
เมื่อเห็นแววตาไร้พิษสงของเย่ยู่หยาง ลั่วกูหยุนจึงเช็ดน้ำที่เลอะใบหน้าของตน พลางกล้ำกลืนคำหยาบคายที่อยู่ในใจลงไป ขอโทษก็ขอโทษ ไม่ต้องมาทำกะพริบตาปริบๆ ไร้เดียงสาแบบนี้