ตอนที่ 57

My Disciples Are All Villains

จ้าวยู่เป็นลูกศิษย์ที่ทำภารกิจเสร็จแล้วไม่ยอมกลับมาหาลู่โจว ลู่โจวในตอนนี้จึงได้แต่สงสัยเท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวยู่กันแน่ ส่วนเหตุผลที่ทำให้เธอต้องละทิ้งภูเขาทองไปคงจะเป็นเหตุผลที่แตกต่างจากของยี่เทียนซิน, ยู่เฉิงไห่ และยู่ฉางตงอย่างแน่นอน

“ศิษย์พี่จ้าวยู่อยู่ที่มณฑลยู่” หยวนเอ๋อพูดออกมาในระหว่างที่นั่งลงบนเก้าอี้ เธอรินน้ำให้กับตัวเองก่อนที่จะจิบอย่างช้าๆ หลังจากนั้นหยวนเอ๋อก็ได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพูดต่อไป “ศิษย์ได้ยินเรื่องเคล็ดวิชาหยกเจิดจรัสมาด้วย”

ลู่โจวไม่เข้าใจเลย พวกชาวออร์โธดอกซ์กับสำนักที่ชั่วร้ายต่างก็จ้องที่จะโจมตีกันและกันมาโดยตลอด ทำไมตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกลับมารวมตัวกัน? หรือว่าทั้งสองฝ่ายกำลังจะทำสงครามกัน?

ตอนนี้ลู่โจวได้ใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดจนหมดไม่เหลือแล้ว ถ้าหากตัวเขาตกหลุมพรางอีกครั้ง ตัวเขาจะต้องเสร็จอย่างแน่นอน

ลู่โจวในตอนนี้ได้แต่พยายามหาแต้มบุญต่อไป ตัวเขาเหลือบมองไปที่เมนูภารกิจจากระบบ ดูเหมือนว่าจะมีภารกิจใหม่ปรากฏขึ้น: นำตัวจ้าวยู่กลับมา

“แล้วเจ้าได้ยินอะไรมากอีกไหม? “

“มีบางคนบอกว่าศิษย์พี่หญิงจะแต่งงาน บ้างก็บอกว่าเธอจะไปเป็นพระธิดา…”

เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่โจวก็หยุดชะงักไปในทันที

วรยุทธของจ้าวยู่ในตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นเคล็ดวิชาที่เกี่ยวกับเคล็ดวิชาหยกเจิดจรัสทั้งหมด คำว่าหยกในเคล็ดวิชาหมายถึงแก่นแท้ของโลกสวรรค์และโลกมนุษย์ มันเป็นผลผลิตจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ถ้าหากเธอสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกเจิดจรัสถึงขั้นสุดยอดได้ อารมณ์และจิตใจของเธอก็จะไม่สามารถถูกรบกวนได้อีกต่อไป เธอจะไม่รู้สึกหลงระเริงในเรื่องใดๆ ทั้งนั้น

“แล้วมีเหตุผลอะไรกัน? ” ลู่โจวได้ถามออกไป

หยวนเอ๋อได้ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับมาด้วยความงงงวย “ข้าได้ยินมาว่าจะมีการจัดพิธีใหญ่อยู่ที่แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ในมณฑลยู่”

“พิธีใหญ่อย่างงั้นหรอ? “

“ดูเหมือนว่าวิหารปีศาจเองจะส่งคนเข้าร่วมพิธีด้วย” หยวนเอ๋อพูดเสริมออกมา ในระหว่างนั้นเธอกำลังเฝ้าสังเกตสีหน้าของลู่โจวตลอดเวลา “ท่านอาจารย์ ทำไมไม่ให้ศิษย์ไปล่ะ? ศิษย์จะพาศิษย์พี่หญิงกลับมาเอง เมื่อศิษย์เห็นคนจากวิหารปีศาจเมื่อไหร่ศิษย์จะฆ่าเจ้าพวกนั้นให้กับท่านเอง! “

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ใช้มือข้างเดิมเคาะไปที่หัวของหยวนเอ๋อ “อย่าสร้างปัญหาไม่เข้าเรื่อง! ข้าน่ะไม่ได้สนใจอะไรวิหารปีศาจนั่นหรอก เจ้าสำนักวิหารปีศาจเป็นเพียงยอดฝีมือระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 7 กลีบ เจ้าน่ะเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ลำพังเจ้าจะไปสู้อะไรกับเจ้าพวกนั้นได้กัน? “

“ก็จริง…” หยวนเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วย

ลู่โจวพยายามค้นหาความทรงจำของเขา ตัวเขาได้คิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะถามออกมาอีกครั้ง “นอกจากวิหารปีศาจแล้วจะมีสำนักอะไรอีกกัน? “

“สำนักเที่ยงธรรมและสำนักบริสุทธิ์เองก็ดูเหมือนจะไปด้วยค่ะ! “

“พาฝางซงมาหาข้า ข้ามีเรื่องอะไรอยากจะถามเจ้านั่นสักหน่อย”

“ท่านอาจารย์อยากรู้อะไรถามศิษย์ได้เลย” หยวนเอ๋อได้ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ

“ไปซะ” ลู่โจวขึ้นเสียงเล็กน้อย

“ค่ะ! “

หยวนเอ๋อตัวน้อยได้วิ่งจากไปพร้อมกับเม้มริมฝีปากของเธอเอาไว้ ไม่นานมากนักเธอก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับฝางซง ฝางซงในตอนนี้ดูไม่ค่อยสบายดีเท่าไหร่นัก ที่ใบหน้าของเขาเองก็มีรอยฟกช้ำอยู่อีกมาก

“สวัสดีครับนายท่าน” ฝางซงได้กำหมัดไว้ที่หน้าอกก่อนที่จะโค้งคำนับให้อย่างสุภาพ

ลู่โจวที่ได้เหลือบมองใบหน้าของเขาได้ถามออกไปในทันที “เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเจ้ากัน? “

“บนภูเขาทองมีสถานที่ที่สูงชันเยอะจนเกินไป ข้าบังเอิญพลัดตกมาก…” ฝางซงได้อธิบายอย่างเร่งรีบ

ลู่โจวไม่ได้สนใจว่าชายคนนี้จะได้รับบาดเจ็บมาจากที่ไหน “เจ้าน่ะมาจากสำนักบริสุทธิ์อย่างงั้นสินะ? เจ้าน่ะรู้อะไรเกี่ยวกับพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่จะถูกจัดขึ้นที่แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ไหม? “

ฝางซงที่ได้ฟังแบบนั้นได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับในทันที “ข้ารู้จักดี แต่เรื่องมันก็ยาวยากที่จะเล่าออกมาได้”

“เจ้าก็พูดให้มันสั้นๆ ได้ใจความซะสิ เร็วเข้า พูดออกมาซะ! ” หยวนเอ๋อที่ได้ฟังรีบพูดตัดบทในทันที

“…”

ฝางซงที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับตัวสั่นไปทั้งตัว หลังจากที่ได้รับแรงกระตุ้นมาจากหยวนเอ๋อเขาก็รีบพูดต่อไปในทันที “ตั้งแต่ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถขับไล่เผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวไปยังหลงเป่ยและหลงซีได้ สำนักฝ่ายธรรมะและสำนักฝ่ายอธรรมเองต่างก็ห้ำหั่นมาโดยตลอด ทุกๆ การห้ำหั่นกันจะทำให้มีผู้บริสุทธิ์จะต้องตายนับไม่ถ้วนอยู่เสมอ และเพราะบรรเทาความขัดแย้งที่มี สำนักเล็กๆ บางสำนักจึงตัดสินใจที่จะจัดตั้งพิธีใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มา พิธีการนี้มีไว้เพื่อบรรเทาความขัดแย้งระหว่างสำนักอื่นๆ และนอกจากนี้มันยังเป็นพิธีที่เปิดโอกาสให้กับสำนักต่างๆ ได้ผูกสัมพันธไมตรีกัน”

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดกลับ “แล้วเจ้ารู้ไหมว่าสำนักบริสุทธิ์กำลังจะจัดพิธีที่ยิ่งใหญ่อยู่ที่มณฑลยู่น่ะ? “

ทันทีที่ได้ยินฝางซงก็แสดงท่าทีตกใจออกมาในทันที

“ข้า…ข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ข้าได้ออกจากสำนักบริสุทธิ์มานานกว่า 3 ปีแล้ว สำนักบริสุทธิ์เดิมทีถือเป็นสำนักฝ่ายธรรมะโดยชอบธรรม และเพราะแบบนั้นข้าเลยไม่คิดว่าความขัดแย้งระหว่างสำนักฝ่ายอธรรมจะสามารถยุติได้ด้วยพิธีกรรมเล็กๆ น้อยๆ ครั้งนี้ได้”

ลู่โจวในตอนนี้เข้าใจทุกอย่างคร่าวๆ แล้ว “ว่ากันว่าจะมีพระธิดาที่จะคอยทำหน้าที่เชื่อมสะพานความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างงั้นสินะ? “

“ใช่ มันเป็นความจริงทั้งหมด พระธิดาที่ถูกแต่งตั้งขึ้นจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น…”

ไม่ว่าหยวนเอ๋อจะเป็นเด็กน้อยที่ใสซื่อมากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นเธอก็เข้าใจความหมายของพิธีกรรมในครั้งนี้ทั้งหมดแล้ว เธอเบิกตากว้างก่อนที่จะพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าคนทรยศ! ศิษย์พี่ทำแบบนั้นได้ยังไงกัน! “

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นไม่มีคำถามอะไรที่จะถามฝางซงอีกต่อไป เขาจึงโบกมือให้ก่อนที่จะพูดกับฝางซงออกมา “เจ้าน่ะไปได้แล้ว”

“ท่านผู้อาวุโส…” ฝางซงในตอนนี้ยังไม่ได้ไปไหน เขามีเรื่องที่อยากจะพูดซะก่อน แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็รู้สึกลังเลจนเกินกว่าที่จะพูด

“เจ้าต้องการอะไรกัน? “

“ได้โปรดสอนเคล็ดวิชาหยางทั้งหกให้กับข้าด้วย…” ฝางซงย่อตัวคุกเข่าลงอย่างมุ่งมั่น

ก่อนที่ลู่โจวจะได้ตอบอะไร ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้พูดตอบกลับมาก่อนแล้ว “เจ้ากล้าดียังไงมาสร้างปัญหาให้กับท่านอาจารย์ด้วยเรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้กัน! “

“ฮะ? “

“เจ้าก็ไปหาเคล็ดวิชานั่นด้วยตัวของเจ้าเองที่ห้องสมุดฝั่งตะวันตกศาลาปีศาจลอยฟ้าซะสิ” หยวนเอ๋อพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

ฝางซงที่ได้ฟังแบบนั้นตัวเขาก็รู้สึกผิดเข้า เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าปรมาจารย์มหา

หลังจากที่หยวนเอ๋อพูดจบลู่โจวก็ได้โบกมือให้กับฝางซงไป

เดิมทีจีเทียนเด๋าได้ต่อสู้เพื่อหาเคล็ดวิชาต่างๆ ภายในโลกยุทธภพมาเก็บรวบรวมเอาไว้เป็นส่วนมากแล้ว แน่นอนว่าเคล็ดวิชามันมีมากกว่าที่ตัวเขาจะเก็บไว้ได้

หลังจากที่ฝางซงจากไป ลู่โจวก็ได้ครุ่นคิดถึงวิธีการพาตัวจ้าวยู่กลับมา แต่ถึงแบบนั้นในตอนนี้ก็มีสิ่งที่เขาควรจะเรียนรู้ให้ได้ซะก่อน ลู่โจวเดาว่าจ้าวยู่จะต้องถูกบังคับให้เป็นพระธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างแน่นอน สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นเพียงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในพิธีใหญ่ก็เท่านั้น

แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปได้ล่ะ? ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้เดินเข้ามาในศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาสังเกตเห็นสีหน้าของลู่โจวในตอนนี้กำลังเหม่อลอยไร้อารมณ์ สีหน้าของท่านอาจารย์ในตอนนี้ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

“ท่านอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องที่จะรายงานท่าน”

“พูดมาสิ”

“เจ้าคนทรยศสีวู่หยาได้ส่งจดหมายมาให้กับท่านอาจารย์ครับ” หมิงซี่หยินถือจดหมายฉบับนั้นก่อนที่จะส่งให้กับลู่โจวทั้งสองมือด้วยความเคารพ

‘ลูกศิษย์คนที่เจ็ด? ตั้งแต่ที่ฉันได้มาอยู่ในภูเขาทอง ฉันก็ไม่เคยเห็นลูกศิษย์คนนี้ติดต่ออะไรกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเลย แล้วทำไมตอนนี้เขากลับกล้ากัน? เจ้านี่เป็นคนทรยศโดยสมบูรณ์แบบจริงๆ’ ลู่โจวได้ใช้ความคิดอยู่คนเดียวระหว่างที่คลี่จดหมายออกมา

‘นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว! ‘ เรื่องจดหมายบังเอิญกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับจ้าวยู่มากจนเกินไป

“ท่านอาจารย์ จดหมายว่ายังไงบ้างคะ? ” หยวนเอ๋อถามออกมาอย่างร้อนรน

หลังจากที่อ่านจดหมายจบ ลู่โจวก็ได้ยกมือขึ้นก่อนที่จะปล่อยจดหมายลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้รีบหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในระหว่างที่อ่านเองเขาก็ดูประหลาดใจพร้อมกับขมวดคิ้วเช่นกัน

“ศิษย์น้องเจ็ดน่ะไม่ได้คิดที่จะส่งข่าวเท็จให้กับเราแน่…” หมิงซี่หยินได้วิเคราะห์ต่อไป “ท่านอาจารย์ถ้าหากนี่เป็นความจริง ข้ากลัวว่าศิษย์น้องจ้าวยู่จะไม่สามารถเอาตัวรอดจากชะตากรรมในครั้งนี้ได้”

ลู่โจวเหลือบมองไปที่หมิงซี่หยินอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าน่ะ คิดว่าพวกเราควรทำยังไง? “

แม้ว่าความคิดของหมิงซี่หยินจะดูแปลกไปบ้าง แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็สามารถใช้ความคิดพวกนี้ได้นานๆ ครั้ง หมิงซี่หยินได้ใช้เวลาครุ่นคิดไปพักหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมา “เมื่อเหล่าฝูงลูกแกะทะเลาะกันเอง ฝ่ายหมาป่าก็มีโอกาสที่จะขย้ำพวกนั้นมากขึ้น เนื่องจากระหว่างทั้งสองฝ่ายต้องการที่จะคืนดีกัน ดังนั้นนี่ถือเป็นโอกาสดี มันเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้พวกเขาทะเลาะขัดแย้งกันมากกว่าเดิม”

เมื่อพูดจบหมิงซี่หยินก็ได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ไม่จำเป็นจะต้องลงมือด้วยตัวเองเลย นี่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ศิษย์ขออาสาที่จะทำงานนี้เอง ศิษย์สัญญาว่าจะพาศิษย์น้องเจ้ายู่กลับมาให้ได้”

‘ท่านอาจารย์จะต้องให้ข้าไปจัดการแน่! ‘ หมิงซี่หยินคิดอย่างมั่นใจระหว่างที่ก้มหน้ารอฟังคำตอบอยู่

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้โบกมือปฏิเสธไป “เจ้าน่ะจะได้ไปไตร่ตรองตัวเองในถ้ำแห่งเงาสะท้อนเป็นเวลา 3 วัน”

“…”

‘ติ้ง! คุณได้สั่งสอนหมิงซี่หยิน คุณได้รับรางวัล 100 แต้มบุญ’