ตอนที่ 148 ไม่ใช่พันธนาการ

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 148 – ไม่ใช่พันธนาการ

 

“ประหลาด พฤติกรรมทำท่าปาดคอท้าทายประเภทนี้ไม่เข้ากับนิสัยระมัดระวังของเธอเลยนะ มีจุดประสงค์อะไรเหรอ”

ในป่าไม้ ชิ่งเฉินกับหลี่ซูถงมารวมตัวกัน คนหลังถามอย่างอยากรู้อยู่บ้าง

ชิ่งเฉินอธิบายว่า “ผมกังวลว่าพวกเขาจะหนี ถ้าเผื่อความแค้นไม่แรงพอ พวกเขาไม่มาไล่ล่าผม งั้นแผนของผมอาจจะทำไม่ได้”

“อ้อ” หลี่ซูถงพยักหน้า “พูดได้มีเหตุผล”

ตอนที่ศิษย์อาจารย์สองคนนี้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กัน บรรยากาศผ่อนคลายลงไปมากทันที อย่างกับว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ต้องห้ามอะไรเลย ทว่าเป็นป่าไม้ธรรมดาผืนหนึ่ง

“จริงสิท่านอาจารย์” ชิ่งเฉินถาม “ชาวป่ากลุ่มนั้นเข้ามาแล้วเหรอครับ”

“มีแค่สระอัคคีที่เข้ามา ดูจากเส้นทางของพวกเขาก่อนหน้านี้คือกำลังตรงดิ่งไปที่ชั้นในสถานที่ต้องห้าม ฉันรู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าที่พวกเขาจู่ ๆ ปรากฏตัวแถว ๆ ภาคกลาง* มีความเป็นไปได้มากว่าพุ่งเป้ามาที่ชิ่งไฮวเหมือนกัน” หลี่ซูถงกล่าว

“พุ่งเป้ามาที่ชิ่งไฮวเหรอครับ” ชิ่งเฉินฉงน

“แน่นอน ในสังเวียนแห่งเงาไม่ได้มีแค่เธอที่อยากฆ่าเขานะ” หลี่ซูถงอธิบาย “อาจจะมีคนตระกูลชิ่งที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับสระอัคคี ให้พวกเขามาช่วยกำจัดชิ่งไฮว แน่นอนว่านี่ถึงจะปกติ มีแค่เธอกับชิ่งไฮวสู้กันไปสู้กันมากลับจะไม่คล้ายสังเวียนแห่งเงาแล้ว”

“สหพันธรัฐกับชาวป่าก็มีความเกี่ยวข้องกันด้วยเหรอครับ” ชิ่งเฉินไม่เข้าใจ

“แน่นอนว่ามีความเกี่ยวข้อง ขอแค่มีผลประโยชน์ขับเคลื่อน เรื่องประหลาดอะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้” หลี่ซูถงอธิบาย

ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ซูถงแล้วถามว่า “ก่อนหน้านี้ที่ผู้อาวุโสสระอัคคีคนนั้นพูด รางวัลของเทพเจ้าหมายความว่าอะไรครับ ผมฟังน้ำเสียงของเขาอย่างกับว่ามีผลประโยชน์จริง ๆ เทพเจ้ามีตัวตนจริง ๆ เหรอครับ”

หลี่ซูถงมองชิ่งเฉินแวบหนึ่ง “เทพเจ้าประทานรางวัลเขายังไง นั่นเป็นเรื่องของเทพเจ้าเขา สิ่งที่เธอทำได้คือ วันหลังถ้าเขาอยากฆ่าเธอแลกกับรางวัล เธอก็ส่งเขาไปพบเทพเจ้า…… แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของฉันกับสระอัคคีที่จริงแล้วยังไม่เลว”

ชิ่งเฉิน “……”

เวลานี้ หลี่ซูถงก็ล้วงถุงซีลอกมาหนึ่งใบ “เอาไปทำธุระของเธอ แต่จำไว้นะ เธอเปิดไพ่ฉีกถุงซีลไปเองแล้ว ก็ต้องป้องกันไม่ให้ถุงซีลของตัวเองถูกคนหาเจอถึงจะถูก”

“อืม” ชิ่งเฉินไปทำธุระทางร่างกายที่ด้านข้าง

ตอนที่เขาถือถุงซีลกลับมาวางแผนใคร่ครวญว่าจะฝังสิ่งนี้ไว้ที่ไหน

สายตาจู่ ๆ ก็เลื่อนไปบนร่างของครูตัวเอง

หลี่ซูถงขยะแขยงขึ้นมาทันที “เธอไสหัวไปไกล ๆ ให้ฉันเลย ฉันไม่ช่วยเธอเก็บรักษาไอ้นี่หรอก”

ชิ่งเฉินกล่าวอย่างจริงจังว่า “แต่ถุงซีลนี่วางไว้ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยเท่าวางไว้ข้างกายครูนะครับ เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นพ่อทั้งชีวิต ในใจผมเห็นท่านเป็นพ่อ ท่านก็พูดว่าจะทำกับผมเหมือนลูก บนโลกนี้มีพ่อที่ไหนรังเกียจลูกล่ะครับ”

“เธอพูดได้ดีมีเหตุผล” หลี่ซูถงถลึงตา “ตอนนี้ฉันเก็บคำพูดแต่ก่อนที่ว่าจะทำกับเธอเหมือนลูกกลับไปได้ไหมล่ะ”

“เกรงว่าจะไม่ทันแล้วครับ” ชิ่งเฉินกล่าว

หลี่ซูถงถอนหายใจ เขาชี้ไปที่ยอดของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง “โยนขึ้นไป”

ชิ่งเฉินไม่เข้าใจเหตุผล แต่ยังคงทำตาม

เห็นเพียงว่าหลังจากที่ถุงซีลลอยขึ้นกลางอากาศ ในยอดไม้นั้นถึงกับมีกรงเล็บเล็ก ๆ ขนยุ่ง เอื้อมออกมาคว้าถุงซีล

ต่อจากนั้นยอดไม้สั่นไหว สัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ขนยุ่งตัวนั้นอาศัยยอดไม้ปิดบังร่างเหินไปยังชั้นในสถานที่ต้องห้าม ชิ่งเฉินยังเห็นหางสีขาวหิมะของอีกฝ่ายราง ๆ ด้วย

ชิ่งเฉินอยากรู้ “ครูครับ นั่นมันตัวอะไรครับ”

“ภายหลังเธอก็รู้เอง” หลี่ซูถงกล่าว

เด็กหนุ่มมองครูแปลก ๆ จู่ ๆ เขาก็ค้นพบว่า ครูท่านนี้อยู่ในสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 ไม่เพียงครอบครองป้ายละเว้นโทษของกฎอย่างสิ้นเชิง แต่เหมือนจะมีเพื่อนแปลก ๆ มากมายด้วย

นี่ก็คือถิ่นของอัศวินเหรอ

“จริงสิ” หลี่ซูถงกล่าว “เธอต้องระวังเฉาเวยคนนั้นนะ ก็คือคนที่อยู่ข้างกายชิ่งไฮว”

“อ้อ?” ชิ่งเฉินฉงน ครูคนนี้ของตัวเองสืบรายละเอียดทั้งหมดจนกระจ่างแล้วถึงมาฆ่าคนจริง ๆ แม้แต่ชื่อเฉาเวยนี่ยังทราบ

“ฉันอ่านข้อมูลของเฉาเวยคนนี้มาแล้ว จัดการยากกว่าชิ่งไฮวลิบลับเลย เป็นมือดีที่ชำนาญการสู้รบ” หลี่ซูถงอธิบาย “ฉันรู้สึกว่าเด็กนั่นกำลังเก็บตัวรอให้เธอผิดพลาด”

“อืม ขอบคุณครูที่เตือนครับ” ชิ่งเฉินมองหลี่ซูถงแวบหนึ่ง “งั้นผมไปทำต่อเลยนะครับ”

“ไปเถอะ ๆ” หลี่ซูถงโบกมือ

เขามองแผ่นหลังของชิ่งเฉิน จู่ ๆ คิดถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา พ่อแม่กับลูกที่ว่ากันก็คือการมองตามแผ่นหลังของเขาค่อย ๆ เดินไปไกลไปทั้งชีวิตไม่มีหยุด

ตนเองน่าจะเป็นอาจารย์ที่มีคุณสมบัติใช่ไหม

หลี่ซูถงก็เป็นอาจารย์ครั้งแรก ดังนั้นกังวลนิดหน่อยอยู่เสมอว่าตนเองทำได้ไม่ดี

เขาลังเล สุดท้ายยังตัดสินใจเอาแต่ใจสักครั้ง “หรือไม่ให้ครูช่วยเธอฆ่าพวกเขาจริง ๆ เลยเอาไหม ถือว่าเป็นของขวัญที่ครูให้เธอ”

แต่ทว่าในขณะนี้เอง ชิ่งเฉินจู่ ๆ หมุนตัวกลับมามองหลี่ซูถงกล่าวว่า “ครูครับ”

“อืม?” หลี่ซูถงอึ้งไป

“ครั้งนี้ผมบอกว่าจะลองเองก่อน ไม่ใช่เพราะว่าความดื้อรั้นของตัวเอง” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างสงบนิ่ง “เด็กน้อยที่ถูกคนพยุงเดินจะโตช้ากว่าคนอื่นสักหน่อย ผมรู้ว่าครูท่านกำลังจะต้องไปทำเรื่องที่อันตรายมาก ท่านรู้ว่าอันตรายมาก ดังนั้นพาผมไปทำความรู้จักกับหลี่อีนั่ว ให้ผมรู้ว่าวันหลังมีเรื่องยุ่งยากควรจะไปหาใคร แล้วก็พาผมมาฆ่าชิ่งไฮว ช่วยผมกำจัดอุปสรรคบนทางของสังเวียนแห่งเงาหนึ่งอย่าง จากนั้นท่านจะทำทุกวิถีทางช่วยผมปกปิดตัวตน กลัวว่าเรื่องจะลามมาถึงผม”

“ผมกำลังคิดว่า แผนของท่านอาจจะอันตรายมาก ถ้าผมโตเร็วพอ บางทีถึงเวลาก็จะทันช่วยท่านนะครับ”

“ในสายตาท่านความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์นี่อาจจะเป็นพันธนาการต่อผม แต่ว่าผมไม่เคยนึกอย่างนี้เลย” ชิ่งเฉินกล่าว

เด็กหนุ่มยืนอยู่ในป่าไม้อันมืดครึ้ม ถึงเขาจะรู้จักหลี่ซูถงไม่ได้นานมากเลย แล้วก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่เขารู้ว่าใครดีต่อตนเองจากใจจริง

หลี่ซูถงยืนอยู่กับที่ คำพูดเมื่อครู่นี้ของเด็กหนุ่มสะท้อนก้องในสมอง : ถ้าผมโตเร็วพอ บางทีถึงเวลาก็จะทันช่วยท่าน 

มิน่าล่ะเด็กหนุ่มถึงจะกลับไปยังโลกภายในก็ช่วงชิงเวลาฝึกซ้อมทุกวินาที ที่แท้คิดจะแข่งกับเวลา

หลี่ซูถงยิ้มแล้วโบกมือ “พูดอะไรเหลวไหลน่ะ รีบไปเถอะ”

“อืม” ชิ่งเฉินเข้าไปในป่าไม้

……

ในป่าไม้ เฉาเวยกำลังตัดเสื้อผ้าของพลทหารที่ตายลงไปคนหนึ่งด้วยตนเอง ไม่ให้เหลือสักชิ้น

ตอนที่เขาตัดเปิดเสื้อท่อนบนของอีกฝ่าย แมลงหกปีกประหลาด ๆ ตัวหนึ่งจู่ ๆ บินออกมาจากในปกเสื้อที่ตัดออก

เฉาเวยที่ตาไวมือไวขว้างมีดออกจากมือ

ร้อง ‘อยู่’ หนึ่งคำ แมลงหกปีกที่ยาวเท่านิ้วชี้ถูกแทงตายคาพื้น

แมลงหกปีกพวกนั้นตอนปกติจะไม่โจมตีสัตว์ขนาดใหญ่เลย พิษในตัวพวกมันมีไว้ใช้ล่าแมลงตัวอื่น

มีเพียงการละเมิดกฎของสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้จึงจะนำไปสู่การโจมตี

เฉาเวยดึงมีดขึ้นจากพื้นแล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “ไม่ต้องพูดเรื่องผีสางเทวดาอะไรกันเป็นการส่วนตัวเลย สิ่งที่ฆ่าพวกเขาก็คือแมลงหกปีก ไม่ใช่ภูตผีปีศาจ”

ตอนนี้ สีหน้าของเหล่าพลทหารผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เฉาเวยมองชิ่งไฮว “ผู้บัญชาการชิ่งไฮวครับ ผมพาหมู่รบสองหมู่ไปไล่ล่าเขานะครับ”

“ไม่ต้องไล่ล่า” ชิ่งไฮวส่ายหน้าอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการดูแลถุงซีลที่พวกเราเคยทิ้งเอาไว้ให้เหมาะสม บอกเหล่าทหารให้ขุดถุงทั้งหมดขึ้นมา พกไว้กับตัวในเป้เดินทาง การไล่ล่าอย่างบุ่มบ่ามกลับจะถูกอีกฝ่ายล่อเสือออกจากถ้ำเอา”

…………………………………..

*ภาคกลางที่เขาพูดถึงคือคำว่าจงหยวนที่เห็นในนิยายกำลังภายในบ่อย ๆ ค่ะ กำลังสงสัยว่าแปลเป็นจงหยวนไปเลยจะดีกว่ารึเปล่า

จงหยวนก็คืออาณาเขตทางใต้ของตระกูลชิ่ง หลี่ เฉิน ส่วนภาคเหนือคือตระกูลจินไดกับตระกูลลีที่เป็นเกาหลีค่ะ

 

 

ตอนที่ 149 – ไมยราบ