“คนนอกงั้นหรอ?”
 

ไดเอน่าที่ได้ยินคำถามของนากาได้ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเลิกคิ้วพูดถามกลับมาด้วยความแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พอจะคาดเดาได้อยู่บ้างว่าคนนอกที่นากาพูดถึงนั้นน่าจะหมายถึงใครกันแน่

 

“คนนอกที่นากาคุงพูดถึงเนี่ยหมายถึงคนนอกกลุ่มดอว์นหรือว่าคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางโรงเรียนกันล่ะ”

 

“เอ่อ… เอาจริงๆ มันก็ทั้งสองอย่างเลยนั่นแหล่ะ…”

 

“เฮ้อ… แล้วคนสองคนที่นากาคุงอยากจะพาไปด้วยนี่มีความเกี่ยวข้องยังไงกับอาจารย์อารอนล่ะ เพราะถ้าเกิดว่าไม่มีเหตุผลดีๆ ฉันคงจะอนุญาตให้ไม่ได้หรอกนะ”

 

“จะว่าเกี่ยวข้องมั้ยมันก็เกี่ยวอยู่แหล่ะมั้ง… สองคนนั้นก็คือโมโกะกับเด็กอีกคนนึงที่ฉันพามาฝากเอาไว้กับคาร์เทียร์ที่ห้องพยาบาลนั่นล่ะ”

 

นากาที่ถูกไดเอน่าพูดถามขึ้นมาด้วยสายตาดุๆ นั้นได้พูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ้อมๆ แอ้มๆ ซึ่งคำตอบของนากานั้นก็ได้ทำให้อัลเบิร์ตที่ค่อนข้างจะเป็นคนปากไวพูดโพล่งขึ้นมาตรงๆ ในทันที

 

“คนนึงก็เป็นนักเรียนนอกกลุ่ม อีกคนนึงก็ไม่ใช่เด็กนักเรียนซะด้วยซ้ำ นี่พวกนายจะไปตามหาคนหายกันไม่ใช่จะไปเที่ยวนะรู้ตัวมั้ยหะ”

 

“ใจเย็นๆ ก่อนสิจ๊ะอัลเบิร์ตคุง ถ้ายังไงฉันขอฟังเหตุผลของนากาคุงเขาก่อนสิ”

 

“ก็… ถึงฉันจะอยากออกไปตามหาอารอนแต่ฉันก็ยังไม่อยากปล่อยให้โมโกะที่เพิ่งจะเริ่มหายดีไว้ที่นี่คนเดียวน่ะ แล้วฉันก็รับปากเอริกะเอาไว้แล้วว่าจะเป็นคนดูแลอีฟเองจนกว่าจะหาครอบครัวของเธอเจอก็เลย…”

 

นากาที่ถูกไดเอน่าพูดถามเหตุผลขึ้นมานั้นได้พยายามพูดอธิบายสิ่งที่เขาคิดออกไปถึงแม้ว่ามันจะฟังดูเห็นแก่ตัวมากก็ตามที ซึ่งคำพูดของนากานั้นก็ได้ทำให้เรมิเลียที่ยืนฟังอยู่ด้วยกันยกมือขึ้นมาดันแว่นตาที่เธอสวมอยู่และเอ่ยปากพูดความเห็นของเธอขึ้นมาด้วยเช่นกัน

 

“สำหรับเรื่องของโมโกะฉันคิดว่าน่าจะยังพออนุโลมให้ได้นะคะ ส่วนเรื่องอีฟจังนี่ฉันคงจะบอกว่าเห็นด้วยไม่ได้… แต่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านประธา—โอ๊ย—!? หยุดหยิกกันสักทีเถอะค่ะ!”

 

“แหม่~ ถ้างั้นเธอก็อย่าเผลอหลุดปากบ่อยนักสิ… ฮะแฮ่ม— แต่ว่ามันก็ตามที่เรมิเลียจังเขาพูดขึ้นมานั่นแหล่ะจ้ะนากาคุง ว่าพวกฉันคงจะบอกว่าเห็นด้วยได้ไม่เต็มปากสักเท่าไหร่… เพราะงั้นฉันอยากจะให้นากาคุงคิดดูให้ดีๆ ก่อนว่าตัวเองพร้อมจะรับผิดชอบชีวิตของเด็กคนนึงที่คิดจะพาไปด้วยไหวหรือเปล่าน่ะ เพราะอย่าลืมนะว่าพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรระหว่างทางบ้างน่ะ”

 

คำพูดของไดเอน่าได้ทำให้นากานิ่งเงียบไปสักพักใหญ่ๆ เพื่อใช้ความคิด และหลังจากนั้นอีกสักพักหนึ่งนากาก็เงยหน้ากลับขึ้นมาพยักหน้าให้กับไดเอน่าพร้อมกับเอ่ยปากพูดยืนยันขึ้นมา

 

“ฉันคิดดีแล้ว ถ้าเธอไม่ว่าอะไรฉันอยากจะพาสองคนนั้นไปตามหาอารอนด้วย”

 

“เฮ้อ… เข้าใจแล้วล่ะจ้ะ ฉันอนุญาตให้พาสองคนนั้นไปด้วยก็ได้ แต่ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่อยากไปฉันคิดว่านากาคุงคงจะรู้ตัวนะว่าไม่ควรบังคับให้พวกเขาไปด้วยกันน่ะ… แล้วฉันก็ขอบอกเอาไว้ตั้งแต่ตรงนี้เลยนะว่าถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่ออกไปข้างนอกนั่นนากาคุงจะต้องเป็นคนรับผิดชอบด้วยนะเข้าใจมั้ย?”

 

“อื้อ! ขอบใจมากนะไดเอน่า!”

 

“ไม่ต้องขอบใจฉันหรอกจ้ะ แล้วก็อีกอย่างนึงฉันคิดว่านายควรจะไปลองถามคุณเอริกะที่เป็นผู้ปกครองด้วยนะว่าจะอนุญาตหรือเปล่าน่ะ”

 

ไดเอน่าที่ได้ยินคำพูดของนากาได้ยิ้มอ่อนๆ พูดตอบเขากลับไปก่อนที่เธอจะหันกลับไปหาคนอื่นๆ ในหน่วยสำรวจเพื่อพูดแจกแจงงานขึ้นมา

 

“เอาล่ะ… ในเมื่อตกลงกันได้แล้วถ้างั้นก็เอาเป็นว่ากลุ่มที่จะออกไปตามหาอาจารย์อารอนจะมีรีซาน่าจัง นากาคุง แล้วก็โมโกะจังกับอีฟจังอีกสองคนรวมเป็นสี่คนแล้ว เพราะงั้นคนที่เหลืออยู่คงจะต้องเป็นกลุ่มที่สองที่รับหน้าที่หาข้อมูลจากในเมืองแล้วล่ะจ้ะ”

 

“……..”

 

หลังจากที่สิ้นเสียงของไดเอน่าแล้วเธอก็ได้กวาดตามองดูเหล่าสมาชิกหน่วยค้นหาคนหายอีกครั้งหนึ่ง และนั่นก็ทำให้เธอได้พบว่าในบัดนี้ซึบากิที่นิ่งเงียบมาตลอดได้มีสีหน้าที่ดูเหมือนราวกับว่ากำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่างอยู่

 

และนั่นก็ทำให้ไดเอน่านึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องที่ซึบากิมักจะแวะเวียนไปที่ห้องพยาบาลอยู่เสมอทั้งๆ ที่ไม่ได้บาดเจ็บหรือว่าไม่สบายอะไรจนดูเหมือนกับว่าเธอจะสนิทสนมกับอาจารย์อารอนอยู่มากพอสมควร ซึ่งท่าทางหงุดหงิดของอีกฝ่ายนั้นก็คงจะเป็นเพราะว่าเธออยากจะอยู่ในกลุ่มที่หนึ่งที่ได้ออกไปตามหาอาจารย์อารอนด้วยเช่นกันแต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งหรือว่าออกความเห็นอะไรเพราะเกรงใจตัวเธอที่เป็นถึงประธานนักเรียนนั่นเอง

 

แต่ถึงอย่างนั้นไดเอน่าก็กลับไม่คิดที่จะเพิ่มซึบากิเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่หนึ่งด้วย เนื่องจากว่าการส่งนักเรียนของกลุ่มดอว์นออกไปทำภารกิจด้านนอกเมืองนั้นเรียกได้ว่าเป็นเรื่องอันตรายในหลายๆ ความหมายมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันตรายระหว่างการเดินทาง เรื่องศัตรูของพวกเธอที่ไม่รู้ว่ากระจายกำลังครอบคลุมไปถึงไหนแล้วในเวลาป่านนี้ หรือแม้แต่เรื่องที่ว่าทางวังหลวงจะมองเรื่องการส่งนักเรียนออกไปทำภารกิจที่นอกเมืองนี้เป็นเรื่องน่าสงสัยหรือเปล่าเนื่องจากว่านากาที่เป็นตัวตั้งตัวตีในกลุ่มตามหาคนหายนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นคนของเอริกะแทบจะเต็มตัวเสียด้วย

 

ซึ่งความกังวลใจทั้งหมดนั่นก็ทำให้ไดเอน่าตัดสินใจที่จะยิ้มสู้เสือแล้วเอ่ยปากพูดสั่งงานซึบากิขึ้นมาให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสไประบายความรู้สึกกับคาร์เทียร์ที่ดูเหมือนว่าจะสนิทกันดีกับซึบากิแทนโดยไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวได้เอ่ยปากขอเข้าร่วมกับกลุ่มที่หนึ่งเลยแม้แต่น้อย

 

“ถ้างั้นฉันฝากซึบากิจังช่วยไปตามโมโกะจังกับอีฟจังที่ห้องพยาบาลมาให้สักหน่อยจะได้หรือเปล่าจ๊ะ?”

 

“….เข้าใจแล้ว”

 

ซึบากิที่ได้ยินคำขอของไดเอน่าได้พยักหน้าพูดตอบอีกฝ่ายกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ทว่าก่อนที่เธอจะได้ลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อเดินไปยังห้องพยาบาลนั้น อยู่ๆ รีซาน่าที่ดูเหมือนว่าจะมีความกังวลใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เธอจะต้องเดินทางกลับไปที่หมู่บ้านของตัวเองก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่งเสียก่อน

 

“อ่ะ— ถ้าซึบากิจังจะไปที่ห้องพยาบาลฉันขอฝากหยิบแผนที่หมู่บ้านของฉันกลับมาให้หน่อยสิคะ คือถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากจะทิ้งมันเอาไว้ที่ห้องพยาบาลตอนที่อาจารย์อารอนไม่อยู่สักเท่าไหร่… คือแบบว่าถ้าเกิดมีใครไม่รู้หยิบไปมันก็คงจะยุ่งยากนิดหน่อยน่ะค่ะ…”

 

“ก็ถ้าอาจารย์อารอนเขาไม่ได้เอามันติดตัวไปด้วยล่ะนะ…”

 

ซึบากิที่ได้ยินคำขอของรีซาน่าได้พยักหน้าตอบเด็กสาวร่างใหญ่กลับไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะค่อยๆ เดินตรงไปทางห้องพยาบาลพร้อมกับเอ่ยปากพูดบ่นพึมพำออกมาเบาๆ เหมือนกับกำลังคุยกับตัวเองไปด้วย

 

“ให้ตายสิ… ทำไมคุณประธานนักเรียนเขาถึงได้ยอมรับคำขอเสี่ยงๆ ของนากาเขาแบบนั้นกันนะ… ทั้งๆ ที่ที่ในหน่วยที่หนึ่งนั่นมันควรจะเป็นของฉันแท้ๆ …”

 

“………”

 

‘หน่าๆ คุณประธานนักเรียนเขาก็น่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่างนึงถึงได้ยอมรับคำขอของนายนากาคนนั้นไปนั่นแหล่ะ~”

 

ถึงแม้ว่าเมื่อมองจากสายตาของคนอื่นแล้วจะดูเหมือนกับว่าซึบากิเพียงแค่บ่นพึมพำกับตัวเองออกมาตามปกติเหมือนกับที่เธอมักจะทำเป็นประจำก็ตามที แต่ว่าความจริงแล้วในมุมมองของเธอนั้นเธอก็กลับได้ยินเสียงพูดตอบกลับมาจากร่างของเด็กสาวผมสีขาวทรงทวินเทลที่มีเขาสีดำประดับอยู่ข้างศีรษะนามว่า เมย์ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ภายในดาบใหญ่สีม่วงพันโซ่ของเธอ

 

ซึ่งร่างของเมย์ที่มีแต่เธอที่สามารถมองเห็นได้แต่เพียงผู้เดียวนั้นก็ได้โผล่พรวดออกมาจากใบดาบสีม่วงเพื่อเกาะไหล่ของเธอเอาไว้พร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าแบบไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย

 

‘เธอก็เห็นนี่ว่าคุณประธานเขาเหมือนจะรู้ว่าเธออยากจะแทรกตัวเข้าไปในหน่วยที่หนึ่งนั่นขนาดไหนแล้วน่ะ~ แต่ดูเหมือนว่าคุณประธานนักเรียนเขาจะมีเรื่องกลุ้มใจอะไรสักอย่างเกี่ยวกับหน่วยสำรวจอยู่ก็เลยยอมให้เธอเข้าร่วมในกลุ่มที่หนึ่งไม่ได้ยังไงล่ะ’

 

“ก็รู้อยู่แล้วแหล่ะหน่า ถ้าเกิดว่าคุณประธานนักเรียนเขาไม่ทำหน้าแบบนั้นฉันก็โวยวายไปตั้งนานแล้ว… เฮ้อ… ให้ตายสิ แล้วนี่ทำไมเขาถึงเลือกให้ฉันเป็นคนมาที่ห้องพยาบาลนี่ด้วยกันนะ”

 

‘หน่าๆ ฉันก็เห็นว่าเธอสนิทกับคาร์เทียร์เขาจะตายไปนี่ ได้มาเจอหน้ากันเร็วๆ แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ~’

 

“ใครสนิทกับยัยหัวเผือกนั่นกันหะ!! ถ้าเกิดไม่ใช่ว่าฉันรับปากอาจารย์อารอนเอาไว้ว่าจะคอยช่วยดูแลห้องพยาบาลให้นี่ให้ตายฉันก็ไม่มาหรอก!!”

 

ซึบากิที่ได้ยินคำพูดหยอกเย้าของเมย์ได้ขึ้นเสียงตอบเพื่อนวิญญาณของเธอกลับไปเสียงดังจนทำให้เด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ สะดุ้งกันไปเล็กน้อย ซึ่งเมื่อซึบากิรู้ตัวว่าเผลอหลุดเสียงดังออกไปเธอก็รีบเดินตรงดิ่งไปที่ประตูของห้องพยาบาลและเลื่อนเปิดมันออกอย่างรวดเร็วโดยระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงดังแม้แต่เพียงเล็กน้อยถึงแม้ว่าเธอจะกำลังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ก็ตาม เนื่องจากว่าอาจารย์อารอนของเธอเคยพูดย้ำเตือนถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ว่าอย่าส่งเสียงดังในห้องพยาบาลจนรบกวนคนป่วย

 

และนั่นก็ทำให้เธอได้พบเข้ากับโมโกะที่กำลังนั่งหันหลังเข้าหาประตูห้องพยาบาลให้คาร์เทียร์ตรวจดูอาการแผลไฟไหม้บนศีรษะอยู่

 

ซึ่งถึงแม้ว่าซึบากิจะพยายามเลื่อนเปิดประตูอย่างเบาเสียงแล้วก็ตาม แต่ว่ามันก็ไม่สามารถเล็ดลอดหูแมวของโมโกะที่เหลืออยู่เพียงแค่ข้างเดียวไปได้จนทำให้โมโกะที่ได้ยินเสียงเปิดประตูพยายามที่จะยื่นมือไปคว้าหมวกของเธอมาสวมใส่เอาไว้จนโดนคาร์เทียร์พูดต่อว่าขึ้นมา

 

“อย่าเพิ่งขยับสิคะพี่โมโกะ ที่เข้ามานั่นก็แค่ซึบากิจังเองน่ะค่ะไม่ต้องไปสนใจหรอก ขอหนูทายาตรงนี้ให้เสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวจะพันแผลให้เดี๋ยวนี้แหล่ะค่ะ”

 

“อ…อื้อ…”

 

โมโกะที่ได้ยินคาร์เทียพูดว่าบุคคลที่เพิ่งเข้ามาภายในห้องพยาบาลนั้นคือซึบากิ หรือก็คือเด็กนักเรียนอีกคนหนึ่งที่อารอนดูเหมือนจะไว้ใจนั้นได้มีท่าทีที่ดูสงบลงเล็กน้อย

 

ส่วนทางด้านซึบากินั้นเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าภายใต้ผ้าพันแผลและหมวกที่ปิดบังศีรษะของโมโกะไปกว่าครึ่งนั้นเต็มไปด้วยรอยแผลไฟไหม้อีกทั้งใบหูแมวข้างหนึ่งก็ยังขาดหายไปอีกด้วยก็พยายามที่จะให้เกียรติอีกฝ่ายและเดินไปหลบรออยู่เงียบๆ ที่มุมหนึ่งของห้องพยาบาลโดยไม่พูดอะไรออกมา

 

ถึงแม้ว่าสิ่งที่เพื่อนสาววิญญาณในดาบที่ลอยตัวอยู่ข้างๆ กันอย่างเมย์ทำจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันอย่างการมองสำรวจดูบาดแผลของโมโกะและเอ่ยปากพูดออกมาตรงๆ โดยไม่กลัวว่าเจ้าตัวจะได้ยินเลยก็ตามที

 

‘ถึงฉันจะพอเดาได้ว่าคงจะมีแผลเต็มหน้าแบบนี้แน่ๆ ก็เถอะ แต่ว่าที่โมโกะเขาต้องใส่หมวกด้วยนี่เป็นเพราะว่าหูแหว่งไปข้างนึงเองหรอเนี่ย… น่าสงสารจังเนอะ…’

 

“…..?”

 

ในขณะที่เมย์กำลังเอ่ยปากพูดออกมาโดยคิดว่ายังไงซะก็มีแค่ซึบากิที่สามารถได้ยินเสียงของเธอได้อยู่แล้วอยู่นั้นเอง อยู่ๆ อีฟที่นั่งเล่นอยู่ข้างๆ โมโกะที่ดูเหมือนว่าจะมุ่งความสนใจมาที่ซึบากิมาตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเข้าประตูมาแล้วก็ได้กระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงดิ่งมายืนอยู่ที่ข้างๆ ตัวเธอ

 

แต่ถึงอย่างนั้นตรงจุดที่อีฟดูเหมือนจะให้ความสนใจและจ้องมองอยู่ด้วยดวงตาที่ปิดสนิทของเธอก็กลับไม่ใช่ร่างของซึบากิที่ยืนพิงกำแพงอยู่ แต่ว่ากลับเป็นตรงกลางอากาศที่ว่างเปล่าที่มีร่างของเมย์ลอยอยู่จนทำให้เมย์ถึงกับต้องรีบยื่นมือออกไปตบบ่าซึบากิอย่างแรงและพูดถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกใจปนประหลาดใจ

 

‘นี่นี่นี่นี่ ซึบากิๆ เด็กคนนี้เขากำลังมองฉันอยู่หรือเปล่าน่ะ!?’

 

“เธอคิดไปเองแล้วน่า… คนที่มองเห็นเธอได้มันก็มีแค่ฉันที่เป็นเจ้าของดาบไม่ใช่หรอไง อย่างตอนพิเน๊ะนั่นก็ทำท่าเหมือนว่าจะเห็นเธอแต่ที่จริงแล้วก็แค่ทำตัวประหลาดๆ เฉยๆ เองนี่”

 

ถึงแม้ว่าเมื่อดูผ่านๆ แล้วอีฟจะดูเหมือนกำลังมองตรงไปที่ร่างของเมย์ที่กำลังลอยตัวอยู่ข้างๆ ซึบากิจริงๆ ก็ตาม แต่ว่าด้วยความที่ดวงตาของอีฟได้ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทมันก็เลยทำให้ซึบากิไม่รู้ว่าเด็กสาวกำลังมองไปยังจุดอยู่ใดกันแน่ อีกทั้งเธอเองก็ไม่อยากให้เพื่อนวิญญาณของเธอตั้งความหวังเอาไว้สูงมากนักด้วย เพราะว่าเพื่อนของเธอคนนี้ผ่านความผิดหวังในเรื่องนี้มามากมายนักแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนที่จะได้มาเจอกับเธอ

 

“ถ้าเธอคิดว่าเด็กนี่มองเห็นเธอจริงๆ งั้นก็ลองโบกมือให้ดูสิ ถ้าเขาเห็นเขาก็น่าจะโบกมือตอบกลับมาล่ะมั้ง”

 

“เอาล่ะ เสร็จแล้วล่ะค่ะพี่โมโกะ อ่ะ— อีฟอย่าเข้าไปใกล้ซึบากิจังแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็โดนเขาจับกินหรอก กลับมานั่งกับพี่โมโกะตรงนี้มา”

 

“—!?”

 

แต่แล้วในขณะเมย์กำลังจะยกมือขึ้นไปโบกเพื่อตรวจสอบอยู่นั้นเอง คาร์เทียร์ที่พันผ้าพันแผลให้กับโมโกะเสร็จแล้วก็ได้ถือโอกาสร้องเรียกอีฟให้กลับไปนั่งให้เรียบร้อยตามเดิมพร้อมกับถือโอกาสพูดแกล้งซึบากิไปด้วยพร้อมๆ กัน

 

ซึ่งคำพูดของคาร์เทียร์นั้นก็ได้ทำให้อีฟผงะไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันไปมองซึบากิแล้วจึงรีบซอยเท้ากลับไปนั่งหลบอยู่ข้างๆ โมโกะอย่างรวดเร็วจนทำให้เมย์พลาดโอกาสได้พิสูจน์ไปอย่างน่าเสียดาย

 

และเมื่อคาร์เทียร์เห็นว่าอีฟกลับไปนั่งอย่างสงบๆ แล้วเธอจึงได้พูดถามสาเหตุที่ซึบากิมาที่ห้องพยาบาลแห่งนี้ขึ้นมา

 

“แล้วนี่ซึบากิจังมาที่นี่ทำไมล่ะ หนูนึกว่าพอพี่อารอนไม่อยู่แล้วเธอจะไม่โผล่มาแล้วซะอีกนะเนี่ย”

 

“คุณประธานนักเรียนเขาใช้ให้ฉันมาเรียกโมโกะกับเด็กที่ชื่ออีฟนั่นไปที่ห้องโถงน่ะ”

 

“เอ๋? ฉันหรอ…?”

 

โมโกะที่ได้ยินว่าตัวเองถูกประธานนักเรียนเรียกไปพบนั้นได้แสดงท่าทีแปลกใจออกมาเล็กน้อยและหันไปมองทางด้านคาร์เทียร์เหมือนกับจะขออนุญาตออกไปเพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรักษาแผลให้ตัวเองเสร็จแล้วหรือยัง ซึ่งคาร์เทียร์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมา

 

“หนูทำแผลให้พี่โมโกะเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ ถ้าพี่โมโกะพร้อมจะไปเมื่อไหร่ก็ไปได้เลย”

 

“อื้อ… ถ้างั้นเดี๋ยวฉันพาอีฟเขาไปเลยนะ…”

 

โมโกะที่ได้รับคำอนุญาตจากคาร์เทียร์แล้วได้พยักหน้ากลับไปให้เธอและจับมือของอีฟมากุมเอาไว้ก่อนจะรีบพาเด็กสาวที่กำลังโบกมือไปมาให้กับซึบากิมาได้สักพักหนึ่งแล้วเป็นการตอบรับหลังจากที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อของตัวเองเดินออกจากห้องพยาบาลไป

 

ส่วนทางด้านซึบากิที่ถูกคาร์เทียร์พูดแขวะขึ้นมาตั้งแต่แวบแรกที่เจอหน้ากันนั้นก็ได้ละสายตาออกมาจากโมโกะที่กลับมาสวมหมวกเพื่อปิดบังหูที่ขาดแหว่งไปอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงเอ่ยปากพูดถามความเห็นจากเพื่อนวิญญาณของเธอขึ้นมาเบาๆ

 

“ต้องพันแผลซะขนาดนั้นนี่เธอคิดว่าสภาพข้างในผ้าพันแผลของโมโกะเขาจะเป็นยังไงบ้างน่ะ…”

 

“ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วล่ะ ที่เหลือก็แค่หวังว่าแผลเป็นของพี่โมโกะจะไม่ใหญ่มากเท่านั้นเอง”

 

แต่ว่ายังไม่ทันที่เมย์จะได้พูดตอบอะไรเพื่อนของเธอกลับไป คาร์เทียร์ที่ได้ยินคำพูดพึมพำเบาๆ ของซึบากิก็เข้าไปใจไปว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถามตัวเองอยู่ เธอจึงได้พูดตอบกลับไปสั้นๆ พร้อมกับพูดถามอีกฝ่ายขึ้นมาในขณะที่มือของเธอก็กำลังจัดเก็บอุปกรณ์ทำแผลต่างๆ ไปด้วย

 

“ว่าแต่สรุปแล้วซึบากิจังมาที่นี่ทำไมกันเนี่ย หนูนึกว่าพอพี่อารอนไม่อยู่แล้วซึบากิจังจะไม่อยากเฉียดเข้าใกล้ที่นี่ซะอีกนะ”

 

“จะบ้าหรอ ก่อนหน้านี้ฉันก็รับปากกับอาจารย์อารอนเขาเอาไว้พร้อมกับเธอแล้วไม่ใช่หรอไง”

 

ซึบากิที่ได้ยินคำพูดเชือดเฉือนมาจากคาร์เทียร์ที่ปกติแล้วมักจะมีท่าทีสุภาพกับคนอื่นอยู่เสมอๆ นั้นได้พูดเสียงแข็งตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านคาร์เทียร์ก็กลับทำท่าเหมือนกับไม่แยแสและยักไหล่พูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยความเสียดาย

 

“เฮ้อ… หนูก็แอบหวังว่าซึบากิจังจะลืมเรื่องเมื่อวันนั้นไปแล้วซะอีกนะเนี่ย แต่เอาจริงๆ ตามที่ตกลงกันเอาไว้หน้าที่ของซึบากิจังไม่ใช่การดูแลห้องพยาบาลสักหน่อยนี่ แล้วแบบนี้จะมาที่นี่ทำไมอะ”

 

“ก็ฉันถึงบอกอยู่นี่ไงว่าฉันแค่มาตามโมโกะกับอีฟเขาไปให้คุณประธานนักเรียนน่ะ! เออ แล้วก็ถ้าเธอเห็นอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นแผนที่ที่อาจารย์อารอนเขาเก็บเอาไว้ก็ส่งมาด้วย รีซาน่าเขาอยากได้มันคืนน่ะ”

 

“เอ๋? แผนที่หรอ? หนูเหมือนเคยเห็นกระดาษแผ่นนึงที่พี่อารอนเขาชอบหยิบออกมาดูอยู่บ่อยๆ เหมือนกันนะ เหมือนพี่อารอนเขาจะแอบซ่อนมันไว้ในตู้นั้นล่ะมั้งนะ…”

 

คาร์เทียร์ที่ได้ยินคำขอของซึบากิได้เอียงคอนึกอยู่เล็กน้อยก่อนที่เธอจะเดินไปคุ้ยที่ตู้เอกสารตู้หนึ่งที่เธอจำได้ว่าเคยเห็นอารอนหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาดูอยู่บ่อยๆ ส่วนทางด้านซึบากิที่ได้แต่รอเองก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินไปดูที่ตู้เก็บยาของทางโรงเรียนก่อนที่เธอจะได้พบว่าตัวยาส่วนตัวที่อารอนนำมาจากที่คลินิกนั้นได้ถูกเก็บกวาดไปหมดแล้ว และเหลือเอาไว้เพียงตัวยาที่หาได้ทั่วๆ ไปจากทางโรงบาลเท่านั้น

 

แต่ว่าก่อนที่เธอจะได้พูดถามอะไรขึ้นมา คาร์เทียร์ที่เหลือบไปเห็นซึบากิกำลังมองสำรวจดูตู้เก็บยาอยู่ก็ได้ชิงเอ่ยปากพูดบอกขึ้นมาเสียก่อน

 

“ตัวยาของพี่อารอนหนูกะจะเก็บเอาไว้ใช้เผื่อฉุกเฉินเท่านั้นน่ะ เพราะงั้นในตู้นั่นก็มีแต่ตัวยาที่ทางโรงเรียนจัดมาให้ทั้งนั้นนั่นแหล่ะ ถ้าจะมีที่มันดูคุ้นตาซึบากิจังอยู่บ้างก็น่าจะเป็นพวกตัวยาทั่วๆ ไปที่พี่อารอนเขายอมรับล่ะมั้ง”

 

“เฮ้อ… สุดท้ายแล้ววันนั้นอาจารย์อารอนเขาก็ไม่ได้กลับมาจริงๆ งั้นสินะ…”

 

“มันก็แน่อยู่แล้วสิ แล้วพี่อารอนเขาก็สัญญาเอาไว้แล้วด้วยไม่ใช่หรอว่าถึงพี่อารอนจะไม่ได้กลับมาในวันนั้นแต่สักวันนึงเขาจะกลับมาหาพวกเราแน่ๆ น่ะ… แล้วก็ถึงพี่อารอนเขาจะพูดเอาไว้อย่างงั้นก็เถอะ พี่เขาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกเราออกไปตามหาสักหน่อย เพราะงั้นหนูก็เลยไม่ได้ห้ามอะไรซึบากิจังที่คิดจะไปเข้าร่วมกลุ่มดอว์นเพื่อตามหาพี่เขานี่ไง”

 

คาร์เทียร์พูดบ่นออกมาให้ซึบากิฟังเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องการตัดสินใจของอีกฝ่ายที่ตัดสินใจจะเข้าร่วมกลุ่มดอว์นด้วยทั้งๆ ที่มันอันตรายขนาดนั้นและมีตัวอย่างอย่างการจากไปของพี่พรีมูล่าของเธอให้เห็นอยู่จะๆ แบบนี้แล้วซะด้วยซ้ำ

 

แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่ซึบากิจะได้พูดตอบอะไรกลับไป คาร์เทียร์ก็สังเกตเห็นม้วนกระดาษม้วนหนึ่งที่ถูกซุกเอาไว้ด้านในสุดของกองเอกสารเข้า เธอจึงได้หยิบมันออกมาจากตู้เก็บเอกสารและโยนมันไปให้ซึบากิพร้อมเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ

 

“แล้วก็ถึงหนูจะไม่ได้ห้ามเอาไว้ก็เถอะ แต่ไม่ว่ายังไงซึบากิจังก็ห้ามทำอะไรเสี่ยงอันตรายเด็ดขาดเลยนะ เพราะถ้าเกิดว่าซึบากิจังเป็นอะไรไปล่ะก็ทั้งพี่อารอนทั้งหนูจะเสียใจนะรู้มั้ย…”

 

“หะ… หา?”

 

“ไหนๆ ก็เสร็จธุระแล้วนี่ จะไปไหนก็ไปได้แล้วชิ่วๆ!”

 

“ด–เดี๋ยวสิ นี่เธอพูดอะไรแบบนั้นเป็นตั้งแต่เมื่—”

 

“เอ้า ออกไปได้แล้ว แล้วก็อย่าส่งเสียงดังด้วย มันรบกวนคนป่วยเขานะรู้มั้ย!”

 

“ตอนนี้มีคนป่วยซะที่ไหนกันเล่า แล้วก็อย่ามาดันกันสิยัยหัวเผือก—”

 

“แบร่!!”

 

ครืดดดดด—ปึ้ง!!

 

ในขณะที่ซึบากิยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองอยู่นั้นเอง ทางด้านคาร์เทียร์ก็ได้ใช้เรี่ยวแรงที่มีมากกว่าเด็กปกติของเธอในการดันหลังของซึบากิออกไปจากห้องพยาบาลในชั่วพริบตาและไม่วายที่จะแลบลิ้นไล่หลังตามมาด้วยก่อนจะปิดประตูใส่หน้าของเธออย่างรวดเร็ว

 

และนั่นก็ทำให้เมย์ที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังจำเป็นต้องลอยตัวยื่นหน้าทะลุกำแพงห้องพยาบาลออกมาก่อนที่เธอจะทำตาแวววาวเมื่อเห็นว่าหางแมวของซึบากิกำลังสะบัดไปมาอยู่อย่างกับว่าเด็กสาวกำลังรู้สึกดีใจที่คาร์เทียร์รู้สึกเป็นห่วงเธออยู่อย่างไรอย่างนั้น

 

‘เฮ้ๆ อารมณ์ดีเชียวนะซึบากิจัง~ ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะโดนคู่แข่งไล่ออกมาจากห้องของอาจารย์อารอนสุดที่รักเองหรอกหรอ ปกติมันจะต้องเป็นโกรธจนหางฟูไม่ใช่สะบัดหางไปมาแบบนี้นี่นา~’

 

“พูดมากน่าเมย์! วิญญาณอย่างเธอจะไปเข้าใจอะไรเล่า!”

 

‘อ่ะๆ ก่อนจะมาเป็นวิญญาณอย่างนี้ฉันเองก็เคยเป็นคนธรรมดาๆ มาก่อนเหมือนกันนะ เพราะงั้นฉันก็เลยพอจะดูออกอยู่บ้างแหล่ะว่าเธอกำลังทำท่าทางเหมือนกับสาวน้อยที่กำลังมีควา— แอ๊ก— อย่าเดินหนีกันแบบนี้สิซึบากิ—!!’

 

ในขณะที่เมย์กำลังทำตาแพรวพราวและลอยวนไปรอบๆ ตัวซึบากิเพื่อพูดจายียวนกวนประสาทออกมาอยู่นั้นเอง ทางด้านซึบากิที่หน้าแดงก่ำก็ตัดสินใจที่จะทำเป็นเมินอีกฝ่ายไปและออกเดินตรงกลับไปรวมกลุ่มกับกลุ่มดอว์นคนอื่นจนทำให้เมย์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถอยู่ห่างจากดาบใหญ่สีม่วงพันโซ่ของซึบากิได้มากนักต้องร้องโวยวายออกมา เนื่องจากว่าเธอเหมือนจะถูกกำแพงล่องหนกระแทกใส่จนลอยตามหลังซึบากิไปด้วยท่าทางประหลาดๆ

 

แต่ว่าก่อนที่เมย์จะได้ร้องโวยวายอะไรไปมากกว่านั้น ซึบากิก็เดินกลับไปจนถึงจุดที่กลุ่มดอว์นใช้ในการประชุมกันแล้วด้วยความเร็วที่น่าตกใจ พร้อมๆ กับที่ไดเอน่าที่เห็นซึบากิเดินกลับมาจากห้องพยาบาลแล้วได้พูดถามขึ้นมา

 

“กลับมาแล้วหรอจ๊ะซึบากิจัง เจอแผนที่ของรีซาน่าเขาหรือเปล่า?”

 

“นี่ค่ะ พอดีนักเรียนที่ประจำอยู่ที่ห้องพยาบาลเขาพอจะรู้ว่าอาจารย์อารอนเก็บมันเอาไว้ตรงไหนก็เลยใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่น่ะค่ะ”

 

“คาร์เทียร์จังน่ะหรอจ้ะ เธอก็น่าจะเรียกเขาดีๆ หน่อยนะ เพราะฉันได้ยินมาว่าเธอชอบแวะไปหาเขาที่ห้องพยาบาลอยู่บ่อยๆ นี่นา”

 

ไดเอน่าพูดเตือนซึบากิออกมาเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือออกมารับแผนที่ไปเปิดดูแล้วจึงปิดมันกลับไปเหมือนเดิมพร้อมกับร้องเรียกรีซาน่าที่กำลังยืนคุยอยู่กับนากามารับมันกลับคืนไป

 

“ซึบากิจังเขาไปเอาแผนที่มาให้แล้วนะจ๊ะรีซาน่าจัง”

 

“อ่ะ— ค่ะๆ มาแล้วค่ะ”

 

รีซาน่าที่ได้ยินเสียงเรียกนั้นได้รีบเดินมารับแผนที่ไปจากมือไดเอน่า ส่วนทางด้านไดเอน่าเองนั้นก็ได้หันกลับไปพูดสั่งงานกับซึบากิต่อไป

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวเธอกลับไปพักผ่อนก่อนได้เลยก็แล้วกันนะจ๊ะซึบากิ ส่วนเรื่องที่ว่ากลุ่มที่สองจะออกไปตามหาข่าวของอาจารย์อารอนเขาเมื่อไหร่ก็รอฟังแผนจากอัลเบิร์ตที่เป็นหัวหน้ากลุ่มที่สองได้เลยนะ”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ”

 

ซึบากิที่ได้ยินคำพูดของไดเอน่าได้พยักหน้าและพูดตอบประธานนักเรียนสาวกลับไปสั้นๆ ก่อนที่เธอจะเดินตรงไปทางโรงอาหารอย่างเงียบๆ จนทำให้ไดเอน่าที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

 

“เข้าใจง่ายกว่าที่คาดเอาไว้เยอะเลยนะเนี่ย… นึกว่าซึบากิจังเขาจะโวยวายอยากอยู่กลุ่มที่หนึ่งด้วยซะอีกนะ”

 

“ยังไงผมก็ไปกับพวกนากาเขาไม่ได้จริงๆ หรอครับคุณไดเอน่า?”

 

ในขณะที่ไดเอน่ากำลังรู้สึกโล่งใจอยู่นั้นเอง อยู่ดีๆ ก็ได้มีเสียงโวยวายออกมาจากคนที่เธอคาดไม่ถึงอย่างคอนแนลแทน และนั่นก็ทำให้ไดเอน่าต้องหันไปพูดอธิบายให้เขาฟังอีกครั้งหนึ่ง

 

“มันก็อย่างที่ฉันบอกไปเมื่อกี้นี้นั่นแหล่ะจ้ะว่านายกับซิลเวสจะต้องอยู่รอทดสอบยูนิตส่วนตัวจากคุณเอริกะเขาน่ะ”

 

“นายไม่ต้องเป็นห่วงพวกฉันขนาดนั้นหรอกน่าคอนแนล มันก็แค่ไปหาข้อมูลของอารอนจากหมู่บ้านของรีซาน่าเขาเองนะ เพราะงั้นไม่น่าจะมีอะไรอันตรายหรอกใช่มั้ยล่ะรีซาน่า?”

 

“ค–ค่ะ… ถึงพวกเขาจะไม่ค่อยชอบคนนอกสักเท่าไหร่ แต่ว่าพวกเขาก็น่าจะยังจำฉันกันได้อยู่…ล่ะมั้งคะ…”

 

ท่าทางเป็นห่วงจนเกินเหตุของคอนแนลนั้นได้ทำให้นากาตัดสินใจที่จะช่วยไดเอน่าพูดขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่งโดยพยายามขอคำยืนยันจากรีซาน่าที่เป็นสมาชิกในหมู่บ้านที่พวกเขาจะต้องไปกันขึ้นมาด้วย และนั่นก็ทำให้คอนแนลจำเป็นต้องหาข้ออ้างที่จะได้ไปด้วยข้อใหม่ขึ้นมาแทน

 

“แต่ไม่ใช่ว่าโมโกะก็ยังบาดเจ็บอยู่แล้วก็ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลอยู่เรื่อยๆ หรอกหรอครับ ถ้ายังไงให้ผมตามไปด้วยน่าจะดีกว่านะครับ”

 

“อื้ม… ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะลองถามคุณเอริกะดูว่าพอจะหาคนที่รู้เรื่องวิชาแพทย์ที่ว่างพอจะไปกับพวกนากาคุงเขาให้ได้หรือเปล่าก็แล้วกันนะจ้ะ แต่ไม่ว่ายังไงคอนแนลคุงก็คงจะไปด้วยไม่ได้จ้ะ เพราะว่านายกับซิลเวสจังจะต้องรอทดสอบยูนิตจากคุณเอริกะอย่างที่บอกไปนั่นแหล่ะ”

 

ไดเอน่าที่ได้ยินข้ออ้างใหม่ของคอนแนลนั้นแทบจะถอนหายใจออกมาและพูดอธิบายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งโดยเริ่มที่จะคิดเรื่องการหาคนมีความรู้เรื่องวิชาแพทย์ติดกลุ่มของนากาไปด้วยอีกคน ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาที่ได้ยินแบบนั้นพูดเสนอวิธีการที่ง่ายกว่าอย่างการพาคาร์เทียร์ไปด้วยเลยขึ้นมา

 

“ถ้างั้นทำไมเธอไม่ให้คาร์เทียร์ไปกับพวกฉันด้วยเลยล่ะ แบบนั้นมันจะไม่ง่ายกว่าหรอไง?”

 

“เรื่องนั้นคงจะไม่ได้หรอกจ้ะ เพราะว่าท่านผู้อำนวยการเขากำชับเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าให้คาร์เทียร์จังเขาลงภาคสนามเด็ดขาดน่ะ เพราะว่ามันอาจจะอันตรายเกินไปสักหน่อยน่ะจ้ะ”

 

“อ่ะ—”

 

คำตอบของไดเอน่านั้นได้ทำให้นากาชะงักไปเล็กน้อย เพราะว่าครั้งสุดท้ายที่คาร์เทียร์เจอกับเรื่องอันตรายอย่างการที่เวก้าที่เป็นอดีตพ่อบุญธรรมของเธอมาตามล้างแค้นนั้นเธอได้ปล่อยสายฟ้าเส้นใหญ่ราวกับวันสิ้นโลกลงมาถล่มใส่เวก้าเสียจนหมดสภาพ

 

ซึ่งภาพของสายฟ้าเส้นใหญ่ที่ยังคงติดตานากาและคอนแนลอยู่นั้นก็ได้ทำให้ทั้งสองคนถึงกับหน้าซีดและพูดเห็นด้วยออกมากันในทันที

 

“…นั่นสินะ ถ้าเกิดคาร์เทียร์เขาต้องไปกับพวกฉันก็คงจะไม่มีใครอยู่เฝ้าห้องพยาบาลสินะ”

 

“น–นั่นสินะครับ ยิ่งเป็นตอนที่อาจารย์อารอนไม่อยู่แบบนี้ถ้าไม่มีใครอยู่เฝ้าห้องพยาบาลเลยก็คงจะลำบากแย่เลย”

 

“ก็อย่างที่พวกเธอว่ามานั่นแหล่ะจ้ะ ถ้างั้นก็เอาเป็นว่าวันนี้นากาคุงพาโมโกะจังกับอีฟจังกลับไปเตรียมข้าวของกันก่อนก็แล้วกันนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะไปแจ้งเรื่องการเดินทางให้ท่านผู้อำนวยการทราบเอง แล้วก็อย่าลืมไปขออนุญาตออกเดินทางจากคุณเอริกะเขาก่อนด้วยล่ะ”

 

คำพูดของไดเอน่านั้นได้ทำให้คอนแนลพอจะรู้ตัวแล้วว่าเขาคงจะไม่ได้ออกไปตามหาอาจารย์อารอนด้วยกันกับพวกนากาอย่างแน่นอนจนทำให้เขาได้แต่ต้องพูดฝากฝังความปลอดภัยของพวกนากาเอาไว้กับรีซาน่าแทน

 

“ถ้างั้นพอถึงวันเดินทางแล้วผมขอฝากดูแลพวกนากาเขาด้วยก็แล้วกันนะครับรีซาน่า”

 

“อ่ะ— ค–ค่ะ ไว้ใจฉันได้เลยค่ะ”

 

รีซาน่าที่ดูเหมือนว่าจะใจลอยเหม่อมองดูแผนที่ในมือของเธออยู่นั้นได้สะดุ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของตนเองดังขึ้นมาและรีบขานตอบกลับไปท่ามกลางความสงสัยของทุกคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครติดใจสงสัยอะไรมากนัก เนื่องจากว่าบางทีรีซาน่าก็มักจะมีท่าทีเหมือนกับมึนๆ แบบนี้อยู่บ้างจนโดนอัลเบิร์ตต่อว่าอยู่บ่อยๆ

 

จะมีก็แต่ไดเอน่าที่เธอรู้สึกเหมือนกับว่ารีซาน่ามีท่าทีที่ดูเหมือนกับว่าจะไม่อยากกลับไปที่หมู่บ้านของตัวเองสักเท่าไหร่ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่จะมีใครไม่อยากกลับไปที่บ้านเกิดของตัวเองแบบนั้น