ตอนที่ 141 อย่าตัดสินจากภายนอก

สามีข้า คือพรานป่า

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 141 อย่าตัดสินจากภายนอก

จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้จัดการร้านด้วยสีหน้าขุ่นเคืองก่อนจะกล่าวถาม “ตอนอยู่ข้างล่าง มีสิ่งใดเกิดขึ้น?”

เฒ่าแก่อู๋ติดตามนายน้อยมาเป็นเวลาหลายปี เขาทั้งเคารพและเชื่อฟังนายน้อยมานาน เขารู้ดีว่านายน้อยที่ทุกคนต่างดูถูกนั้น แท้จริงแล้วมีอะไรที่มากกว่านั้น

“มีเสี่ยวเอ้อดูถูกคนจน เขาถูกไล่ออกไปแล้วขอรับ!”

สีหน้าของหลี่ซื่อฮวาดีขึ้นเล็กน้อย “คราวหน้าคอยดูให้ดี เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ธรรมดา ท่านพ่อส่งข้ามาอยู่เมืองเล็ก ๆ เยี่ยงนี้ หากข้าไม่ประสบความสําเร็จคงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีก!”

“แต่เมืองเล็ก ๆ เช่นนี้จะค้าขายอย่างไร? แม้ข้าจะไม่มั่นใจในตัวเองนัก แต่กับนางนั้นต่างออกไป ดูจากสิ่งเหล่านี้ที่นางมี บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสให้ข้าได้พลิกกลับมาสู้อย่างงดงาม!”

เฒ่าแก่พยักหน้าซ้ํา ๆ “ใช่ขอรับ! นายน้อยมิต้องกังวลไป”

หลี่ซื่อฮวาหัวเราะเยาะตัวเองและใช้พัดเคาะฝ่ามือ เขาอดไม่ได้ที่จะเสียใจเพราะทอดทิ้งนางไปในวันนั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้ช่างน่าเสียดายนัก

หยุนเถียนเถียนดึงหยุนเคอตรงไปที่ร้านขายเสื้อผ้า

เถ้าแก่ร้านเสื้อผ้าคนเดิมที่หยุนเถียนเถียนเคยขอเศษผ้าขี้ริ้วถุงใหญ่ไป เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้กลับมาอีกครั้ง เถ้าแก่พลันเผยสีหน้าบิดเบี้ยวทันที เขารีบเอาผ้าขี้ริ้วไปซ่อนให้พ้นจากสายตาของนางอย่างเร่งรีบ

หยุนเถียนเถียนไม่สนใจอีกฝ่าย แต่ชี้ตรงไปที่เฉินเฉินและพูดด้วยรอยยิ้ม

“เถ้าแก่ข้าขอดูเสื้อผ้าสําหรับเด็กชายคนนี้ได้หรือไม่?”

เมื่อเถ้าแก่เห็นว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อซื้อของ อีกทั้งผิวพรรณก็ดูดีขึ้นมาก จึงเข้ามาแนะนําอย่างกระตือรือร้น

เขาสังเกตจากการสวมเสื้อผ้าของนางจึงคิดจะหลอกขายเสื้อผ้าหยาบ ๆ ในกระสอบ ทว่าเถียนเถียนขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวถาม “ที่นี่ไม่มีผ้าฝ้ายงั้นหรือ? เขายังเด็ก สวม ใส่ผ้าฝ้ายน่าจะดีกว่า”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเถ้าแก่แข็งค้างทันที

ร้านขายเสื้อผ้าในเมืองเล็ก ๆ แต่เดิมค้าขายกับผู้คนในเมืองนี้ ปกติแล้วผ้าไหมและผ้าแพรนั้นมีเยอะมาก แต่ก็ยังมีคนจํานวนมากจากทั่วทุกพื้นที่รอบ ๆ ที่มุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อซื้อเสื้อผ้า ดังนั้นจึงทําให้มีผ้าฝ้ายเพิ่มขึ้นด้วย

จะมีสักกี่คนจากหมู่บ้านนี้ ที่เข้ามาในเมืองและยินดีซื้อผ้าฝ้ายในราคาสูง? ส่วนใหญ่เลือกใช้ผ้าลินินที่หนาหยาบและทนทานต่อการฉีกขาดทั้งนั้น!

เถ้าแก่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจผิดไปมาก ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างละเอียดและต้องการซื้อเสื้อผ้าฝ้ายให้น้องชายของนางเท่านั้น

เนื่องจากเป็นร้านใหญ่ก็ยิ่งต้องให้บริการอย่างดี เถ้าแก่จึงหยิบเสื้อผ้าออกมาให้เฉินเฉินเลือกมากมาย

แน่นอนว่าเด็กคนนี้ไม่เคยเห็นเสื้อผ้าดี ๆ มากมายขนาดนี้มาก่อน เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะจับมันด้วยซ้ํา!

“พี่สาวไม่เห็นต้องซื้อของดีขนาดนี้ เอาผ้าลินินหยาบ ๆ ก็ได้”

เฉินเฉินไม่กล้าหยิบ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงต้องเข้าไปเลือกเสื้อผ้าสีชุดให้เขา สีฟ้าสองชุดและชุดสีขาวสองชุด ล้วนเป็นเสื้อผ้าตามสมัยนิยมสําหรับหนุ่มน้อย

เมื่อยินดีซื้อเสื้อผ้าราคาแพงเช่นนี้ให้น้องชาย แน่นอนว่าหญิงสาวย่อมซื้อที่ดีกว่าให้ตัวเอง!

หยุนเถียนเถียนยังสุ่มเลือกชุดผ้าฝ้ายสี่ชุดสําหรับตัวเองด้วย คราวนี้น่าจะเพียงพอสําหรับเปลี่ยนซัก

แต่เมื่อนางหยิบเงินจากในแขนเสื้อขึ้นมาจ่ายก็พลันนึกถึงหยุนเคอขึ้นมา

หยุนเคอมีนิสัยรักความสะอาด แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะดูซอมซ่อ แต่ก็ผ่านการซักอย่างดี เพียงเพราะเป็นผู้ชายอกสามศอกจึงไม่ค่อยได้มาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถันที่ร้าน

“เอามาอีกสองชุดให้เขา ขอผ้าที่ใส่สบาย สองตําลึงนี้ไม่ต้องทอน!”

เมื่อหยุนเถียนเถียนกล่าวจบเถ้าแก่ก็ยินดีเป็นอย่างมาก นางไม่อยากขุดคุ้ยความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่ดูแล้ว เหมือนพี่น้องกัน… แต่ก็ไม่ใช่!

ในที่สุดทั้งสามคนก็สวมเสื้อผ้าใหม่ ถือกระเป๋าใบใหญ่ไว้ในมือและจากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินไปที่อื่นต่อ

ตอนที่หยุนเคอยังไม่มีที่ดินของตัวเอง ในวันธรรมดาเขามักจะนําเหยื่อที่ล่าได้มาแลกเป็นอาหาร

ตอนนี้ในบ้านมีกันสามคน แน่นอนว่าอาหารการกินย่อมเพิ่มมากขึ้นและไม่เพียงพอ ทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปในร้านขายธัญพืชที่อยู่ติดกัน หยุนเถียนเถียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดก็จะได้กินซาลาเปานึ่งแสนอร่อยแบบภพชาติก่อนหน้าได้แล้ว!

หยุนเคอไม่เข้าใจแค่เดินดูร้านขายธัญพืช เหตุใดหญิงสาวถึงตื่นเต้นนัก?

บางทีที่ที่นางมาอาจจะเป็นทางใต้ เพราะทั้งสองร้านนี้ไม่มีแป้ง แม้แต่ข้าวก็ไม่มี!

หยุนเถียนเถียนถามกับเถ้าแก่จึงได้รู้ว่าข้าวสาลีนั้นมีเฉพาะทางเหนือเท่านั้น ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ คงไม่มีใครใช้เงินเป็นจํานวนมากซื้อแป้งที่ส่งมาจากทางเหนือ ดังนั้นใน ร้านจึงไม่มีขาย

หากอยากกินแป้งจริง ๆ สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าใหญ่ ๆ ในเมืองเท่าหลวงนั้น

เรื่องนี้ทําให้นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย สุดท้ายจึงเลือกข้าวคุณภาพดีตามที่ใจต้องการและให้หยุนเคอยกขึ้นเกวียน

ลุงเฉินยิ้มและมองหยุนเคอด้วยสายตาเอ็นดูเป็นอย่างมาก “แม่หนูเถียนเถียนผ่านพ้นความยากลําบากเสียที่นะ ซื้อข้าวเยอะขนาดนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องทนหิวแน่นอน!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มและพยักหน้า “ข้าคงต้องรบกวนท่านลุงขนของให้แล้ว”

ลุงเฉินพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ไปส่งสินค้าเพียงลําพังเช่นนี้ เขายินยิ่งดีเพราะจะได้รับเงินเพิ่มอีกเล็กน้อย

จากนั้นเกวียนก็มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเพื่อขนส่งข้าวไปที่บ้านของหยุนเคอ

หยุนเถียนเถียนถือโอกาสนี้ไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เพราะต้องเร่งมือทําเนื้อตากแห้งของเดือนหน้าให้เสร็จ จากนั้นถึงจะได้รับเงินสองพันตําลึงในเดือนหน้า และทั้งหมดนี้ไม่ใช่โครงการเล็ก ๆ เลย

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าชายหนุ่มและหญิงสาวที่แข็งขันที่สุดในหมู่บ้านมาเยือน ก็รีบออกมาทักทายทันที “มาหาข้า มีอะไรให้ช่วยหรือ?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มแล้วนําเหล้าหมักที่เตรียมมาวางบนโต๊ะ “ต้องขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านสําหรับความห่วงใยตลอด เวลาที่ผ่านมานี่เป็นของเล็กน้อยไม่ต้องเกรงใจ”

หัวหน้าหมู่บ้านถูฝ่ามืออย่างถ่อมตัว “ข้ามิได้ทําอันใดเลย เป็นเจ้าเองที่เก่งกาจ”

หยุนเถียนเถียนไม่สนใจคําพูดที่สุภาพเหล่านี้ นางมองไปรอบ ๆ และเห็นเก้าอี้ตัวหนึ่งจึงเดินไปนั่งด้วยตัวเอง “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้ามีวิธีหาเงินและต้องการให้ชาวบ้านทํา ร่วมกัน ไม่รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านคิดอย่างไร?”

เป็นเรื่องดีที่หัวหน้าหมู่บ้านจะพาชาวบ้านหารายได้ แต่ก็ยังไม่กล้าตอบตกลง ทําได้เพียงลองสอบถามดูก่อน “ไม่รู้ว่าวิธีนั้นเป็นอย่างไรหรือ?”

หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าคําตอบของหัวหน้าหมู่บ้านในวันนี้ แสดงถึงความสนใจของชาวบ้าน นางไม่สนว่าเขาจะระมัดระวังมากแค่ไหน

“ข้าทําการค้าร่วมกับนายน้อยหลี่ว่าจะจัดหาเนื้อตากแห้ง จํานวนสองพันจินให้กับร้านอาหารของเขาทุกเดือน”