บทที่ 76 นางจะแยกจากเขาได้อย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 76 นางจะแยกจากเขาได้อย่างไร?

สมองของเหยาซูพลันขาวโพลน โทสะของนางหายวับไปโดยไม่รู้ตัว

ทว่าก่อนที่ความกลัวจะผุดขึ้นมาในจิตใจ ดวงตาของหลินเหรากลับจดจ้องมาที่นางพลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำเช่นทุกที “อาซู ข้าทำแบบนี้ก็เพราะทุกคนรังแกเจ้า ทำให้เจ้าเสียใจ ข้าอยากให้ทุกคนที่พยายามทําร้ายเจ้าเกิดความหวาดกลัว”

เหยาซูสับสนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

หลินเหราเป็นคนเช่นนี้หรือ? หลายวันมานี้ที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ถึงชายหนุ่มเป็นคนไม่พูดไม่จา แต่มีน้ำใจ ห่วงใยความคิดของนางอยู่เสมอ เขาเงียบขรึมจริงจัง แต่กลับมีความอดทนต่อลูก ๆ ไม่เคยแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวมาก่อน

แต่วันนี้ดูเหมือนนางได้พบกับตัวตนอีกด้านของเขา

มันมืดหม่น เย็นชา และเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เขามองชีวิตผู้คนราวกับเศษไม้ใบหญ้า เขาเปรียบเสมือนปีศาจที่คลานออกมาจากอเวจี เพียงแค่นิ้วเดียวก็สามารถหักคอผู้อื่นได้

เหยาซูรู้สึกสับสน

นางควรรู้สึกกลัวหรือไม่? หรือเขาสมควรแล้วที่จะโกรธ?

หลินเหรากล่าวออกมาว่า “ข้าต้องการทำให้พวกเขาหวาดกลัว เพราะข้ากลัวว่าพวกเขาจะมาทำร้ายเจ้า”

เหยาซูตอบโดยไม่รู้ตัวว่า “ไม่มีใครทำร้ายข้า…”

หลินเหรายืนขึ้นแล้วเดินไปข้าง ๆ เหยาซู นางทำได้เพียงเงยหน้ามองใบหน้าของอีกฝ่าย เขาทรุดตัวลงต่อหน้านางอย่างรวดเร็ว

“อาซู เจ้าดูอ่อนโยนจนใคร ๆ ก็รังแกเจ้าได้…”

เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของหลินเหรา เหยาซูก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

นางนั้นค่อนข้างสูงหากเทียบกับสตรีทั่วไป จะมีใครมารังแกนางได้อย่างไร หลินเหราอาจจะเข้าใจผิดแล้ว

“ข้าเคยคิดว่าการปกป้องเจ้านั้นเป็นเพียงหน้าที่ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป… ข้าไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อใด แต่เมื่อข้าคิดว่าเจ้าต้องทุกข์ทรมานอยู่ในตระกูลหลิน ถูกบังคับให้ทำงาน กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่มีเสื้อผ้าหนา ๆ ใส่ มิหนำซ้ำยังมีข่าวลือนินทาว่าร้ายต่าง ๆ หัวใจของข้าก็เจ็บปวดราวกับถูกทุบอย่างไร้ความปรานี…”

ณ จุดนี้ หลินเหราไม่เพียงต้องการทำให้เหยาซูมีความสุข เขาได้ค้นพบความลับในหัวใจของเขาโดยไม่รู้ตัวจึงแสดงให้คนตรงหน้าได้เห็น

“ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใด หากข้ารู้สึกตัวเร็วกว่านี้ ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าและลูกแล้วจากไปยังสนามรบ อาซู ข้าเสียใจ”

หัวใจของเหยาซูรู้สึกสับสน ผู้ชายที่ยอบกายลงตรงหน้านางนั้นมีดวงตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของการต่อสู้ขัดขืนและความเสียใจ แทบไม่มีช่องว่างใดระหว่างพวกเขา เพียงแค่เหยาซูยื่นมือออกไปนางก็จะสามารถสัมผัสศีรษะของเขาได้ นางจึงยื่นมือออกไป

“ท่าน…อย่าคิดมากเลย”

รอยเลือดบนแขนเสื้อสีขาวข้างขวาของเหยาซูสะท้อนกับข้อมือขาวผ่องของนาง “เรื่องในอดีตได้ผ่านไปแล้ว”

เส้นผมของหลินเหราหยาบกร้านและแข็งกระด้างเหมือนกับลักษณะท่าทางของเขาที่ไม่มีสิ่งใดมาทำลายได้ ทว่าหลังจากที่อยู่ด้วยกันได้ไม่กี่วัน นางก็รู้สึกเหมือนกับได้สัมผัสไปถึงหัวใจของเขา

ใบหน้าอันลึกลับของเขายังคงปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเหยาซู ความเย็นชาและแข็งกระด้าง สง่างามราวกับรูปปั้นที่แกะสลักอย่างประณีต แต่น้ำเสียงสั่นเครือที่หลินเหราเปล่งออกมาทำให้หัวใจนางสั่นระรัว “อาซู ข้าไม่อยากเสียเจ้าไป”

โดยธรรมชาติเหยาซูเป็นคนอ่อนโยน นางขาดความสัมพันธ์แบบครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่เคยพบคนที่นางรัก แต่นางมีหัวใจที่อบอุ่นและอ่อนไหวที่สุด

นางรู้ว่าหลินเหรานั้นโชคร้ายมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของเขาทำให้เขาเป็นคนที่เฉยชาและพยายามตีตนออกห่างจากสังคม หนึ่งปีของการออกรบทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ทว่าไม่ว่าอย่างไรหลินเหราก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้น

เขาเสียใจเพราะความไม่แยแสและความเกลียดชังจากพ่อแม่ของตนเอง หวาดกลัวอันตรายที่โหดร้ายจากสงคราม เมื่อเขากลับมาบ้านเขาได้พบความอบอุ่นที่เขาไม่เคยพบเจอมานานกว่ายี่สิบปี จึงเป็นธรรมดาที่เขากลัวจะสูญเสียมันไป

เหยาซูถอนหายใจพลางขยับตัวไปข้างหน้าให้หลินเหราวางศีรษะไว้บนตักของนาง

นางเอ่ยปลอบโยนเขาเหมือนปลอบลูก ๆ ของนางอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว ดูต้าเป่าและเอ้อเป่าสิ พวกเขากลายเป็นเด็กกล้าหาญไปแล้ว ท่านเป็นบิดาของเด็กเหล่านั้น อีกทั้งยังแข็งแกร่งเพียงนี้จะกังวลไปไย?”

เสียงอู้อี้ของชายหนุ่มดังขึ้น “อาจื้อและอาซือโชคดีกว่าข้า”

พวกเขามีคนที่รักและดูแลพวกเขาด้วยความจริงใจ

เหยาซูฟังออกถึงความหมายในคำพูดของหลินเหรา นางหัวเราะและรู้สึกปวดใจในเวลาเดียวกัน นางลูบหัวของเขาเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แต่ท่านเก่งกว่าพวกเขา ท่านเก่งกว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้และข้าเชื่อว่าเด็กจะเติบโตเหมือนกับบิดาของพวกเขาที่แข็งแกร่งและไม่มีใครสามารถเอาชนะได้”

หลินเหราไม่ได้พูดอะไร

เมื่อคาดเดาความคิดของชายหนุ่มไม่ออก เหยาซูจึงได้แต่พูดเรื่องอื่นเพื่อให้เขาสบายใจขึ้น “เมิ่งจื่อเคยกล่าวไว้ว่า หากสวรรค์จะมอบหมายงานใหญ่ให้คนผู้หนึ่ง จักต้องให้เขาเจอความยากลำบากเพื่อขับความมุ่งมั่น ให้เขาเหน็ดเหนื่อยถึงเอ็นกระดูก ให้ร่างกายเขาต้องอดอาหาร…ตอนนี้ทั้งความมุ่งมั่น เอ็นกระดูก และร่างกายของท่านถูกโชคชะตาทารุณมาหมดแล้ว แปลว่าท่านจะมีงานใหญ่ อีกหน่อยท่านจะเจริญก้าวหน้า พาข้าและลูกไปเสวยสุข”

น้ำเสียงของนางแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความขี้เล่น และคาดหวังราวกับนางเชื่อว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

หลินเหราอดที่จะหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ มีเสียง ‘อืม’ เจืออยู่ในรอยยิ้มแห้งของเขา ชายหนุ่มหลับตาลง ความรู้สึกอื่น ๆ ในความมืดมิดเริ่มชัดเจนขึ้น เขารู้สึกถึงความอบอุ่นใต้ผิวหนัง กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากปลายจมูก และหัวใจที่เต้นแรงในทรวงอกของเขา

หากช่วงเวลาดี ๆ นี้อยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ก็คงจะดี…

ทั้งสองกำลังเพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันแสนอบอุ่นที่หาได้ยากนี้ ทว่ากับได้ยินเสียงประตูหลังผลักเปิดออกมาอย่างแรง

“ยาห้ามเลือดมาแล้ว!”

เถ้าแก่หลิวผลักประตูออกมาพร้อมหายใจหอบ ในมือถือยารักษาแผลที่พึ่งนำกลับมาจากโรงหมอ และผ้าพันแผลสีขาวหนึ่งม้วน ในขณะที่มืออีกข้างปาดเหงื่อที่ไหลลงมา

“เมื่อครู่ข้าเพิ่งสั่งให้คนงานไปต้มน้ำร้อน…”

ทันทีที่สายตาของเขาจับจ้องไปยังหนุ่มสาวทั้งคู่ เสียงพูดก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ตกใจจนเกือบสะดุดกับธรณีประตู

เหยาซูใช้มือลูบศีรษะของชายหนุ่มอย่างช้า ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มร่างใหญ่นั่งยอง ๆ อยู่เบื้องหน้าเหยาซู ซุกหน้าลงบนตักของนางราวกับสุนัขตัวใหญ่ที่ชอบให้เจ้านายลูบหัวของมันอย่างอ่อนโยน

เมื่อเห็นเถ้าแก่หลิว มือของเหยาซูราวกับถูกหยุดชั่วคราว

“เถ้าแก่หลิว…”

เถ้าแก่หลิวผู้ไว้เคราแพะ มีชีวิตอยู่มาตั้งอายุสี่สิบกว่าปีแต่กลับไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่รู้ว่ารู้สึกกระอักกระอ่วนใจหรือประหลาดใจมากกว่ากัน

“คุณหนู นี่…อะแฮ่ม ข้าจะวางยาไว้ตรงนี้”

เขาไม่รู้ฐานะของหลินเหรา คิดแค่ว่าชายคนนี้เป็นคนรักของเหยาซู

กฎระหว่างชายหญิงของราชวงศ์เหยียนนั้นไม่ได้เข้มงวด ทว่าในท้ายที่สุดก็ยังคงตามกฎบรรพบุรุษเก่าแก่ที่ว่า ชายและหญิงไม่ควรสนิทสนมกันมากเกินไป

คู่รักมิสมควรทำอะไรที่ใกล้ชิดในเวลากลางวันแสก ๆ ต่อหน้าผู้อื่น

เดิมทีเหยาซูไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเถ้าแก่หลิวยิ้มแห้งราวกับเปลือกไม้ ก็เกิดความอึดอัดใจขึ้นมาทันที ตัวนางเองพลันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก

“เถ้าแก่หลิว รบกวนท่านยกน้ำร้อนมาให้ด้วย”

ราวกับเป็นการขอโทษ เถ้าแก่หลิวส่งเสียง ‘ขอรับ’ ออกมาและเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง ตอนเดินออกไปก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูอย่างแน่นหนา

เหยาซูเห็นว่าหลินเหรายังคงซบลงที่ตักของนางและไม่ขยับเขยื้อน นางจึงดึงหูขวาของเขาแล้วพูดอย่างโมโหว่า “ยังไม่ลุกขึ้นอีก?”

เขาเงยศีรษะขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกที่นางสังเกตเห็นขนตาของผู้ชายเป็นแพหนาเช่นนี้ เมื่อเขามองเหยาซูจากล่างขึ้นบน แววตาของเขาดูไม่มีอันตรายใด ๆ “ไม่”

“ลุกขึ้นเร็วเข้า ประเดี๋ยวจะมีคนเข้ามาอีก…” เหยาซูปลอบใจเขาเบา ๆ ราวกับปลอบใจเด็ก คิดว่าคงเพราะอยู่กับเด็ก ๆ มาเป็นเวลานานเหยาซูจึงคุ้นเคยกับการ ‘เกลี้ยกล่อม’ หลินเหราไม่ใช่เด็ก ๆ แต่กลับจัดการได้ยากเย็นยิ่งนัก

หลินเหราหาข้อแก้ตัว “ข้าเวียนหัว ไม่อยากลุก”

หลังจากพูดจบเขาก็ซุกหน้าลงบนขาของเหยาซูและนิ่งอยู่อย่างนั้น

เหยาซูหัวเราะอย่างโกรธเคืองแล้วดึงหูอีกข้างของชายหนุ่ม “ยังเวียนหัวอยู่อีกหรือ? มือไม่เจ็บแล้วหรืออย่างไร! ลุกขึ้นแล้วใส่ยา!”

เมื่อเห็นท่าทางแข็งขืนของเหยาซู หลินเหราก็จำเป็นที่จะต้องยืดตัวตรงและนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่เต็มใจ

เหยาซูสำรวจมือขวาของเขา เมื่อนางเห็นว่าผ้าที่ห่ออยู่ไม่มีเลือดซึมออกมาแล้วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เห็นชายหนุ่มไม่พูดไม่จาก็รู้ว่าเขาต้องการให้นางเกลี้ยกล่อมแต่เหยาซูกลับไม่ให้โอกาสเขา

ความใกล้ชิดเมื่อคู่เกินขีดจำกัดที่เหยาซูวาดเอาไว้ นางเตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าต้องรักษาระยะห่างจากผู้ชายคนนี้ แต่ทุกครั้งล้วนล้ำเส้นโดยไม่รู้ตัว

“เฮ้อ”

นางถอนหายใจ

หลินเหราคว้าข้อมือของนางแล้วถามว่า “มีอะไรหรือ?”

เขาสัมผัสได้ถึงความลำบากใจของเหยาซู

เหยาซูไม่เข้าใจว่าเหตุใดเรื่องถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ เดิมทีนางตั้งใจมาที่เมืองวันนี้เพื่อเสาะหาสถานการณ์กลับไปเริ่มทำการค้าใหม่ เพื่อที่จะค้าขายหาเงินได้มากขึ้น ในอนาคตนางจะได้ห่างเหินกับหลินเหรา นางมีความมั่นใจเช่นนั้น

แต่นับจากวันนี้นางกับหลินเหรามาเมืองด้วยกัน นางก็ถูกขโมยถุงเงินจนต้องไปนั่งที่โรงน้ำชา ทั้งยังถูกนายอำเภอหยอกล้อ และสุดท้ายหลินเหรากลับได้รับบาดเจ็บ… ฉากนี้ดำเนินไปรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน นางมองหลินเหราเป็นคนใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว ปล่อยให้เขาล้ำเส้นเขตความปลอดภัยที่นางขีดกั้นเอาไว้ อีกทั้งยังรู้สึกเศร้าใจเพราะอาการบาดเจ็บของเขา

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะหย่ากับเขาได้อย่างไร?!

………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

นึกถึงหมาอัลเซเชียนตัวใหญ่ ๆ ที่ไปกัดกับหมาตัวอื่นมาแล้วทำท่าหงอยหูลู่หางตกเวลาเจ้านายทำแผลให้พลางดุไปด้วยเลยค่ะ ภาพนี้มันผุดขึ้นมาในหัวผู้แปลจริง ๆ น้า

ได้รับรู้อีกด้านอีกมุมของอาเหราแล้ว อาซูจะตัดใจหย่ายังไงได้ลงเนี่ย

ไหหม่า(海馬)