สือมูเฉินเห็นข้อความ ก็เร่งรีบเปิดจีพีเอสทันที ทันใดนั้นเอง ก็มองเห็นตำแหน่งของหลานเสี่ยวถางแล้ว
สถานที่ที่เธออยู่ ห่างจากโรงงานของตระกูลฮั่วไม่มากนัก เส้นทางนั่น เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นเส้นทางที่ห่างไกลจากตัวเมืองเป็นอย่างมาก!
เขารีบหยิบกุญแจรถขึ้นมาในทันที ล็อกตำแหน่งของหลานเสี่ยวถางไปพลาง สตาร์ทเครื่อง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องหนึ่งไปพลาง แล้วต่อสายโทรศัพท์หาเพื่อนที่อยู่เมืองไห่หลิน
ในตอนที่เขากำลังขับรถอยู่ ความสนใจมุ่งตรงไปยังตำแหน่งของหลานเสี่ยวถางโดยตลอด กลับค้นพบว่า ในตอนที่ผ่านปากทางแยกของถนนสายหนึ่งแล้วนั้นเอง จู่ ๆ หลานเสี่ยวถางก็ไม่ขยับไปในทันที
ในระยะเวลาอันแสนสั้นที่หยุดรถลงนี้เอง ถึงแม้จะดูราวกับว่าเป็นไฟสัญญาณจราจร แต่ทว่า จุดที่สือมูเฉินขับรถอยู่ ค้นพบว่าเดิมที่ถนนสายนั้นก็ไม่มีไฟสัญญาณจราจรอื่นใดเลย!
จะเอ่ยอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากว่าหลานเสี่ยวถางอาจจะอยู่ที่นั่น แล้วถูกคนจับเปลี่ยนไปโดยสารรถอีกคันหนึ่ง!
ดังนั้นแล้ว ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าของเขาจึงมีอยู่สองอย่าง
ข้อแรก หลานเสี่ยวถางถูกเปลี่ยนรถแล้วจริง ๆ หรือว่านี้คือแผนตบตาของฝั่งตรงข้าม?
ข้อสอง โทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถาง อยู่บนรถแท็กซี่คันนั้นหรือเปล่า หรือว่าติดตัวกับเธอไป?
สือมูเฉินรับรู้ว่าเร่งไล่ตามแบบนี้บางทีอาจจะเป็นการเดินอ้อมไปผิดทาง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาเปิดเครื่องมือในโทรศัพท์อีกเครื่อง ก่อนจะส่งข้อความให้หลานเสี่ยวถางข้อความหนึ่งเป็นการปลดล็อกลายนิ้วมือ
เครื่องมือปกปิดตัวตนของโทรศัพท์เครื่องนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกสู่ภายนอก เป็นของผู้ใช้ที่ต้องการใช้เอง
เพียงแค่ต้องการ ต้องการให้หลานเสี่ยวถางสัมผัสเข้ากับที่ปลดล็อกโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ทางฝั่งของเขาก็จะสามารถรับข้อความได้ เพื่อเป็นหลักฐานว่าโทรศัพท์ของหลานเสี่ยวถางยังอยู่ในโหมดเปิดเครื่องเอาไว้อยู่
แน่นอน ในตอนแรกนั้นก็เป็นเพราะเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน เครื่องมือนี้จึงใช้ได้อย่างสำเร็จ จำเป็นจะต้องเปิดจีพีเอสเพื่อการค้นหาตำแหน่งก่อนหน้านี้ด้วย
แต่ทว่า สือมูเฉินส่งไปแล้ว ทางฝั่งของหลานเสี่ยวถางกลับยังไม่มีแม้แต่ความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นแล้ว เขาจึงตัดใจอย่างรวดเร็ว ให้เพื่อนของตนเองขับรถของตนเอง ไล่ตามตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือต่อ ส่วนตัวเขา ก็ขับรถไปที่ทางแยกนั่น
เมื่อถึงทางแยกแล้ว สือมูเฉินค้นพบว่า ฝั่งตรงข้ามตระเตรียมแผนการเอาไว้อยู่นานแล้ว
เป็นเพราะแผนที่ตรงหน้าของเขาราวกับเป็นเส้นทางของเขาวงกต เป็นจุดเด่นที่เป็นเสน่ห์ของเมืองไห่หลิน
ทันใดนั้นเอง เขาก็แทบจะคาดเดาได้ทันทีว่าฝั่งตรงข้ามนั่นคือใคร อีกทั้งเป้าหมายยังคืออะไร
ในช่วงเวลานี้เองเห็นได้อย่างชัดเจนเลย เดิมฝั่งตรงข้ามไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีไปที่หลานเสี่ยวถางหรอก แต่ทว่ากำลังเล่นเกมไล่จับกับเขาต่างหากล่ะ!
แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ตามหาคนคนนี้มาโดยตลอด แต่ทว่า ในตอนที่ใกล้จะตามหาสถานะที่แท้จริงของฝั่งตรงข้ามได้แล้วนั้นเอง จู่ ๆ ฝั่งตรงข้ามกลับหายไปในทันที
เพียงแต่ว่า ในมือของเขามีของที่ฝั่งตรงข้ามนั่นสนอกสนใจมากที่สุดอยู่ เขาได้มาในตอนที่ปะทะกับฝั่งตรงข้ามนั้นสองสามครั้งที่แล้ว ดังนั้น เขาไม่กังวลใจเลยว่าฝั่งตรงข้ามจะทำอย่างไรกับเขา เพียงแค่คิดว่าจะทำเรื่องกว้านซื้อหุ้นของ Times Group ให้เสร็จสิ้น ก่อนจะจู่โจมฝั่งตรงข้ามนั่นอีกครั้งหนึ่ง!
แต่ทว่า กลับนึกไม่ถึงเลย ว่าฝั่งตรงข้ามจะสามารถหาจุดยุ่งยากของเขาได้ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ อีกทั้งยังส่งผลกระทบถึงหลานเสี่ยวถางแล้ว!
ถึงแม้จะรู้สิ่งนี้แล้ว ฝั่งตรงข้ามก็ไม่มีความอดทนไปเสียแล้ว ต้องการที่จะตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของเขา แต่ทว่า เขากลับไม่มีทางเลือกอื่นเลย!
ในเมื่อ ถึงแม้ว่าในมือของเขาจะถือของสำคัญต่อฝั่งตรงข้ามเอาไว้ แต่ทว่า กลับไม่กล้าที่จำนำชีวิตของหลานเสี่ยวถางเข้ามาเสี่ยงด้วยได้หรอก! เขาไม่ไป สถานะของเขาย่อมจะต้องไม่ถูกเปิดเผย แต่ทว่า หลานเสี่ยวถางก็อาจจะเสียชีวิตได้ขึ้นมาจริง ๆ น่ะสิ!
เป็นเพราะว่า ความคิดอันบ้าคลั่งของเขา คนธรรมดาจึงยากที่จะสามารถคาดเดาได้
สือมูเฉินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ต่อสายโทรศัพท์หา DR ทางฝั่งนั้นไปครั้งหนึ่ง
เรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว นอกจากจะใช้งาน DR แล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีหนทางอื่นที่จะล็อกตำแหน่งของหลานเสี่ยวถางได้อย่างรวดเร็วอีกแล้ว
ฝั่งตรงข้ามก็ถือว่าได้คำนวณอย่างแม่นยำแล้วจุดหนึ่ง ถึงพาหลานเสี่ยวถางเข้าไปในพื้นที่ของเขาวงกต
ดังนั้นแล้ว ขอเพียงแค่ให้เขาทันได้ปรากฏกายตรงหน้าของหลานเสี่ยวถางได้อย่างทันเวลา ก็เท่ากับว่าเป็นการบอกกล่าวให้ฝั่งตรงข้ามได้รับรู้แล้ว ว่าเขาคือใคร
แทบจะ ยุ่งยากขึ้นมาแล้วจริง ๆ สิน่า!
สือมูเฉินวางสายไปได้ไม่ถึงสามนาที ก็มีตำแหน่งตำแหน่งหนึ่งถูกส่งทัศนวิสัยเขาแล้ว เห็นได้อย่างรวดเร็วเลยว่าเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่งในเขตป่าลึก
อีกทั้งตำแหน่งที่อยู่ของหลานเสี่ยวถาง มันถูกจำแนกอยู่ในบริเวณครึ่งเอเคอร์โดยรอบของทะเลสาบ
หัวใจของสือมูเฉินพลันแข็งค้าง เร่งความเร็วมากขึ้น ก่อนจะมุ่งตรงไปทางฝั่งทะเลสาบนั่น
เขาคิดอะไรขึ้นมาได้ เปิดโทรศัพท์ ก่อนจะต่อสายโทรศัพท์หาหยานชิงเจ๋อ “ชิงเจ๋อ นายฟังฉันให้ดีนะ นายรู้ ว่าเมื่อก่อนมีคนคอยแอบตามสืบสถานะของฉันมาโดยตลอด ตอนนี้ คนคนนั้นมันจับเสี่ยวถางไปแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังจะไปช่วยเธอ แต่ทว่าต้องเปิด DR ดังนั้นแล้ว มันก็จะเปิดเผยสถานะของฉัน สิ่งที่นายจะต้องทำก็คือ เริ่มดำเนินการฉุกเฉินเพื่อรองรับเอาไว้ รับฟังคำสั่งอยู่ตลอดเวลา ”
“ไว้ใจได้เลยครับ!” หยานชิงเจ๋อฟังข้อความสำคัญนั่นแล้วก็อดที่จะพลั้งปากออกไปไม่ได้ว่า “พี่เฉินครับ พี่ติดตั้งเอาไว้บนโทรศัพท์ของเธอแล้วหรือครับ พี่อาจจะยังไม่ทราบ ถ้าหากว่าถูกเปิดเผยแล้ว แผนการทั้งหมดก่อนหน้านี้อาจจะพังลงก็ได้นะครับ!”
“ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะให้ได้คิดมากแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะฉัน ฉันจำเป็นที่จะต้องไปช่วยเธอ!” สือมูเฉินพูดไป น้ำเสียงมั่นใจและสง่าผ่าเผย “ไม่มากเท่าไหร่นักหรอก ค่อยเริ่มต้นใหม่!”
“พี่เฉินครับ ครั้งนี้พี่อย่าคิดที่จะปฏิเสธอีกเลยครับ ผมดูแล้วพี่หลงรักเธอเข้าแล้วจริง ๆ ใช่ไหมล่ะ?” หยานชิงเจ๋อทางฝั่งนั้นบันดาลโทสะจนกระทืบเท้า อีกทั้งยังเอ่ยขึ้นอีกว่า “หย๋า ช่างเถอะ ช่างเถอะ! ใครใช้ให้ผมเป็นน้องพี่กันล่ะเนี่ย พี่ไปช่วยสาวงามอย่างสง่าผ่าเผยเถอะครับ!”
ตอนนี้ ฝนยิ่งตกมากกว่าเดิมแล้ว เดิมถนนของเขตภูเขาทั้งเล็กทั้งคดโค้ง บวกกับฝนที่ตกลงมาอีก จึงขับรถยากเป็นอย่างมาก
สือมูเฉินถูกฝนพัดเข้าห่าใหญ่ เปิดไฟสูง ขับรถมุ่งหน้าต่อไปด้วยความเร็วที่สุด
ในทะเลสาบ หลานเสี่ยวถางหนาวจนแทบจะชาไปทั้งหมดแล้ว
เป็นเพราะระดับน้ำที่เพิ่มมากขึ้น ระดับนี้ในตอนนี้ขึ้นมาจนถึงริมฝีปากของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอเงยหน้าขึ้น ขบกรามแน่นเอาไม่ไม่ยอมหยุด ร่างทั้งร่างราวกับว่าแทบจะถูกแช่เอาไว้จนแข็งในน้ำ
บนผิวน้ำของทะเลสาบ ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องค่อย ๆ ก่อนเป็นรูปร่างราวกับน้ำตกอย่างปาฏิหาริย์ หลานเสี่ยวถางสบตามองผ่านม่านน้ำฝนอย่างเลือนราง ให้กำลังใจแก่ตอนเองไม่หยุด
ตอนนี้ ท้องฟ้าดำมืดหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะสายฟ้าที่สาดส่องของมาโดยรอบแล้วล่ะก็ หลานเสี่ยวถางแทบจะรู้สึกว่า สถานที่ที่ตนเองอยู่นั้นมองไม่เห็นทางด้านข้างของทะเลสาบลึกเลย
สายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง เธอสบตามองต้นกกที่ถูกลมพัดจนแทบจะสัมผัสเข้ากับผิวน้ำ หากมองไปไกลขึ้นอีกหน่อย พื้นถนนสีดำมะเมื่อม คดโค้งไปมาราวกับว่าเป็นงูเหลือมสีดำมะเมื่อมขนาดมหึมา
แต่ว่า บนงูเหลือมขนาดใหญ่นั่น เดิมก็ไม่มีแสงไฟอะไรเลย จะพูดอีกอย่างหนึ่งเลยก็คือ รถของสือมูเฉินยังไม่มา
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากที่ไกล ๆ ตามมาด้วย หลานเสี่ยวถางที่รู้สึกว่ามันใกล้เข้ามาจากที่ไกล ๆ แล้ว ก่อนจะกลืนลมหายใจ ทำให้คนหวาดกลัว
ในตอนนั้นเอง แผ่นหลังของเธอค่อย ๆ เกร็งตัวมากขึ้น หลังจากนั้น หลานเสี่ยวถางก็มองเห็นน้ำในทะเลสาบที่ขุ่นมากขึ้นกว่าเดิม
ทางด้านหลัง มีแรงผลักอย่างมหาศาลพัดเข้ามา เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาที่ลืมตามองนั้นเอง ระดับน้ำก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว
เดิมระดับน้ำก็แทบจะถึงริมฝีปากของเธออยู่แล้ว แต่ทว่าในตอนนี้ เพียงแค่ในวินาทีหลังจากนั้นเองระดับน้ำก็ขึ้นมาจนถึงจมูกของเธอแล้ว!
หลานเสี่ยวถางตื่นตะลึง เธอกุลีกุจอยืนด้วยปลายเท้าเพื่อยื่นศีรษะขึ้นอย่างสุดกำลัง นั่นจึงทำให้น้ำเข้าไปในโพรงจมูกของเธอ!
แต่ทว่า ตัวเธอเองก็เข้าใจ ดูจากความเร็วเช่นนี้แล้ว คาดว่าไม่ถึงสิบนาที หากเธอไม่หาวิธีอื่นได้แล้วล่ะก็ ก็จะต้องจมน้ำตายอย่างเดียวเท่านั้น!
ภายในเส้นแสงที่มืดมิด ราวกับว่ามีมือข้างหนึ่งของเทพเจ้าแห่งความตายยื่นเข้าหามา ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นเข้ามาที่ลำคอของเธออย่างเชื่องช้า ค่อย ๆ เพิ่มแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ภายใต้เม็ดฝนที่ตกลงมา เส้นผมของเธอเปียกจะลู่เข้ากับใบหน้า ร่างทั้งร่างชาไปทั่วร่าง ประสาทสัมผัสทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะเริ่มจากไปไกลแล้ว
ลมแรงขึ้นกว่าเดิมแล้ว น้ำในทะเลสาบก็เริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรงราวกับว่าเป็นเกลียวคลื่น ในทุกครั้งที่คลื่นซัดเข้ามาหา หลานเสี่ยวถางสามารถทำได้เพียงแค่กลั้นหายใจเท่านั้น ปิดเปลือกตาลง รอให้คลื่นจากไป เธอถึงแทบจะรีบคว้าโอกาสในการหายใจอีกครั้งหนึ่งเลยก็ไม่ปาน
ถึงแม้ว่าจะทำขนาดนี้แล้ว แต่ทว่าจมูกก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากน้ำโคลนได้เลย ในตอนที่สูดหายใจ ลำคอก็รู้สึกเจ็บปวดในทันที
ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างเชื่องช้า หลานเสี่ยวถางแทบจะต้องกลั้นหายใจอยู่ประมาณยี่สิบกว่าวินาทีเลย ถึงสามารถรอให้น้ำในทะเลสาบลดลง จึงจะสามารถหายใจได้อีกครั้ง
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอสัมผัสเข้าใกล้กับความตายแล้วจริง ๆ อย่างเป็นทางการ ในครั้งแรกเป็นในครั้งที่ถูกรถชน แต่ทว่า ในตอนนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังไม่เหมือนกับในตอนนี้ ที่ความรู้สึกใกล้ตายเข้าใกล้เธอเข้ามาทีละนิดทีละนิดแล้วสลายความตั้งใจที่มีเหลืออยู่
ในความรู้สึกที่แทบจะเข้าใกล้กับความสิ้นหวังแบบนี้ ทำให้สติสัมปชัญญะของเธอค่อย ๆ เลือนรางมากขึ้น
ต่างก็กล่าวกันว่าก่อนที่คนจะตายนั้น มักจะสามารถมองเห็นภาพที่ลึกอยู่ในความทรงจำอย่างเลือนรางที่ผ่านมาได้ แต่ทว่า หลานเสี่ยวถางกลับค้นพบว่าความคิดในตอนนี้ของตนเองขาวโพลน ตามต่อมาด้วยระดับน้ำที่ยังมาไม่ถึงจมูกของเธอ เธอนึกออกอยู่เพียงแค่ภาพเดียวเท่านั้น
ในตอนนั้น สือมูเฉินบอกว่ามีเขาอยู่ด้วยไม่ต้องกังวล มือหนึ่งของเขาโอบกอดเธอเอาไว้ อีกมือหนึ่งนำพาเธอออกมาจากทะเลที่ว่ายน้ำมาไปจนถึงคฤหาสน์ของเขา……
แต่ทว่าในครั้งนี้ หากเขาไม่มาล่ะ?
จู่ ๆ ดวงตาของหลานเสี่ยวถางก็ร้อนขึ้น มีหยาดน้ำตาหนึ่งหยดไหนออกมาจากดวงตา หลอมรวมเข้ากับหยาดน้ำฝน ก่อนจะหยดลงในทะเลสาบเย็นเฉียบอย่างไร้เสียง
แต่ทว่าในตอนที่เธอใกล้จะถอดใจอยู่แล้วนั้นเอง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเบรกเสียงแหลมของรถยนต์ดังขึ้น
ในตอนที่ผ่านมาอย่างเนิ่นนานนี้เอง นอกจากเสียงของสายฟ้าด้านนอกแล้ว เสียงที่ไม่เหมือนกันหนึ่งเดียวก็ดังขึ้น!
ร่างทั้งร่างของหลานเสี่ยวถางสั่นเทา ใกล้ที่จะไร้สติสัมปชัญญะอยู่แล้วแต่กลับค่อย ๆ เริ่มกลับคืนสู่ความอบอุ่น
หลังจากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของสือมูเฉินที่ร้องเรียกหาเธออย่างเร่งรีบ
แต่ทว่า ไม่ว่าเธอจะเขย่งเท้าหรือดิ้นรนต่อสู้มากแค่ไหน ริมฝีปากของเธอก็อยู่ใต้น้ำแล้ว แม้กระทั่ง เป็นเพราะว่าเคลื่อนไหวอย่างดุเดือด อากาศที่เธอกลั้นเอาไว้ก็มีน้อยลงแล้ว ในการทำงานของแรงดันใต้น้ำนั้นเอง แผ่นอกก็ถูกกดให้จมแล้ว
สือมูเฉินในตอนนี้วิ่งเข้ามาที่ชายฝั่งของทะเลสาบแล้ว แต่ทว่า ทัศนวิสัยทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสีดำสนิท
เขาหยิบไฟฉายขึ้นมา แต่ว่า เดิมแสงไฟจากไฟฉายก็ส่องไปได้ไม่ไกลนัก
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีสายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดลงมาให้เขาเห็น เมื่อเขาเบนสายตาไป ก็มองเห็นท่อนไม้ที่สูงไม่ถึงครึ่งจากผิวน้ำอยู่ไกล ๆ
อีกทั้งที่ท่อนไม้นั่น มีของสีดำบางอย่าง แทบจะ คล้ายราวกับว่าเผยให้เห็นถึงศีรษะของคนที่โผล่พ้นออกมาจากผิวน้ำ!
หัวใจของสือมูเฉินแทบจะกระเด็นออกมาจากดวงตา เขาไม่สนใจระดับน้ำ ก่อนจะพุ่งเข้าไปกลางทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
เขาว่ายน้ำพุ่งเข้าไปหาท่อนไม้นั่นอย่างรวดเร็ว ใกล้มากแล้ว ก็มองเห็นเส้นผมยาวของผู้หญิงลอยอยู่บนผิวน้ำ ราวกับว่าเป็นสาหร่ายก็ไม่ปาน
จู่ ๆ หัวใจของเขาก็ว่างเปล่าทันที ความรู้สึกสับสนจนหยุดหายใจ แต่ทว่า การเคลื่อนไหวของมือกลับเร็วมากยิ่งขึ้นแล้ว
ในที่สุดก็มาถึงท่อนไม้ เมื่อสือมูเฉินยื่นมือเข้าไปสัมผัส ก็สัมผัสเข้ากับร่างนุ่มนิ่มร่างหนึ่งทันที
เป็นเพราะว่าแช่อยู่ในน้ำนานเกินไปแล้ว อุณหภูมิของร่างกายตอนนี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าแทบจะคล้ายกับน้ำเย็นก็ไม่ปาน ดังนั้นแล้ว เดิมเขาก็ไม่อาจทราบได้เลยว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!
สือมูเฉินสัมผัสเข้าที่เชือกเอ็นบนร่างของหลานเสี่ยวถางอย่างรวดเร็ว หยิบมีดพกขนาดเล็กที่ตระเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้นานแล้วขึ้นมา ก่อนจะจัดการอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง เชือกถูกตัดขาดไปแล้ว เขาดึงเชือกออก ร่างกายของหลานเสี่ยวถางไร้พันธนาการแล้ว หลังจากนั้นจึงตกลงมา
สือมูเฉินเข้าใจว่าเธอไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ หัวใจของเขาบีบรัดแน่น คว้าเอวของเธอเอาไว้ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวถาง!” เขาร้องเรียกชื่อของเธอเป็นการเร่งด่วน เมื่อเห็นว่าดวงตาทั้งสองข้างของเธอไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงยื่นมือเข้าไปตบที่ใบหน้าของเธอ