บทที่ 21 ท่านย่าติดโรคร้าย

บัลลังก์ชายาหมอเทวดา

บทที่ 21 ท่านย่าติดโรคร้าย

ทางด้านเย่จายซิงก็คิดไม่ถึงว่าบ้านรองจะทนไม่ไหวเร็วเช่นนี้ แต่ว่าเมื่อเทียบความอันตรายของจวินหยวน นางยินดีที่จะต่อกรกับคนพวกนั้น
ร่วมกับเวลานี้นางอาศัยร่างของเจ้าของร่างเดิม ความแค้นบางความแค้น นางจำต้องชำระ
“ไล่ออกไปซะ”
จวินหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แม้ฮูหยินเฒ่าตาย เขาก็ไม่สนใจ
เย่จายซิงรีบพูด:
“อย่า เสด็จอา ฮูหยินเฒ่าคือย่าของข้า นางล้มป่วย ข้าและยู่หยางกลับไปเป็นเรื่องที่ถูกทำนองคลองธรรม ข้าไม่อยากถูกผู้คนด่าทอลับหลัง เช่นนี้ดีหรือไม่ หากเสด็จอาอยากเจอข้า มาหาข้าที่จวนแม่ทัพก็ได้!”
นางสามารถฉวยโอกาสนี้ไปจากโรงเตี๊ยม แน่นอนว่าย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ
สีหน้าของเขาเยือกเย็น เพียงมองมุมปากของเขาที่อยู่ใต้หน้ากาก ก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ
เย่จายซิงจับมือของเขาส่ายไปมาแล้วออดอ้อน:”เสด็จอา หรือท่านทนเห็นข้าถูกพูดอื่นนินทาลับหลังได้?”
หญิงรับใช้ก้มหน้างุด ไม่กล้าที่จะมอง ท่านอ๋องคือคนที่จะยอมตกลงเมื่อมีคนออดอ้อนเช่นนั้นหรือ? เห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้! ดังนั้นนางจึงกลัวพระชายาจะกระอักกระอ่วน จึงพยายามลดตัวตนของตนเอง
ทว่าผู้ใดจะคาดคิด ท่านอ๋องกลับพยักหน้า ทั้งยังพูดว่า:
“ได้ ข้าให้เจ้ากลับไ แต่ว่าเจ้าอย่าคิดไม่ซื่อเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะจับตัวเจ้ากลับมา มัดเจ้าให้อยู่ข้างกายข้า”
หญิงรับใช้ตกตะลึง นี่คืออ๋องเซ่อเจิ้งผู้เลือดเย็นและอำมหิตจริงๆ หรือ?
เมื่อครู่นางเห็นองครักษ์ลับลากตัวเจ้าแดงออกมา ดังนั้นหญิงรับใช้จึงสั่นเทา
คิดไม่ถึงว่าอ๋องเซ่อเจิ้งจะใจดีกับพระชายาเช่นนี้!
เย่จายซิงคิดไม่ถึงว่าการออดอ้อนจะใช้ได้ผล ที่แท้จวินหยวนก็พ่ายแพ้ให้กับลูกไม้นี้ นางลอบจดจำเอาไว้
“เข้าใจแล้ว น้องซิงจะเป็นเด็กดี ขอบคุณเสด็จอาเจ้าค่ะ!”
นางเจตนาพูดเสียงหวาน
เย่จายซิงไม่มีข้าวของใดๆ ต้องเก็บ เปิดประตูเตรียมจะเดินตามพ่อบ้นไป ทว่าจวินหยวนกลับคว้าข้อมือของนางกะทันหัน พูดกับนาง:
“ข้าจะไปเยี่ยมเจ้า”
ทางที่ดีที่สุดอย่ามา! รักและลุ่มหลงเจ้าแดงของท่านไปเถอะ
ภายในใจของเย่จายซิงไม่สบอารมณ์ ทว่าใบหน้าของนางกลับยิ้มแย้ม “ได้!”
“ท่านพี่!”
ออกไปจากโรงเตี๊ยม พ่อบ้านสั่งให้คนเตรียมรถม้าตั้งแต่แรกแล้ว เย่ยู่หลางที่เป็นน้องชายรอนางอยู่ด้านหน้ารถม้า
“เสด็จอา ไม่ต้องไปส่งข้าหรอก พวกข้าไปก่อน”
เย่จายซิงหันหน้ากลับไปบอกจวินหยวน นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะส่งนางออกไป
เขาพยักหน้าเล็กน้อย มองส่งนางขึ้นรถม้า เมื่อเห็นรถม้าขับเคลื่อนไปไกล เขาพูดสั่ง:
“ให้เหยียนเฟิงไปคุ้มกันพระชายา”
ขึ้นต้นด้วยเหยียน ล้วนเป็นองครักษ์ลับของเขา เหยียนเฟิงคือองครักษ์ลับที่วรยุทธ์สูงสุดท่ามกลางองครักษ์ทั้งหมด
พ่อบ้านและพวกองครักษ์ลับได้ยินว่านายท่านออกมาจากเหยียนเฟิง พวกเขาก็พอจะรู้แล้วว่าพระชายาสำคัญกับนายท่านมากเพียงด
ทางด้านจวนแม่ทัพ
ฮูหยินเฒ่านั่งเงียบอยู่ในเรือนคงจิต ใบหน้าแก่ชราไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก สีหน้าเคร่งขรึม มีความน่าเกรงขามทั้งที่ยังไม่ได้โมโห มองดูแล้วแข็งแรงยิ่งนัก ไม่เหมือนคนที่เพิ่งป่วยเป็นโรคร้าย
เบื้องล่างของนาง มีคนของบ้านรองและบ้านสามนั่งอยู่
“ท่านย่า น้องสี่คงจะไม่กลับมาแล้วกระมัง? เวลานี้นางมีอ๋องเซ่อเจิ้งเป็นที่พึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาแล้วก็ได้เจ้าค่ะ”
เย่เจียหยูพูดด้วยความเสียใจเล็กน้อย
วันนั้นนางเอามีดแทงตนบนท้องถนน แม้จะกินยาแล้วและบาดแผลก็หายนานแล้ว แต่ความอับอายในวันนั้น นางคิดบัญชีทั้งหมดไปที่เย่จายซิง แทบอยากจะถลกหนังและเลาะกระดูกของนาง เพื่อคลายความแค้นในใจ
แต่นางก็กังวลว่าเย่จายซิงจะอยู่ในจวนอ๋องเซ่อเจิ้งไม่ยอมกลับมา ตระกูลเย่ของพวกเขาไม่กล้ามีเรื่องกับอ๋องเซ่อเจิ้ง
“หึ! มีหรือที่นางจะกล้าไม่กลับมา! ข้าป่วยหนัก หากนางไม่กลับมา พรุ่งนี้นางต้องจมน้ำลายของคนในเมืองหลวงอย่างแน่นอน!”
ฮูหยินเฒ่าหัวเราะเยือกเย็น ทำสีหน้าเหมือนทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตนเอง
ท่านรองเย่เย่อเจ๋อหย่งพูดเสียงเคร่งขรึม: “เป็นไปไม่ได้ที่นางและเย่ยู่หยางจะไม่กลับมา คลังสมบัติอยู่ในจวน พวกเขาไม่มีเงิน ต้องกลับมาเอาเงินไม่ใช่หรือ?”
“จริงด้วย! อ๋องเซ่อเจิ้งจะเลี้ยงคนไร้ประโยชน์สองคนเอาไว้ในจวนโดยเปล่าประโยชน์ได้อย่างไร!”
ฮูหยินรองนางเสิ่นพูดคล้อยตาม
“จากที่ข้าดู แม้ว่าพวกเราจะไม่ให้พวกเขากลับมา อ๋องเซ่อเจิ้งก็ต้องไล่พวกเขากลับมา! อ๋องเซ่อเจิ้งไม่มีวันชมชอบคนอัปลักษณ์ ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะเห็นแก่พี่ใหญ่ที่จากไป จึงช่วยพวกเขาก็เท่านั้น”
ท่านสามเย่เย่เจ๋อบูหัวเราะแล้วพูด
ฮูหยินเฒ่าพยักหน้า พูด:
“รอพวกเขากลับมา บีบพวกเขาเอากุญแจคลังสมบัติออกมา เย่เจ๋อหยวนเป็นลูกชายคนโตของข้า ของที่เขาทิ้งเอาไว้ก่อนตาย ข้าควรเป็นคนดูแล จะให้เด็กสองคนทำข้ามหน้าได้อย่างไร!”
คนบ้านรองและบ้านสามต่างพยักหน้า สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความดีใจ ผู้ใดจะไม่รู้บ้างว่าตลอดหลายปีนี้เทพสงครามพี่ใหญ่เย่เจ๋อหยวนสั่งสมความร่ำรวยมหาศาลเพียงใด?
แต่เขากลับเก็บงำความมั่งคั่งทั้งหมดเอาไว้ในคลังสมบัติ คลังสมบัตินั้นสร้างจากวัสดุพิเศษ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้พวกเขาคิดหาวิธีมากมายแต่ก็ไม่อาจเปิดคลังสมบัติได้
เมื่อสามปีก่อนเย่เจ๋อหยวนตายอย่างไม่คาดคิด กุญแจของคลังสมบัติหายไป ทุกคนต่างคิดว่ากุญแจของคลังสมบัติอยู่ที่เย่จายซิงและเย่วู่หยางสองคนพี่น้อง แต่ว่าพวกเขาสืบเรื่องนี้ทั้งอย่างเปิดเผยและอย่างลับๆ ก็หากุญแจไม่เจอ
จนพวกเขาคิดว่ากุญแจไม่ได้อยู่ที่สองคนพี่น้องแล้ว ทว่าเมื่อสองวันก่อนบนท้องถนน เย่จายซิงหยิบยาขั้นสี่ชั้นดีออกมามากมาย มูลค่ามหาศาล แต่นางกลับเอาให้อสูรกินอย่างไม่ใส่ใจ!
นางเอาเงินจากที่ใดไปซื้อยา?
ต้องเอามาจากคลังสมบัติอย่างแน่นอน! หรือไม่ยาเหล่านี้ก็อยู่ในคลังสมบัติ!
ดังนั้นเวลานี้ทุกคนจึงคิดว่ากุญแจของคลังสมบัติอยู่ในมือเย่จายซิง เมื่อก่อนนางแสร้งบ้าแกล้งโง่ไม่บอกทุกคน ช่างอกตัญญูยิ่งนัก
วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องเอากุญแจของคลังสมบัติมาให้ได้
“ฮูหยินเฒ่า ท่านรอง ท่านสาม คุณหนูสี่และคุณชายน้อยกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามารายงาน
แววตาของเย่เจียหยูทอประกาย
“ให้พวกเขาเข้ามา!”
ฮูหยินเฒ่าทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ เคร่งขรึมยิ่งนัก
“ฮูหยินเฒ่า นอกจากคุณหนูสี่และคุณชายน้อยแล้ว ยังมีบุรุษชุดดำสวมหน้ากากเป็นองครักษ์ให้พวกเขาด้วยเจ้าค่ะ คนคนนี้คล้ายจะเป็นองครักษ์ลับของอ๋องเซ่อเจิ้ง!”
สาวใช้รายงานด้วยเสียงที่สั่นเทา เพราะองครักษ์ลับคนนั้นแผ่ซ่านไปด้วยไอสังหาร มองเพียงปราดหนึ่ง ก็หนาวสั่นไปทั้งตัว ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“อะไรนะ!”
“องครักษ์ลับของอ๋องเซ่อเจิ้งเป็นองครักษ์ให้กับสองพี่น้องไร้ประโยชน์เนี่ยนะ!”
ทุกคนต่งลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึง
ท่านหวงที่เจ้าพระยาเซี่ยส่งมาให้วันนั้นถูกองครักษ์ลับของอ๋องเซ่อเจิ้งฆ่าอย่างง่ายดาย ดังนั้นทุกคนจึงหวาดกลัว ท่านหวงคือผู้แข็งแกร่งที่มาจากเฉินตู พลังยุทธ์อยู่ในขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ สามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการในแคว้นหงส์แดง แต่สุดท้ายเมื่อเผชิญหน้ากับองครักษ์ลับของอ๋องเซ่อเจิ้งกลับไม่มีแม้แต่กำลังในการต่อต้าน
เพียงคิดก็รู้แล้วว่า องครักษ์ลับของอ๋องเซ่อเจิ้งร้ายกาจเพียงใด
ทว่า อ๋องเซ่อเจิ้งกลับส่งองครักษ์ลับมาคุ้มกันเย่จายซิงสองคนพี่น้องที่ไร้ประโยชน์ เอาคนที่มีความสามารถมาใช้ในเรื่องเล็กเกินไปแล้วกระมัง? ขยะสองคนนี้คู่ควรด้วยหรือ?
“เร็วเข้า!ท่านย่าไปนอนบนเตียงก่อน อย่าให้อ๋องเซ่อเจิ้งรู้ว่าท่านแกล้งป่วย มิเช่นนั้นต้องเกิดปัญหาแน่”
เย่เจียหยูรีบพูด
“น้องหยูรอบคอบจริงๆ หึ พวกเขาสองคนพี่น้องช่างเป็นสัตว์เดรัจฉาน พาคนของอ๋องเซ่อเจิ้งกลับมาที่จวนเนี่ยนะ!”
ฮูหยินเฒ่าโมโหอย่างมาก แต่ก็จำต้องขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วแกล้งป่วย เพราะถึงอย่างไรนางก็ใช้เหตุผลข้อนี้ในการตามตัวสองพี่น้องกลับมา
ฮูหยินเฒ่าเพิ่งล้มตัวลงนอน เย่จายซิงและเย่ยู่หยางก็มาถึง
เดิมทีทุกคนเตรียมที่จะสั่งสอนสองคนพี่น้องสักครั้ง ทว่าคิดไม่ถึงอ๋องเซ่อเจิ้งจะส่งองครักษ์ลับมาเป็นองครักษ์ของพวกเขา เวลานี้ไม่มีผู้ใดกล้าพูดจาไม่รื่นหูแล้ว
“ท่านย่าป่วยหนักไม่ใช่เหรือ? ดูจากสีหน้าแล้วไม่ได้เป็นอะไรมากหนิ”
เย่จายซิงยิ้มบางๆ มองฮูหยินเฒ่าแล้วพูดอย่างมีเลศนัย