ตอนที่ 140 เมิ่งอวิ๋นซี

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 140 เมิ่งอวิ๋นซี

ตอนนี้ไป๋เยี่ยมีความคิดมากมายเกี่ยวกับหนูทดลอง เขาเอาแต่คิดเรื่องหนูจนเก็บไปฝัน…

ถ้าเป็นพ่างจื่อคงพูดว่า กลางวันให้คิด พอตกดึกค่อยฝัน…

ในตอนแรก เขาติดต่อเมิ่งอวิ๋นซีไปเพราะต้องการคุยเรื่องเพาะพันธุ์หนูทดลอง แต่ไปๆ มาๆ เขากลับต้องมาเล่านิทานให้เธอฟัง ทำเอาไป๋เยี่ยทำตัวไม่ถูกเลย

แต่เขาจะมัวชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว มีหลายเรื่องที่กำลังรอเขาอยู่ เขาต้องแก้ไขปัญหาเรื่องหนูทดลองโดยไว

ทันทีที่ไป๋เยี่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะส่งข้อความถึงเมิ่งอวิ๋นซี จู่ๆ เขาก็รู้สึกไปไม่เป็นขึ้นมาเสียได้ เขาโสดมากว่ายี่สิบปี ทำให้เขาต้องมานั่งคิดดีๆ ว่าควรจะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไรดี

ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น ไป๋เยี่ยก็อาจจะกล้าคุยกว่านี้ แต่พอเป็นเมิ่งอวิ๋นซี ไป๋เยี่ยกลับรู้สึกแปลกๆ เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างลึกลับ แถมยังชอบเล่าเรื่องอีกด้วย…

อย่างไรก็ตาม…ไป๋เยี่ยส่ายหัวไปมา เขาต้องละเรื่องนั้นไปก่อนเพราะเรื่องหนูทดลองสำคัญกว่ามาก!

เมื่อเตรียมใจให้พร้อมแล้ว ไป๋เยี่ยก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างมั่นใจก่อนจะเปิดหน้าวีแชทของเมิ่งอวิ๋นซีแล้วจึงส่งข้อความไป

[ผมมีเรื่องจะบอกคุณ]

ทว่าในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาพอดี [ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง]

ไป๋เยี่ยงุนงง เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องเล่าอีกแล้วเหรอ

มือของเขาสั่น จนเผลอกดส่งข้อความไป

อีกฝ่ายก็ดูจะชะงักไปเหมือนกัน…เพราะทั้งคู่ดันกดส่งข้อความไปพร้อมกัน!

เรื่องบังเอิญแหละเนอะ อื้ม!

[บังเอิญจังเลย!]

[บังเอิญจังเลย!]

[คุณพูดก่อน…]

[คุณพูดก่อน…]

ไป๋เยี่ยงงมาก พ่างจื่อไม่เคยสอนเขาว่าให้ทำอย่างไรเมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้

เมิ่งอวิ๋นซีเองก็ดูจะงงเหมือนกัน นี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไป๋เยี่ยจึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นก่อน [ดีครับ คือผมอยากคุยกับคุณเรื่องหนู]

เมิ่งอวิ๋นซีตอบกลับมาทันที [ได้สิ ฉันก็อยากคุยเรื่องนี้กับคุณอยู่พอดี]

ไป๋เยี่ยพิมพ์ต่อ [ผมมีเรื่องเกี่ยวกับการทดลองนิดหน่อยน่ะ ผมต้องการข้อมูลจากการทดลองและต้องใช้หนูทดลองจำนวนมาก ถ้ามันเป็นไปได้…ผมจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายเอง]

เมิ่งอวิ๋นซีตอบ [งั้นเรามาคุยกันหน่อยไหมคะ ฐานทดลองของฉันไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงนะ แต่ตั้งอยู่ที่ตงซานในจิ้นซีนั่นแหละ ช่วงนี้ฉันประจำอยู่ที่จิ้นซีด้วย คิดว่าจะมาเจอกันได้เมื่อไหร่ล่ะ]

ไป๋เยี่ยชะงัก อยู่ที่จิ้นซีงั้นเหรอ งั้นก็ดีเลย!

เมื่อนัดหมายกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ เมิ่งอวิ๋นซีก็เปิดประเด็นต่อ [แล้ว…คุณเล่านิทานให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม]

ไป๋เยี่ยสับสนเล็กน้อย [นี่คุณนอนไม่หลับอีกแล้วเหรอครับ]

เมิ่งอวิ๋นซีพยักหน้า [ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก แถมยังนอนไม่หลับเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนนิทานที่คุณเล่าจะไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว…]

ไป๋เยี่ยถึงกับงุนงงเมื่อได้รู้ว่านิทานของเขาไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว

หมายความว่าเรื่องที่เขาเล่าๆ ไปก่อนหน้านี้ได้ผลใช่ไหม ไป๋เยี่ยเห็นดังนั้นก็ใจเต้นโครมคราม…

พอดีกับที่พ่างจื่อกลับมาถึงหอพัก ทันทีที่เห็นไป๋เยี่ยนั่งหน้าแดงก่ำอยู่อย่างนั้น พ่างจื่อก็โพล่งขึ้นมา “เฮ้ย! แอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ น่ะ ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะ ในเครื่องนายมีหนังอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ”

ไป๋เยี่ยรีบปิดหน้าจอลงอย่างรวดเร็ว ทำเอาพ่างจื่ออดเม้มปากลงไม่ได้ “ขี้งกจังวะ ทำไรล่ะนั่น แอบนัดสาวเหรอ”

ไป๋เยี่ยรีบดึงพ่างจื่อมาถาม “นายว่าควรใส่ชุดไหนไปเจอผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก”

พ่างจื่อถึงกับตกใจ “นี่นายนัดสาวจริงดิ สวยไหม”

ไป๋เยี่ยทำหน้าเข้ม “เอาดีๆ สิ นี่ฉันรีบอยู่นะ ฉันมีนัดต้องคุยบางเรื่องอยู่!”

พ่างจื่อลากเก้าอี้มานั่ง เขามองหน้าไป๋เยี่ยครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปตามความเป็นจริง “นายต้องดูก่อนว่านายจะไปทำอะไร ถ้านายสวมชุดสูทที่ดูสุภาพ นายก็ยิ่งดูมีอำนาจ ถ้าใส่ชุดตามเทรนด์ก็ดูมีสไตล์ดี ถ้าใส่ชุดลำลองธรรมดาๆ ไปเดทก็ดูสบายตาดีนะ…

พ่างจื่อพูดราวกับว่ารู้ดีอยู่แล้ว เขาดูจะมีชีวิตชีวามากจริงๆ

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของไป๋เยี่ยก็ดังขึ้น เขาจึงรีบคว้ามันขึ้นมาดูทันที “สะดวกไหม ฉันเปิดเสียงแล้วนะ”

“สะดวก สะดวกครับ!”

ไป๋เยี่ยพิมพ์ไปพร้อมกับเดินออกไปรับโทรศัพท์

เขาออกไปคุยโทรศัพท์อยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมง พอกลับมาในห้อง พ่างจื่อก็เดินเข้ามาจ้องหน้าไป๋เยี่ยอย่างระมัดระวังก่อนจะถอนหายใจออกมา “พอลูกชายโตขึ้นก็ไม่ต้องพึ่งพ่อแล้ว…มานี่ ฉันมีของดูต่างหน้ามาให้นายแหละ ดูแลตัวเองด้วยนะ!”

พูดจบพ่างจื่อก็หยิบถุงยางอนามัยออกมาจากลิ้นชักแล้วยื่นให้ไป๋เยี่ย

ไป๋เยี่ยนิ่งไป “นายไปเอาไอ้ของพรรค์นี้มาจากไหนเนี่ย หมาโสดสนิทแบบนายจะมีของแบบนี้ติดตัวไว้ทำไม”

พ่างจื่อทำหน้าบูด “เดือนก่อนฉันไปฝึกงานที่แผนกทวารหนักน่ะ ต้องเอาไอ้นั่นสวมนิ้วไว้ตอนไปคลำหาริดสีดวงอย่างบ่อยเลย…แถมส่วนใหญ่ยังเป็นของพวกตาแก่ด้วย! พวกคนในแผนกทวารหนัก…เอาแต่บอกให้ฉันไปตรวจทวารหนักให้พวกผู้ชายตลอดเลย!”

ไป๋เยี่ยฟังจบก็โยนมันคืนพ่างจื่อและรีบเข้านอน

พวกเขานัดกันที่ฐานทดลองในตงซานเวลาเก้าโมงครึ่งถึงสิบโมงตรง

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนค่อนข้างตรงต่อเวลาทีเดียว

วันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยตื่นแต่เช้าและรีบออกเดินทางทันที เขาไม่ได้สนใจคำพูดของพ่างจื่อสักเท่าไหร่ มีแต่ความรู้สึกสงสัยในตัวของเมิ่งอวิ๋นซี

เราชอบเธอเหรอ

คนเราจะชอบคนที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนได้ด้วยเหรอ

ทันทีที่มาถึง ไป๋เยี่ยก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงนักเวลาเก้าโมงครึ่งถึงสิบโมง

เพราะว่าเมิ่งอวิ๋นซีเพิ่งจะเจรจากับลูกค้าสองรายไปก่อนหน้านี้ และไป๋เยี่ยก็คือรายที่สาม

นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋เยี่ยได้พบกับเมิ่งอวิ๋นซี เธอมีกลิ่นอายชาวตะวันออกอย่างชัดเจน ดูไม่มีเชื้อชาติอื่นเจือปนเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเธอสวยสง่าราวกับภาพวาดหมึก

คงเป็นเพราะเธอต้องมาคุยงาน เธอจึงสวมชุดที่ดูสุภาพเรียบร้อย เธอหันมามองไป๋เยี่ยทั้งรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “สวัสดี ฉันเมิ่งอวิ๋นซี นั่งลงได้เลย!”

เธอจับมือของเขาแน่นก่อนจะปล่อยมือลง ไป๋เยี่ยก็ได้แต่ยิ้มบางๆ

“ฉันขอโทษนะ แต่ฉันมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงจริงๆ” รอยยิ้มของเมิ่งอวิ๋นซีดูมีความเป็นมืออาชีพมาก ทว่าไป๋เยี่ยก็ไม่ได้สนใจตรงนั้น

“ผมขอโทษที่รบกวนคุณนะครับ แต่ผมอยากจะอยู่ในฐานเพาะพันธุ์หนูทดลองของคุณสักพักหนึ่งเพื่อทำการทดลอง แน่นอนว่าผมจะจ่ายเงินให้คุณตามราคาหนูที่ใช้ทั้งหมด” ไป๋เยี่ยพูดวัตถุประสงค์ของตนเองออกมาตรงๆ

เมิ่งอวิ๋นซีพยักหน้า “เดซี่บอกฉันแล้วละ หนูในฐานเพาะพันธุ์ของบริษัทเราเพาะพันธุ์ไว้ใช้ภายในแล็บเท่านั้น จะไม่มีการส่งออก เพราะฉะนั้นมันอาจจะไม่ได้ตรงตามมาตรฐานขนาดนั้นนะ ส่วนเรื่องราคาน่ะ ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะว่าพวกเราไม่ได้เพาะพันธุ์หนูให้ตรงตามมาตรฐาน ตอนนี้หนูทดลองก็ไม่ได้เป็นที่ต้องการมากแล้ว พวกเราเลยวางแผนจะโอนย้ายหนูพวกนี้ออกไปเร็วๆ นี้ด้วย นี่คือสิ่งที่ฉันอยากบอกคุณค่ะ”

ไป๋เยี่ยชะงัก!

หา?

โอนย้ายเหรอ

ยังไม่ได้ลงมือทำการทดลองเลย จะโอนย้ายไปไหนล่ะ

ไป๋เยี่ยรู้สึกขอบคุณตนเอง โชคดีที่เขามาเร็ว ไม่เช่นนั้นฐานเพาะพันธุ์ก็คงถูกขายให้กับคนอื่นไปแล้ว แถมตอนนี้เขาก็กำลังจะทำการทดลองแปลกๆ อยู่ด้วย

เมิ่งอวิ๋นซีมองไป๋เยี่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ กว่าจะโอนย้ายไปก็คงอีกพักหนึ่ง ตอนนี้คุณใช้งานมันได้แบบฟรีๆ เลยนะคะ!”