บทที่ 112 ยุแยง

บทที่ 112 ยุแยง

โจวอี้เดินออกจากประตูสำนักงานและถูกหวงไห่เทาจับไหล่เอาไว้เพื่อให้หยุด เมื่อมองดูสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องมีความคิดสกปรกในใจ

หวงไห่เทาโน้มตัวเข้ามาถามโจวอี้ “น้องโจว บอกความจริงกับผมมาว่าคุณหลงใหลในความงามของชิงอิ่งใช่ไหม กำลังตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของความงามสินะ?”

“เปล่านะ อย่ามาพูดไร้สาระ!” โจวอี้ปฏิเสธทันที

“เหอะ ๆ แค่มองแวบเดียวผมก็รู้แล้ว ไม่เช่นนั้นคุณจะมีท่าทีต่อต้านจวงรุ่ยทำไม จะสนับสนุนให้เขาไปสร้างปัญหาให้กับคนอื่นเพื่ออะไร?”

“ผมก็แค่คนใจแคบ ในเมื่อเขาไม่เป็นมิตรกับผมก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะสั่งสอนเขาสักหน่อย” โจวอี้กล่าวอย่างใจเย็น

“จิตใจของนายนี่คับแคบจริง ๆ” หวงไห่เทาตกตะลึง

“แน่นอน ตัวอย่างเช่นในวันที่เราพบกัน หากคุณกล้าแสร้งทำเป็นไม่รู้จักผม วันรุ่งขึ้นทุกคนในเมืองจินหลิงจะได้รู้แน่นอนว่าตระกูลหวงเป็นหนี้ผู้อื่น ซึ่งแน่นอนว่าชื่อเสียงของตระกูลหวงย่อมย่อยยับ” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มกวน ๆ

“แค่ก ๆ นี่คุณอายุยังน้อยนะ ควรประมาณตนบ้างว่าหม้อร้อนไหนเปิดได้ หม้อไหนไม่ควรเปิด”

หวงไห่เทากล่าวด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ เขาแอบจำได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนใจกว้างนัก อีกฝ่ายพร้อมจะสร้างความย่อยยับให้แก่คนที่ไม่เป็นมิตรได้เสมออย่างโหดเหี้ยม ดังนั้นเขาจึงไม่ควรสู้กับอีกฝ่ายไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต

อีกด้านหนึ่ง ซีชิงอิ่งยืนอยู่หลังประตูอย่างเงียบ ๆ เธอฟังการสนทนาระหว่างโจวอี้และหวงไห่เทา ด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน

โจวอี้ยังไม่หลงเสน่ห์เธออีกเหรอ?

เสน่ห์ของเธอใช้ไม่ได้กับผู้ชายทุกคน!

หมอโจวเก่งเรื่องการแพทย์ ซื่อสัตย์ และใจดี ทั้งยังไม่ลุ่มหลงในความสวยงาม เขาช่างเป็นคนที่หายากจริง ๆ

ส่วนเรื่องข้อเสียล่ะ?

คนที่บอกว่าพวกเขาใจแคบมักเป็นคนใจกว้าง ตรงกันข้ามกับคนที่มักบอกว่าตนเป็นคนใจกว้างนั่นคือคนใจแคบที่แท้จริง

แต่หมอโจวไม่ใช่!

บริเวณล็อบบี้ที่ชั้นหนึ่ง

หลินอวี้เฟิงถือดอกกุหลาบไว้ในมือด้วยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ เขาถูกล้อมรอบไปด้วยเพื่อน ๆ ของเขา

ชายหนุ่มพูดกับพนักงานต้อนรับว่า “เจ้านายของคุณอยู่ที่นี่ไหม โปรดแจ้งให้เธอมาผมพบที่นี่ได้รึเปล่า”

“ขออภัยด้วยจริง ๆ ค่ะ เจ้านายของเรากำลังให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอยู่ เธอไม่สามารถพบคุณได้ในขณะนี้” พนักงานต้อนรับกล่าว

“แขกผู้มีเกียรติ? ก็ได้! ผมมีเวลาอีกมาก ดังนั้นผมจะรอเธอที่นี่” หลินอวี้เฟิงยิ้ม

“จะรออะไรนักหนา? ออกไปจากที่นี่ซะ!” ทันใดนั้นจวงรุ่ยก็เดินลงมาด้วยสีหน้าเย็นชาพลางตะโกนไล่

จวงรุ่ย?

ใบหน้าของหลินอวี้เฟิงเปลี่ยนไป และทุกคนที่อยู่ข้างหลังเขาก็แสดงความกลัวออกมาเช่นกัน

“หมายความว่าไง? ผมมาที่นี่เพื่อหาชิงอิ่ง คุณมายุ่งเกี่ยวอะไรด้วย?” หลินอวี้เฟิงถามอย่างเย็นชา

เขาไม่กลัวจวงรุ่ย

แม้ว่าตระกูลจวงจะเป็นตระกูลเก่าแก่ในเมืองจินหลิง แต่ตระกูลหลินก็ไม่ใช่ตระกูที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ธุรกิจของตระกูลหลินเฟื่องฟูและอิทธิพลของธุรกิจก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับตระกูลจวงแล้วก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามากนัก

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลหลิน และเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มทายาทรุ่นเยาว์ เขาจะต้องกลายเป็นผู้นำของตระกูลหลินอย่างแน่นอน แม้ว่าจวงรุ่ยจะเป็นทายาทคนโตของตระกูลจวง แต่ในตระกูลจวงนั้นมีลูกหลานผู้ชายอยู่มากมายในเครือญาติสายรอง ซึ่งแต่ละคนต่างจับจ้องตำแหน่งผู้นำตระกูลตาเป็นมัน หากเผชิญหน้ากันจริง ๆ เขาย่อมไม่ด้อยกว่าอีกฝ่ายมากนัก

“ชิงอิ่งเป็นผู้หญิงของผม กล้าดียังไงถึงมาวุ่นวายกับเธอ! หลินอวี้เฟิง ไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่ผมจะโกรธ ไม่อย่างนั้นอย่าโทษผมที่ทำตัวหยาบคาย!” จวงรุ่ยขู่

“พล่ามอะไรอยู่ได้? คุณบอกว่าชิงอิ่งเป็นผู้หญิงของคุณงั้นเหรอ ผายลมเหอะ! ผมเคยบอกแล้วใช่ไหว่าผมจะแต่งงานกับซีชิงอิ่ง!” หลินอวี้เฟิงยื่นดอกกุหลาบในมือฝากำให้กับคนอื่น จากนั้นชี้นิ้วไปที่จวงรุ่ยพลางเอ่ยเยาะเย้ย “อยากเล่นกับผมใช่ไหม เอาเลย ถ้าผมแพ้ ผมจะยอมใช้แซ่ของคุณเลย!”

“หลินอวี้เฟิง!” จวงรุ่ยตะโกนด้วยความโกรธ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่ทำไมไม่พวกพ้องของเขามาที่นี่ ไม่เช่นนั้นเขาคงสั่งให้คนของตัวเองกระทืบอีกฝ่ายจนพ่อแม่ของมันจำหน้าไม่ได้แล้ว

ขณะเดียวกันมีคนอีกสองคนเพิ่งลงมาจากบันได

หวงไห่เทารั้งไหล่ของโจวอี้ไว้ก่อนจะเดินเข้าหาคนทั้งสองและพูดว่า “โอ้ ดูซิว่าใครอยู่ที่นี่ นายน้อยของตระกูลหลินและนายน้อยจวงรุ่ยนี่เอง เสี่ยวหลินจือ พ่อของคุณเป็นยังไงบ้างเดี๋ยวนี้? ผมไม่ได้เจอเขามาพักหนึ่งแล้ว”

หวงไห่เทา?

สีหน้าของหลินอวี้เฟิงเปลี่ยนไป

แม้ว่าเขาจะเป็นคนเย่อหยิ่งและมุทะลุ แต่เขาก็ยังมีบางคนที่ต้องเกรงกลัว ซึ่งหวงไห่เทาเป็นหนึ่งในนั้น

“อ…เอ่อ…อาหวง คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ! พ่อของผมสบายดี เขามักจะพูดว่าต้องการดื่มกับคุณ แต่เขายุ่งเกินกว่าจะทำอย่างนั้น” หลินอวี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้ง

“ไม่เป็นไร เอาไว้ผมจะไปดื่มกับเขาเมื่อมีเวลาว่าง ๆ” หวงไห่เทายิ้ม

“อืม ผมแน่ใจว่าพ่อจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ”

หลังจากหลินอวี้เฟิงพูดจบ เขาก็ชี้ไปที่จวงรุ่ยและพูดว่า “อาหวง อาเห็นรึเปล่าว่า…”

เรียกอีกฝ่ายว่า ‘อา’ เลยงั้นเหรอ?

จวงรุ่ยขมวดคิ้วแน่น

เขาอายุไล่เลี่ยกับหวงไห่เทา และเขาอายุมากกว่าหลินอวี้เฟิงห้าหรือหกปี แต่ตอนนี้หลินอวี้เฟิงได้เรียกหวงไห่เทาว่า ‘อา’ อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่เรียกเขาอย่างห้วน ๆ

การกระทำแบบนี้มันไม่เท่ากับว่าไอ้เด็กตระกูลหลินมันดูหมิ่นเขาซึ่งหน้าเลยงั้นหรือ!

หวงไห่เทามองไปที่จวงรุ่ยและหลินอวี้เฟิง จากนั้นแสร้งทำเป็นใจดีและพูดว่า “พวกเราล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองจินหลิง ดังนั้นอย่ามีเรื่องกันเพราะประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เลย คนอื่นจะหัวเราะเยาะเอาเปล่า ๆ!”

หนังตาของหลินอวี้เฟิงกระตุก

หวงไห่เทาหมายถึงอะไร?

ดูเหมือนอยากเป็นผู้ประนีประนอมแต่ไม่ต้องการเผชิญหน้า?

เขาจะไม่ยุ่งเหรอ?

หลินอวี้เฟิงคิดอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าใจความหมายของการแสดงออกของหวงไห่เทาแล้ว เขาก็แสร้งทำเป็นโกรธทันทีและพูดว่า “อาหวง วันนี้เป็นวันที่ผมจะขอซีชิงอิ่งแต่งงาน คุณควรจะเข้าใจความหมายใช่ไหม?”

“เข้าใจ” หวงไห่เทาพยักหน้า

“แต่ในวันแห่งความสุขของผม ชายแซ่จวงตะโกนบอกให้ผมออกไป และบอกว่าซีชิงอิ่งเป็นผู้หญิงของเขา คุณไม่คิดว่าการกระทำแบบนี้ของเขามันไม่ต่างจากการตบหน้าผมในที่สาธารณะและต่อหน้าตระกูลหลินหรอกหรือ” หลินอวี้เฟิงกล่าวด้วยความโกรธ

“ใช่…”

“อาหวง เพื่อเห็นแก่หน้าพ่อของผม วันนี้อาอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยว คนแซ่จวงไม่ไว้หน้าตระกูลหลินแบบนี้ผมไม่สามารถให้อภัยได้!” หลินอวี้เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

หวงไห่เทาหันไปมองจวงรุ่ยด้วยแววตาลังเล “เมื่อครู่ เนื่องจากผมยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้หลังจากได้รับฟังแล้ว… ช่างเถอะ ผมขอไม่ยุ่งจะดีกว่า นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกคุณส่วนซีชิงอิ่งจะให้คำตอบว่าอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของซีชิงอิ่ง…”

“เหล่าหวง คุณไม่ต้องพูดอะไรมาก วันนี้ผมจะประกาศกับทุกคนว่าซีชิงอิ่งเป็นผู้หญิงของผม และจะไม่มีใครสามารถแย่งเธอไปได้!” จวงรุ่ยกล่าวอย่างหนักแน่น

หวงไห่เทาไม่พูดอะไรต่ออีก

เขาเล่นบทบาทตัวเองจบแล้ว

ต่อไปเป็นการต่อสู้ระหว่างนายน้อยตระกูลจวงและตระกูลหลิน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีก

โจวอี้มองไปที่หวงไห่เทาซึ่งแสร้งทำเป็นทำอะไรไม่ถูกและแอบดูหมิ่นอีกฝ่าย

นี่น่ำเหรอคือการพยายามช่วยไกล่เกลี่ย

นี่มันคือการยุแยงทางอ้อมให้ยิ่งทะเลาะกันมากกว่าต่างหาก!

หลินอวี้เฟิงโกรธจัด เขาก้าวมาข้างหน้าและชี้ไปที่จวงรุ่ยก่อนตวาดเสียงดัง “คนแซ่จวง! หลีกทางให้ผม ไม่อย่างนั้นวันนี้คุณต้องถูกหามออกไปแน่!”

“ก็มาลองกันดู!” จวงรุ่ยกล่าวอย่างโกรธเคือง

“พวกคุณเอาแต่มองอะไรกันอยู่? ไหนบอกว่าเป็นพี่น้องของผมไม่ใช่รึไง ทำไมยังไม่เข้าไปกระทืบไอ้คนแซ่จวงนั่นให้ผมอีก!? ไม่ต้องห่วงถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ตระกูลหลินจะยืนหยัดปกป้องให้เอง!” หลินอวี้เฟิงหันไปตะโกนใส่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง